xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : 4 เดือนอันตราย รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

เผยแพร่:


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพุธที่ 12 มิถุนายน 2562 ตอน 4 เดือนอันตราย รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ



หลังจากรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวันอังคารที่11 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้     สถานะทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือ

นายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการคนแรก ตามรัฐธรรมนูญฉบับพ.ศ. 2560

เพียงแต่ที่พิเศษสำหรับบิ๊กตู่ คือ นอกจากจะคัมแบ็ค กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง พลเอกประยุทธ์ ก็ยังมีสถานภาพ เป็น หัวหน้าคสช. อีกหนึ่งเก้าอี้ ไปจนกว่า คณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 2/1    จะได้รับการโปรดเกล้าฯและเข้าเฝ้าถวายสัตย์ ฯ

เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในบทเฉพาะกาลมาตรา  มาตรา ๒๖๕ บัญญัติว่า ให้คสช.ยังคงอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะเข้ารับหน้าที่

และในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอคณะรัฐมนตรีเข้าปฏิบัติหน้าที่  ให้หัวหน้าคสช.ที่ก็คือ พลเอกประยุทธ์ ยังคงมีหน้าที่และอํานาจตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวพ.ศ  ๒๕๕๗   ในส่วนที่เกี่ยวกับอํานาจของหัวหน้าคสช. ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป

 สรุปก็คือ บิ๊กตู่ มีสถานะทั้งเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการโหวตเห็นชอบของรัฐสภา ที่ประกอบด้วยส.ส.ห้าร้อยคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ยังสวมหมวก หัวหน้าคสช.โดยสิ่งที่พลเอกประยุทธ์มีอยู่ในขณะนี้ แม้จะเหลือเวลาอีกแค่ช่วงสั้นๆ ที่จะได้ใช้

คือ ดาบอาญาสิทธิ์ มาตรา 44   ที่มีอำนาจเหนือฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ  และองค์กรอิสระ ที่พลเอกประยุทธ์ยังใช้มาตรา 44 ดังกล่าวได้อีกจนกว่าครม.ของตัวเองจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ สถานะและอำนาจหัวหน้าคสช.ถึงจะหมดไป

จึงทำให้ สถานภาพของบิ๊กตู่ ในยามนี้ จึงเป็นทั้ง “นายกฯจากระบอบประชาธิปไตย และหัวหน้าคณะรัฐประหาร”  ซึ่งจะว่าไปแล้ว นายกฯที่มีสถานภาพแบบนี้ คงเกิดขึ้นไม่ง่าย และไม่เห็นบ่อยนักในการเมืองไทย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนับถอยหลังก่อน คสช. สิ้นสุดสถานภาพ มีข่าวว่าจะมีการออกมาตรา  44  เพื่อล้มล้างยกเลิก มาตรา 44   ที่เคยออกเกี่ยวกับการควบคุมการทำงานของสื่อมวลชน

รวมถึงการยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. เพื่อโอนคดีที่อยู่ศาลทหาร ไปอยู่ในศาลพลเรือน ทั้งหมด ก็เป็นการทำก่อนที่ บิ๊กตู่ จะเหลือสถานะนายกฯเพียงตำแหน่งเดียว

สิ่งที่ต้องติดตามต่อจากนี้ก็คือ การทำโผคณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 2 ครั้งที่ 1 น่าจะได้ข้อยุติโดยเร็ว เพราะบิ๊กตู่ ลงมาปิดดีลระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลให้จบภายในไม่เกินสุดสัปดาห์นี้

ข่าวว่า การทำโผครม.ประยุทธ์ 2/1  พลเอก ประยุทธ์ ก็ได้ลงมาคุยกับแกนนำพลังประชารัฐบ้างแล้ว เพื่อเคลียร์เก้าอี้ สัดส่วนโควต้ารัฐมนตรีที่มีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะ พรรคประชาธิปัตย์ ในเก้าอี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพรรคภูมิใจไทย กับเก้าอี้ กระทรวงคมนาคม  

ที่ยังยื้อกันไปมาระหว่าง พลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตรที่ต้องการกระทวงเกษตรฯ กับทีมเศรษฐกิจพลังประชารัฐ ของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ต้องการกระทรวงคมนาคม มาดูแลเพื่อคอยผลักดันต่อยอดโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ที่รัฐบาลนี้สร้างไว้เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
 
