xs
xsm
sm
md
lg

รายงานชี้เฟซบุ๊กจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาในเวียดนามเพิ่มขึ้นถึง 500% ในปี 2561

เผยแพร่:



รอยเตอร์ - เฟซบุ๊กเพิ่มปริมาณเนื้อหาที่ถูกจำกัดการเข้าถึงในเวียดนามมากกว่า 500% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 สื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุในรายงานที่เผยแพร่ในวันศุกร์ (24) ในขณะที่ทางการเวียดนามทวีการปราบปรามผู้เห็นต่างบนโลกออนไลน์

การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นในขณะที่เวียดนามกำลังดำเนินมาตรการเกี่ยวกับโลกออนไลน์เข้มงวดขึ้น และนำมาซึ่งกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ที่เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ จัดตั้งสำนักงานในท้องถิ่นและจัดเก็บข้อมูลในประเทศ

เมื่อต้นเดือนพ.ค. องค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า นักโทษเกือบ 10% จากทั้งหมด 128 คน ที่ถูกควบคุมตัวในเวียดนามจากการแสดงมุมมองความเห็นที่ต่างจากรัฐ ถูกจำคุกเนื่องจากการโพสความเห็นต่อต้านรัฐบนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก

เว็บไซต์เฟซบุ๊กถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในประเทศ และเป็นพื้นที่หลักสำหรับทั้งอีคอมเมิร์ซและผู้เห็นต่าง และในเดือนม.ค. ทางการเวียดนามได้กล่าวหาเฟซบุ๊กว่าละเมิดกฎหมายท้องถิ่น จากการอนุญาตให้ผู้ใช้งานโพสความเห็นต่อต้านรัฐ

ตั้งแต่เดือนก.ค.-ธ.ค. 2561 รายงานความโปร่งใสของเฟซบุ๊กระบุว่า เฟซบุ๊กได้จำกัดการเข้าถึง 1,553 โพส และ 3 โปรไฟล์ ในเวียดนาม เทียบกับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ที่เฟซบุ๊กจำกัดการเข้าถึงเพียง 265 โพสเท่านั้น

การจำกัดหมายถึงเนื้อหาที่โพสลงบนเฟซบุ๊กจะไม่สามารถมองเห็นได้ในบางประเทศเพราะถือเป็นการละเมิดกฎหมายท้องถิ่น

“มีหลายหนที่เราอาจต้องจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาเพราะมันละเมิดกฎหมายในบางประเทศ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ละเมิดมาตรฐานชุมชนของเราก็ตาม” โฆษกหญิงของเฟซบุ๊ก กล่าว

“เราเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาที่เราจำกัดตามกฎหมายท้องถิ่นลงในรายงานความโปร่งใสของเรา และแจ้งต่อบุคคลที่โพสว่าเนื้อหานั้นถูกจำกัด” โฆษกหญิง กล่าวเสริม

รายงานความโปร่งใสของเฟซบุ๊กระบุว่า บริษัทได้จำกัดเนื้อหาตามรายงานจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและกระทรวงด้านความมั่นคงของเวียดนาม

ตามที่ระบุในรายงานซึ่งโพสลงบนเว็บไซต์ของรัฐบาลเวียดนามเมื่อวันที่ 7 พ.ค. เฟซบุ๊กได้ลบโพสมากกว่า 200 โพส ที่มีเนื้อหาต่อต้านรัฐในเวียดนาม หลังได้รับคำร้องจากรัฐบาล

รายงานของรัฐบาลเวียดนามระบุว่า ทางการกรุงฮานอยได้จัดตั้งกลุ่มทำงานระหว่างเฟซบุ๊ก กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธนาคารแห่งชาติเวียดนาม และกรมสรรพากร และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เพื่อจัดการประเด็นปัญหาเหล่านี้ และรายงานระบุว่ากลุ่มทำงานมุ่งเน้นใน 3 ประเด็นหลักคือ เนื้อหาละเมิด การพัฒนาเศรษฐกิจ และภาษี.
กำลังโหลดความคิดเห็น