สสจ.สุรินทร์ยอมรับ รพ.ลืมผ้าก๊อซในช่องคลอด พร้อมชดเชย-ดูแลผู้เสียหาย

สุรินทร์ - นายแพทย์สาธารณสุขยอมรับ รพ.สุรินทร์ ลืมผ้าก๊อซในช่องคลอดเกิดขึ้นจริง พร้อมขออภัยและกำชับเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก เร่งสอบสวนข้อเท็จจริงและชดเชยค่าเสียหาย ด้าน ผอ.โรงพยาบาล เผยยอมรับข้อผิดพลาด ยืนยันไม่ใช่หมอ แต่เป็นพยาบาลทำแผลหลังคลอดเป็นคนลืมผ้าก๊อช

จากกรณีที่ในโซเชียลมีเดียเกิดกระแสข่าวการแชร์ข้อมูลจากเพจ ห้องสืบสวยสยอง ที่ได้โพสต์เรื่องราวขอความเป็นธรรมของสาววัย 16 ปี ที่ไปทำคลอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุรินทร์ จากนั้นก็ต้องพบกับเรื่องราวที่ไม่คาดคิด เมื่อหมอกลับลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอด จนเวลาผ่านเลยไปหลายวันจึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งอื่น ก่อนพบผ้าก๊อซอยู่ในช่องคลอด ขณะที่สภาพภายในมดลูกเป็นแผลจำนวนมาก

ในเพจดังกล่าวระบุถึงข้อความถึงเรื่องราวครั้งนี้ว่า ผู้เสียหายรายนี้แจ้งว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ แต่ตรวจพบที่โรงพยาบาลอีกแห่ง เพราะผู้เสียหายมีอาการผิดปกติ เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 25 ไปตรวจหลังคลอด 45 วันแล้ว สิ่งที่พบในช่องคลอดคือผ้าก๊อซ ตอนตรวจหลังคลอด 7 วันที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ พยาบาลบอกว่าปกติดี ไม่เจออะไร แต่มาโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ ปรากฏว่าเจอผ้าก๊อซถึง 2 ชิ้น อาการที่เป็นก็มีอะไรปูดๆ ออกมาจากช่องคลอดเจ็บมาก แต่ผู้เสียหายก็ไม่กล้าดึงออกเพราะคิดว่าเป็นแผลปูดแผลนูน

กระทั่งไปตรวจหลังคลอด พยาบาลบอกว่ามีอะไรคาอยู่ พยาบาลเลยดึงออกมาพบว่าเป็นผ้าก๊อซ พยาบาลได้ส่งตัวผู้เสียหายไปพบหมอสูตินรีเวชเพื่อทำการตรวจภายใน หลังตรวจพบว่าเป็นแผลในมดลูกเยอะมาก ผู้เสียหายคลอดตอนช่วงปีใหม่ หัวหน้าห้องคลอดมีอาการเมาด้วย ผู้เสียหายไปนอนรอคลอดตอนกลางคืน พอเช้ามีพยาบาลอีกคนมาเปลี่ยนถึงได้เร่งคลอด

เหตุการณ์ผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังไม่ได้รับการรับผิดชอบจากโรงพยาบาลต้นเรื่องเลย ไม่มีการติดต่อผู้เสียหาย ตอนนั้นมีแต่บอกรับผิดชอบตามบัตร 30 บาทชดเชยเป็นเงินตามบัตร 30 บาท ย้ำเรื่องบัตร 30 บาท ชีวิตคนจนมีค่าแค่ 30 บาทหรือ ตามที่เกิดกระแสข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (13 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวทราบว่า โรงพยาบาลต้นเหตุ คือ โรงพยาบาลใน อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปพบกับนายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง หลังจาก สาธารณสุข จ.สุรินทร์ ได้ร่วมประชุมทั่วไปที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.สุรินทร์

นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร สาธารณสุข จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ป่วยจะไปคลอดและมีการนัดตรวจ จากนั้นคนไข้ได้ไปทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ หลังจากที่เกิดปัญหาตรงนี้เขาไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แต่ส่วนหนึ่งโรงพยาบาลเองก็ได้ทบทวนเรื่องมาตรการด้านการทำคลอด เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการให้บริการ ทั้งเรื่องการติดตาม การมาตรวจหลังคลอด

โดยปกติทั่วไปถ้าผู้ที่ทำคลอดทำงานอยู่ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ก็จะไม่มีประเด็นปัญหาในเรื่องการติดตามตัวมาตรวจหลังคลอด โรงพยาบาลเองก็ได้ออกมาขอโทษถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้มารับบริการ ในส่วนของโรงพยาบาลจะได้ทบทวนและมีมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีก

ส่วนหนึ่งทางเราก็มีมาตรการในเรื่องการให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งโรงพยาบาลเองก็ได้ตามผู้ที่มารับบริการรายนี้ให้มาเขียนใบคำขอในเรื่องการชดเชยค่าเสียหาย ตามมาตรา 41 ของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่เนื่องจากว่าเจ้าตัวทำงานอยู่ต่างจังหวัดก็เลยไม่ได้มาดำเนินการตรงนี้ก่อน ทางโรงพยาบาลก็ได้ประสานญาติที่อยู่ที่บ้าน และโรงพยาบาลก็ได้เตรียมเรื่องเอกสารข้อมูลไว้ให้แล้ว จะได้ให้ทางผู้เสียหายดำเนินการเซ็นชื่อเพื่อที่จะได้ดำเนินการตามมาตรการต่อไป