หากไม่มีอะไรพลิกในนาทีสุดท้าย  มีการเปลี่ยนข้อตกลงในช่วงสุดท้ายก่อนยื่นโผครม.ให้พลเอกประยุทธ์ ก็คาดได้ว่า ฝ่ายที่ได้เฮ ก็น่าจะเป็น ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย โดยกลุ่มสามมิตรและทีมดร.สมคิด คงต้องรับสภาพไม่ได้ดูแลกระทรวงเกรดเออย่างที่ต้องการ

ซึ่งทางสามมิตรเมื่อยื้อเอากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับพาณิชย์มาไม่ได้ ก็พอใจที่ได้สับเปลี่ยนไปที่กระทรวงพลังงาน ที่นาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็นรัฐมนตรี และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะไปเป็นว่าการที่กระทรวงยุติธรรม สำหรับนายณัฐพล ทีปสุวรรณ เคยมีข่าวจะไปพลังงาน โผจริงจะไปเป็นว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ส่วนของพรรคภูมิใจไทย ยังเหมือนเดิม เปลี่ยนจากนาง นาที รัชกิจประการ เป็นนายพิพัฒน์ สามีมาเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวและการกีฬา เพราะนาทีติดปัญหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินหลังจากออกจากตำแหน่งผิดพลาด

หลังตั้งครม.ประยุทธ์ 2/1  เรียบร้อย โหมดการเมือง ก็จะเทน้ำหนัก มาที่ฝ่ายนิติบัญญัติ การเมืองในสภามากขึ้น เวลานี้ ก็มีการเคาะออกมาแล้วสำหรับการประชุมสภาฯสมัยสามัญ ที่ให้เริ่มนับตั้งแต่  22 พ.ค. - 18 ก.ย.62 รวม 120 วัน

จากนั้น ปิดสมัยประชุมระหว่างวันที่ 19 ก.ย. - 31 ต.ค.62  และมาเปิดสภาฯอีกทีตอน 1 พ.ย.62 - 28 ก.พ.63 และปิดสมัยประชุม วันที่ 29 ก.พ. - 21 พ.ค.63

4 เดือนกับการเมืองในสภาฯนับจากนี้ไป
จนถึงเดือนกันยายน  ที่โยงไปถึงเสถียรภาพรัฐบาลประยุทธ์2/1    ว่าจะอยู่หรือไป รัฐนาวา จะอยู่ยืดหรือไม่ยืด จะมีปัญหาองค์ประชุมล่ม ส.ส.รัฐบาลอยู่ในห้องประชุมสภา ไม่ถึง   251 เสียง จนอาจต้องแก้ปัญหาหนีสภาล่ม ด้วยการชิงปิดประชุม  

จึงเป็นด่านทดสอบแรก ของรัฐบาลประยุทธ์ 2/1 ที่มีส.ส.รัฐบาลรวมกัน  253  เสียง ไม่นับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ คือเกินกึ่งหนึ่งมาแค่  3 เสียง

เรียกได้ว่า ยิ่งกว่าเสียงปริ่มน้ำ  ทำให้ บรรดา ส.ส.รัฐบาล จะทำตัว ลั๊นลาเหลวไหลไม่เข้าประชุม หนีไปเที่ยวต่างประเทศ ไปต่างจังหวัดในช่วงเปิดสมัยประชุม หรือจะโดดประชุมในช่วงประชุมสภาฯ 4เดือนนี้แทบไม่ได้

ยิ่งตอนผลักดันกฎหมายสำคัญๆเข้าสภาฯเช่น ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ..2563 ที่คาดว่าน่าจะเข้าสภาฯวาระแรกภายในเวลาอันใกล้นี้ ก็ยิ่งเข้มเป็นพิเศษ จะหายหน้าไม่มาประชุมไม่ได้ พลาดมาอำนาจหลุดลอยทันที

หากรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ 253 เสียง ผ่าน4เดือนแรกนี้ไปได้แบบไม่ทุลักทุเล เสียงโหวตแต่ละครั้ง แน่นปึ๊ก ไม่มีหายแม้แต่เสียงเดียว แถมไม่มีการไปพึ่งพาส.ส.งูเห่าจากฝ่ายค้าน ก็จะทำให้ ฝ่ายรัฐบาลมีความมั่นใจมากขึ้นในการคุมเกมในสภา

4 เดือนอันตราย ต่อจากนี้ของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จะโลดแล่น ไปตลอดรอดฝั่ง หรือ ล่มกลางสภาฯ จนนำไปสู่การยุบสภาฯ  ก็อยู่ที่ แท็กติก การคุมเสียงในสภาฯ ของพรรคร่วมรัฐบาล จะเก๋าเกม แค่ไหน ?
กำลังโหลดความคิดเห็น