อย.เผย 4 วัน แจ้งครอบครอง "กัญชา" รอบเก็บตก มีแค่ 100 กว่าราย จากที่กาชาดแจ้งไว้ 3 หมื่นกว่าราย คาดอาจซ้ำกับคนที่ยื่นไปแล้ว จ่อสรุปผลแจ้งครอบครองสัปดาห์หน้า ผู้ป่วยกลุ่มจำเป็น-รอไม่ได้ อยู่พื้นที่ไหน โรคอะไร หวังจัดสรรสารสกัดกัญชาดูแล แจงของกลาง ป.ป.ส.เหลือแต่ล็อตปนเปื้อนยาฆ่าแมลง สกัดไม่ออก จึงต้องเผาทำลาย
วันนี้ (14 มิ.ย.) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการรับแจ้งครอบครองกัญชากลุ่มที่แจ้งเอกสารผ่านเว็บไซต์ของสภากาชาดไทย ว่า ทางคณะทำงานของสภากาชาดไทย แจ้งมายัง อย.ว่า ผู้ที่ยื่นเอกสารครบทั้ง 3 อย่าง เพื่อขอแจ้งครอบครองกัญชา มีจำนวน 3 หมื่นกว่าคน ซึ่ง อย.เปิดให้มาแจ้งครอบครองภายในวันที่ 10-21 มิ.ย. 2562 โดยผ่านมาประมาณ 3-4 วัน พบว่า มีผู้มาแจ้งครอบครองทั้งที่ อย.และส่งอีเมลเข้ามาประมาณ 100 กว่ารายเท่านั้น ซึ่ง อย.ทำได้แค่รอให้ผู้ที่มีเอกสารครบมาแจ้งครอบครอง เพราะทางคณะทำงานสภากาชาดไทยไม่ได้ส่งเป็นรายชื่อมาว่ามีบุคคลใดบ้าง จึงไม่ทราบว่า ใน 3 หมื่นกว่าคน ที่จะต้องมาแจ้งครอบครองจริงๆ มีจำนวนเท่าไร เพราะบางคนอาจแจ้งครอบครองผ่านทาง อย.หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ไปแล้ว หรือบางคนข้อมูลครบแต่อาจไม่ถูกต้อง หรือแค่ทดลองใช้กัญชาหรือโปรแกรมเท่านั้น
เมื่อถามว่า สรุปข้อมูลผู้แจ้งครอบครองกัญชาแล้วหรือไม่ว่า ส่วนใหญ่อยู่พื้นที่ไหน ป่วยด้วยโรคอะไร จำเป็นต้องใช้กัญชาหรือไม่ เพื่อวางแผนหาสารสกัดกัญชาในการดูแลผู้ป่วย นพ.สุรโชค กล่าวว่า จำนวนผู้แจ้งครอบครองกัญชา 2 หมื่นกว่ารายนั้น อย.กำลังวิเคราะหห์อยู่ว่า ว่าผู้ที่แจ้งครอบครองกัญชาเป็นผู้ป่วยกลุ่มไหน โรคอะไร อยู่จังหวัดไหน คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะทราบผล ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะรอให้กลุ่มที่ยื่นเอกสารผ่านคณะทำงานสภากาชาดไทยแจ้งครอบครองให้ครบทั้งหมดก่อน แต่พิจารณาจากจำนวนคนที่มาแจ้งแล้ว ก็คิดว่าคงจะประมวลผลข้อมูลของ อย.ไปก่อน
นพ.สุรโชค กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์จนได้ข้อมูลแล้วก็จะจัดสารสกัดกัญชาเพื่อช่วยผู้ป่วยในกลุ่มที่จำเป็นและรอไม่ได้ก่อน ว่ามีจำนวนเท่าไร อยู่พื้นที่ไหน เพื่อการกระจายสารสกัดกัญชาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่ง ก.ค.นี้ ทางองค์การเภสัชกรรรม (อภ.) ก็น่าจะได้น้ำมันกัญชาแล้ว ก็คงต้องมาหารือว่าจะกระจายอย่างไร แต่คาดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับกลุ่มนี้ ส่วนกลุ่มที่ยังรอได้ มียาอย่างอื่นทดแทน กัญชาไม่ใช่ทางเลือกแรก ก็อาจจะรอการปลูกกัญชาและผลิตออกมาตามระบบ
เมื่อถามถึงการจัดสรรกัญชาของกลางจาก ป.ป.ส. นพ.สุรโชค กล่าวว่า กัญชาของกลาง 7 กิโลกรัมที่ไม่มียาฆ่าแมลงและโลหะหนัก ก็จัดสรรให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดย รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ในการผลิตเป็นยา ส่วนที่ไม่มียาฆ่าแมลงแต่มีโลหะหนัก คือ แคดเมียม จำนวน 2 ตันที่กระจายให้แก่โรงพยาบาลและสถาบันการศึกษา หลักๆ ที่ได้ไปหลายร้อยกิโลกรัมก็ คือ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งจะเอาไปทดลองสกัดว่า สามารถทำให้สารโลหะหนักหลุดออกไปได้หรือไม่ หรือไม่เกินมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งหากยังปนเปื้อนสูงก็เอามาใช้ไม่ได้ แต่หากตรวจสอบแล้วไม่เกินมาตรฐานก็สามารถเอามาใช้ได้ แต่ก็ต้องรอดูผลการทดลองก่อน แต่ถ้าเกินอย่าง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็เตรียมที่จะปลูกอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ที่จะขอของกลางจาก ป.ป.ส.เพิ่ม เพื่อลองสกัดไม่ให้มีโลหะหนักปนเปื้อนสามารถทำได้หรือไม่ นพ.สุรโชค กล่าวว่า การจะสกัดให้สารโลหะหนักหลุดออกไปหรือทำให้ไม่เกินมาตรฐานก็สามารถขอมาทำได้ แต่ของกลางที่ ป.ป.ส.เหลืออยู่นั้น เป็นล็อตที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลงทั้งหมด ซึ่ง ป.ป.ส.ก็ได้สอบถามทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว รวมถึงมีข้อมูลศึกษาโดยทั่วไปว่า ไม่สามารถเอายาฆ่าแมลงออกได้ จึงตัดสินใจที่จะเผาทำลาย