xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” มองยาวปัญหาม็อบชาวนาชาวไร่เป็นเหตุที่ต้องวางตัว “ธรรมนัส” กับ “น้องสาวชาดา” มาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ **“ผู้กองธรรมนัส” เปิดหมดเปลือกทุกคดี ประกาศสัจวาจา ชีวิตจากนี้ลูกชาวนาจะตั้งใจแทนคุณแผ่นดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** “ลุงตู่” มองยาวถึงปัญหาม็อบชาวนาชาวไร่ที่ทุกรัฐบาลต้องเจอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ต้องวางตัว “ผู้กองธรรมนัส” กับ “น้องสาวชาดา” มาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ถือเป็นกระทรวงเกรดเอ ที่ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย รวมทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา ต่างพยายามต่อรองที่จะดูและกระทรวงนี้เพราะเกี่ยวพันอยู่กับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ดูแลราคาพืชผลทางการเกษตรซึ่งเป็นรายได้หลักของคนส่วนใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นกระทรวงที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ประชาชนได้ กินดี อยู่ดี ตามนโยบาย “ศาสตร์พระราชา” ที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นหัวใจหลักในการบริหาร หากทำผลงานได้ดี ก็จะสามารถสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคการเมืองที่ตนเองสังกัดได้

ในปีงบประมาณ 2562 กระทรวงเกษตรฯได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 108,539.324 ล้านบาท คิดเป็น 3.6% ของงบประมาณรายจ่ายรวม ส่วนงบประมาณปี 2563 มีการเสนอขอไว้ในวงเงิน 246,998 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณจำนวนนี้ จะถูกกระจายไปยังหน่วยงานต่างๆ ในกำกับดูแลของกระทรวง...

เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 2” ลงมา ปรากฏว่า มีคนจาก 4 พรรคการเมืองดังกล่าวข้างต้น ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้กันครบ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการ ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 3 คน ได้แก่ นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาวนายชาดา ไทยเศรษฐ์ จากพรรคภูมิใจไทย
เฉลิมชัย ศรีอ่อน - ประภัตร โพธสุธน
นับว่าเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่ง “ผู้กองธรรมนัส” มานั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการที่นี่ จากที่โผก่อนหน้านั้นคาดการณ์กันว่าจะได้นั่งว่าการกระทรวงแรงงาน ...เรื่องนี้ยอมมีที่มาที่ไปในการจัดวางตัว

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตั้งความหวังว่าจะแก้ปัญหาราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน ให้กระเตื้องขึ้นมาหลังจากราคาตกต่ำมาหลายปี หากทำสำเร็จ ก็จะสร้างคะแนนนิยม รักษาฐานเสียงในพื้นที่ภาคใต้ไว้ได้ นอกจากนี้ที่พรรคได้หาเสียงไว้ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ และเรื่อง “โฉนดสีฟ้า” จึงมีการคาดการณ์กันว่านายเฉลิมชัยในฐานะรัฐมนตรีว่าการจะดูแลหน่วยงานกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นหลัก ...ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการทั้ง 3 คน ก็แบ่งงานในกรมต่างๆ ให้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งยังมีหน่วยงานที่สำคัญๆ ในกระทรวง เช่น กรมการข้าว กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมหม่อนไหม กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เป็นต้น และยังมีองค์กรมหาชน อีก 3 แห่ง รัฐวิสาหกิจอีก 4 แห่ง อยู่ในการกำกับดูแล

ว่ากันว่า พืชผลด้านการเกษตร ตัวหลักๆ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน เป็น "สินค้าการเมือง" ราคามีขึ้นมีลง ตามวัฏจักร ...ในช่วงใกล้ฤดูการเลือกตั้ง สินค้าเกษตรมักจะราคาดี ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปีแรกๆ ของการตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคการเมืองที่ครองอำนาจอยู่ จากนั้นราคาก็จะตกต่ำลง และจะกระเตื้องขึ้นใหม่ เมื่อใกล้เลือกตั้งอีกครั้ง ... อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจไม่ตายตัวเช่นที่ว่านี้ เพราะมีปัจจัยอื่นๆที่อยู่เหนือการควบคุมมาเกี่ยวข้อง เช่น สถานการณ์ตลาดโลกก็มีผลในด้านราคาอยู่ด้วยเช่นกัน...