ในเรื่องของการบริการตนเองได้กำชับไปแล้ว แต่ว่าบางช่วงบางตอน อาจจะมีข้อผิดพลาด อย่างเช่นกรณีนี้ปกติเรื่องของการคลอดนั้นหลังจากทำคลอดเสร็จจะต้องมีการเย็บ ถ้าเลือดไม่หยุดก็จะเอาผ้าก๊อซไปอุดเพื่อไม่ให้เลือดไหลเยอะ และจะต้องเอาออก แต่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนเวรตรงนี้ จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาด ทางเราก็ต้องขออภัยที่เกิดข้อผิดพลาดตรงนี้ขึ้นมาซึ่งเราจะทบทวนและเน้นย้ำเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์แบบนี้อีก นอกจากนี้ ในเรื่องของการให้บริการ เราจะมีการสอบสวนอยู่แล้วเพราะเป็นเรื่องข้อผิดพลาดทางการให้บริการ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินไปยังโรงพยาบาลเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลเปิดเผยว่า ผู้ป่วยได้ไปตรวจเนื่องจากมีอาการปวดที่ช่องคลอด เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ผลตรวจพบว่ามีผ้าก๊อซติดอยู่ในช่องคลอดและได้เอาออกแล้ว และแจ้งมายังโรงพยาบาลให้ทราบว่ามีผ้าก๊อซค้างในช่องคลอด ซึ่งโรงพยาบาลได้มีการตรวจสอบก็ยอมรับความผิดพลาดและต้องกราบขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ประชุมหารือถึงมาตรการต่างๆ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในการรักษาพยาบาลก็มีเกิดขึ้นได้บ้าง

โรงพยาบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ติดต่อผู้เสียหายไปยัง จ.สมุทรปราการ และให้ทำเอกสารเพื่อขอดำเนินการรับค่าทดแทนรักษาเยียวยาจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ตอนนี้ได้มีการประสานกับพี่สาวของผู้เสียหาย เนื่องจากผู้เสียหายทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ไม่สามารถมาทำเอกสารยื่นได้สะดวก ให้พี่สาวดำเนินการแทนได้ แต่ต้องส่งเอกสารไปให้เซ็นรับรองก่อนแล้วส่งกลับมา โรงพยาบาลก็จะดำเนินการเบิกค่าเยียวยาให้ผู้เสียหายได้ โดยโรงพยาบาลก็ต้องขอกราบประทานอภัยกับพี่น้องประชาชนที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นขั้นตอนการทำแผลหลังคลอด โดยใช้ผ้าก๊อซดันเข้าไปข้างในช่องคลอดเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมา เสร็จจากนั้นคงจะเป็นการลืมหรือมองไม่เห็น ก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้บ้างในการรักษาพยาบาลกรณีนี้ ทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องอย่างนี้ ทั้งเรื่องการรักษาเยียวยาและการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ตอนนี้มีการประสานทางผู้เสียหายและญาติซึ่งเป็นพี่สาวอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ผู้เสียหายไม่สะดวกที่จะเดินทางมายื่นเอกสารและก็ไม่ได้ติดใจ ก็จะให้พี่สาวจัดการให้ โดยการเยียวยาก็ต้องดูถึงความเสียที่เกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน ตามความหนักเบา มีคณะกรรมการระดับจังหวัดพิจารณาอยู่ ก็เป็นไปตามระเบียบ ซึ่งโรงพยาบาลเองก็พร้อมที่เยียวยาและไม่ได้นิ่งนอนใจ

ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานก็ได้มีการเรียกประชุมและกำชับให้มีรอบคอบความระมัดระวังให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีก ซึ่งเราก็มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงในทุกๆ ด้านอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังพี่สาวของผู้เสียหาย ทราบว่าวันนี้มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โทร.มาบอกกับตนว่าให้เข้ามาคุยกันพร้อมกับทำเรื่องเขียนบันทึก ซึ่งตนเองนั้นไม่พอใจบุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก เมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นมาแต่ให้ผู้เสียหายหรือตัวแทนเข้ามาทำการเขียนบันทึกค่าเยียวยาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล โดยก่อนหน้านั้นได้แจ้งไปยังน้องสาวที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ บอกว่าถ้าไม่สะดวกให้เข้าไปทำเรื่องที่โรงพยาบาลจังหวัดนั้นได้ แต่กลับถูกโรงพยาบาลจังหวัดนั้นปฏิเสธ ตนเองนั้นเหนื่อยและพูดไม่ออก แต่มาวันนี้ได้โทร.มาหาตนให้เข้าไปติดต่อ วันนี้ถ้านักข่าวไม่เข้าไปก็ไม่โทร.มาหาตน