ผู้ป่วยมะเร็งร้องนายกฯ ขอความเป็นธรรม วานหลานปลูกกัญชาต้มกินแล้วได้ผล แต่โดน ตร.แพร่จับ

แพร่ - ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายชาวแพร่ ต้มกัญชากินแล้วได้ผล แต่ไม่มีตังค์ซื้อ วานหลานปลูกรับนโยบายปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ หลานกลับโดนจับ ร้องนายกรัฐมนตรีขอความเป็นธรรม-วอน ตร.ปล่อยหลานจับตัวเองแทน

นายโสภา ปาคำ ผู้ป่วยโรคมะเร็งถุงน้ำดีตับ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 3 ต.ร่องฟอง อ.เมืองแพร่ เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่า หลานชายของตนชื่อนายพลกฤษณ์ คนชม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 7 บ้านทุ่งน้ำใส ต.เหมืองหม้อ อ.เมืองแพร่ ถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีข้อหาผลิตกัญชา และมีกัญชาไว้ในครอบครองจำนวน 40 ต้น

โดยตำรวจชุดสืบสวนปราบปราม สภ.เมืองแพร่ ไดนำหมายเข้าค้นบ้านนายพลกฤษณ์ เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 24 เม.ย. แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้คาดคั้นนายพลกฤษณ์แล้วให้พาไปที่ที่ปลูกกัญชาในสวนผลไม้ห่างบ้านออกไป หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวพร้อมทั้งยึดต้นกัญชาขนาดความสูง 6-12 ซม.ที่ปลูกอยู่ในถุงดำทั้ง 40 ต้น นำส่ง ร.ต.อ.สามารถ วังกาษร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองแพร่ พนักงานสอบสวนเวร เพื่อดำเนินคดี

นายโสภาบอกว่า กัญชาทั้ง 40 ต้นที่กำลังปลูกอยู่นั้นเป็นของตน เนื่องจากแพทย์โรงพยาบาลลำปางตรวจพบว่าตนเป็นมะเร็งถุงน้ำดีและตับ ระยะ 4 เมื่อปี 2561 นำเข้าฉายแสงคีโมหลายรอบ เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่ปรากฏว่าร่างกายทรุดหนัก ผมร่วง มีอาการบวม

ต่อมาตนได้ลองนำกัญชาแห้งมาต้มน้ำร้อนดื่มทุกเช้า-เย็น วันละ 2 ครั้งๆ ละ 1 แก้ว ปรากฏว่าอาการดีขึ้น อาการบวมหายไป สุขภาพแข็งแรงขึ้น 1 ปีที่ผ่านมา อาการป่วยทุเลาอย่างเห็นได้ชัด แต่กัญชาหาซื้อยากและผิดกฎหมาย รวมทั้งมีราคาสูงมาก

เมื่อทราบข่าวว่า ทางราชการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดจึงได้ไปติดต่อที่สาธารณสุขฯเมื่อต้นเดือนเมษายน เพื่อขออนุญาตใช้กัญชาเพื่อการรักษา แต่ทางสาธารณสุขจังหวัดแพร่กล่าวว่ายังไม่มีมาตรการอนุญาต

“ปัญหาดังกล่าวทำให้ตัดสินใจว่าจะต้องปลูกกัญชาไว้ใช้เอง โดยได้วานหลาน คือ นายพลกฤษณ์ นำเมล็ดกัญชาไปทดลองปลูกดู ปรากฏว่าได้ผล มีกล้ากัญชาที่เจริญเติบโต 40 ต้น รอวันที่จะนำใบมาใช้เพื่อการบำบัดโรค หรือการเข้าถึงยาโดยไม่ต้องซื้อ เพราะตนเองก็ไม่มีรายได้ เป็นผู้ป่วยสูงอายุ จึงขอร้องหลานให้ไปปลูก”

แต่หลานกลับมาถูกจับ ขณะนี้ตำรวจ สภ.เมืองแพร่ ยังไม่ให้ประกันตัว จึงอยากวิงวอนขอให้ทางการเห็นใจผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ไม่มีทางออก เห็นว่ากัญชาทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับทางการเปิดให้ใช้เป็นยาได้ จึงขอให้ปล่อยตัวหลานชาย ถ้าจะเอาผิดก็มาเอาตนไปดำเนินคดีแทนก็ได้เพราะกัญชาเหล่านั้นเป็นของตน

ด้านนายพิทักษ์ชัย รักสุข ตัวแทนภาคประชาสังคมใน ต.ร่องฟอง กล่าวว่า ตนเห็นแล้วอนาถใจกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ กรณีของลุงโสภาเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ฟื้นตัวได้ด้วยกัญชา และมีทางเดียวที่จะทำให้การรักษาด้วยกัญชาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ก็คือการปลูกใช้เอง ขณะที่ทางรัฐบาลประกาศปาวๆ ว่าปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์แล้ว พรรคการเมืองหลายพรรคก็ออกมาส่งเสริม แต่กลับถูกจับดำเนินคดี

“อยากขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานราชการ รวมถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โปรดเห็นใจคนจนที่จะหาทางเข้าถึงยาเพื่อชีวิตของชาวบ้านตาดำๆ ขณะนี้การขอประกันตัวยากลำบากมาก ตำรวจมองว่าผู้ต้องหาเป็นคนร้ายนักค้ายาเสพติดร้ายแรง จึงขอประกันตัวยากมาก”