และเมื่อราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนก็จะเกิดการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าไปดูแลช่วยเหลือ หากรัฐบาลเพิกเฉย หรือไม่มีมาตรการที่เป็นที่พอใจของเกษตรกร ก็จะเกิดเคลื่อนขบวนมาประท้วง มากดดันที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีให้เห็นมาโดยตลอด ...
ชาดา ไทยเศรษฐ์ - มนัญญา ไทยเศรษฐ์
นี่จึงเป็นเหตุผลให้ “ลุงตู่” ตั้ง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” และ “น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์” มานั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อรับมือกับปัญหานี้

“ผู้กองธรรมนัส” นั้น เป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำผลงานในพื้นที่ภาคเหนือได้ทะลุเป้า ทะลวงฐานเสียงพรรคเพื่อไทยของ “นายใหญ่” ได้หลายพื้นที่ ทั้ง จ.พะเยา ตาก แม่ฮ่องสอน แถมยังเป็นมือประสานในการเจรจาพรรคต่างๆ เข้าร่วมรัฐบาล และยังเคลียร์ปัญหาพรรคเล็ก ที่ไม่พอใจจากการที่ไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ...

ด้วยเป็นคนที่ “มากคอนเนกชัน” บุคลิกถึงลูกถึงคน แม้จะมีภาพมาเฟีย แต่ก็มีศิลปะในการเจรจา ทั้งแข็ง ทั้งอ่อน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ จนทำให้ “ลูงตู่” ไว้วางใจให้เป็น “มือการเมือง” และไม่ลังเลที่จะมอบตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้

ขณะที่ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” ก็มาในฐานะตัวแทนของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ผู้กว้างขวางแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี ซึ่งก็คลุกคลีอยู่กับกลุ่มเกษตรกรเช่นกัน เขาเป็นประธานสมาคมชาวไร่อ้อยไทยเศรษฐ์ จังหวัดอุทัยธานี ...และคงจำกันได้ที่ขบวนชาวนา นำรถไถ รถอีแต๊ก อีแต๋น มุ่งหน้ามาตามถนนสายเอเชียสู่ทำเนียบรัฐบาลในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2557 เรื่องการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวที่รัฐบาลติดค้างชาวนา แต่เมื่อขบวนชาวนามาถึง วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ได้รับการเจรจาเคลียร์ปัญหาก่อนจะมาถึงทำเนียบรัฐบาล... เรื่องรับมือม็อบเกษตรกรแล้ว การส่งน้องสาวมาเป็นรัฐมนตรี ก็ไม่ต่างอะไรจากที่ “ชาดา” มาเอง

เกษตรกรภาคใต้ให้ประชาธิปัตย์รับมือ ...เกษตรกรภาคเหนือ มี “ผู้กองธรรมนัส” คอยเคลียร์ ส่วนภาคกลางเป็นหน้าที่ของ “มนัญญา” ... นี่คือแผนรับมือปัญหาม็อบเกษตรกรของรัฐบาลลุงตู่

**ตามนัด “ผู้กองธรรมนัส” เปิดหมดเปลือกทุกคดี ทั้งยาเสพติดที่ออสเตรเลีย “เรื่องโอละพ่อ” คดีฆ่าดอกเตอร์ ศาลยกฟ้อง ลั่นไม่ใช่คนรักร่วมเพศ โกงบิตคอยน์เป็นพยานไม่ใช่ผู้ต้องหา ประกาศสัจวาจา ชีวิตจากนี้ลูกชาวนาจะตั้งใจแทนคุณแผ่นดิน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ตกเป็นเป้ารุมถล่มรัวๆ ในโซเชียลฯ ตั้งแต่มีกระแสติดโผ ครม. ถึง “คุณสมบัติ” ขัดกับเก้าอี้เสนาบดีจนต้องประกาศว่าจะเปิดหมดเปลือกถึงปูมหลัง และคดีต่างๆ ที่สงสัยกัน เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ แล้ว เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้เลือกรายการ “NEWS TALK ตัวจริงเสียงจริง” ของช่อง News1 เปิดใจแบบละเอียดยิบเป็นที่แรก

เริ่มจากคดียาเสพติดที่ออสเตรเลีย “ผู้กองธรรมนัส” รมช.เกษตรและสหกรณ์ บอกว่า ถือว่าเป็นตราบาปที่ติดตัวมาตลอดชีวิต แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องโอละพ่อ... เขาว่าทั้งไม่ได้ขนไปขาย ไม่ได้ผลิตยาเสพติด ก่อนถูกจับนั้น บังเอิญมีรุ่นพี่ซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ทำงานอยู่ทางด้านยาเสพติดตลอด พี่คนนี้เคยให้ความอุปการะตัวเขา และครอบครัวมาตลอด ...ในช่วงเดือนเมษายนปี 2536 ได้ชวนไปเที่ยวซิดนีย์ โดยผ่านการตรวจค้นทุกอย่าง ไม่มีพกพายาเสพติดใดๆ จากประเทศไทย

“แต่สิ่งที่ผมพลาดในชีวิต ตลอดเวลาผมก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเรื่องนี้ พี่ท่านนี้ก็ไปรับผมที่สนามบิน แล้วพาผมไปพักที่ห้องนอนที่พี่ท่านนี้พักอยู่ เหตุการณ์วันนั้นผมไม่รู้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้มาก่อน จู่ๆ พี่ ซึ่งพอไปถึงประมาณสักสิบนาที เพื่อนพี่ที่เป็นฝรั่งก็มาหาพี่ที่ห้อง ทันใดนั้นประมาณสัก 4-5 นาที ถ้าผมจำไม่ผิด ก็มีตำรวจ มีเจ้าหน้าที่เข้ามารวบพวกเราทั้ง 4-5 คน ทั้งหมดเลย ซึ่งผมก็ขัดขืน เพราะผมไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรกัน”

เหตุการณ์วันนั้น ถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน ต่อสู้คดีมาโดยไม่ได้ถูกตัดสินว่าผมค้ายา นำเข้าเฮโรอีน แต่เป็นข้อหา knowing, concern เป็นข้อหาว่ารู้ว่ามีการทำอะไรกัน ซึ่งโทษในประเทศออสเตรเลียถือว่าเป็นโทษเบา ถ้าเป็นบ้านเราไม่มีข้อหานี้ เป็นข้อหาลหุโทษ ...

ระหว่างที่ต่อสู้คดีก็ใช้ทนายซึ่งทางราชการของประเทศออสเตรเลียเขาให้เรามาใช้ ทนายแนะนำว่าการต่อสู้คดีมันจะยาวมาก เพราะคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ของทางออสเตรเลียก็มาขอให้กันตนเองไว้เป็นพยาน พร้อมกับพี่ท่านนั้นด้วย การต่อสู้ ณ เวลานั้นเป็นการต่อสู้ว่าตนเป็นพยานให้เจ้าหน้าที่รัฐว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้อง ทุกครั้งที่ไปสืบพยานที่ศาลจะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้อย่างเดียวว่าถูกจับในระหว่างที่บุคคลอื่นกระทำความผิด... นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อ 26 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังมียศร้อยโท

หลังจากกลับมา ปี 2539 มีการออก พ.ร.บ.ล้างมลทิน จึงขอกลับเข้ามารับราชการ โดยใช้ยศเดิม คือ ร้อยโท เป็น “ร้อยโท พชร พรหมเผ่า” ประมาณปี 2540 พอปี 2541 วันที่ 1 มิถุนายน 2541 ได้รับเลื่อนยศเป็น ว่าที่ร้อยเอก จนประมาณเดือนสิงหาคม 2541 เกิดเหตุการณ์คดีฆาตกรรมดอกเตอร์คนหนึ่ง

“จริงๆ แล้ว คดีนี้ตำรวจภูธรภาค 3 สรุปสำนวนมาแล้วว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของผมไปทำให้เขาเสียชีวิต แต่หลังจากนั้นคดีถูกโอนมาอยู่กองปราบฯ ผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด ก็ถูกสอบสวนใหม่ด้วยวิธีการของตำรวจ ซึ่งผมไม่อยากพูดถึงคดีนะ คดีมันจบไปแล้ว ก็เอาผมเป็นผู้ต้องหาร่วม

สิ่งที่มันติดตัวผมอยู่ตลอดเวลานี้ สิ่งที่ผมอยากจะพูดมากในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางท่านบอกว่า ผู้ตายมีคราบอสุจิในทวารหนัก ซึ่งก็พยายามจะเบนว่าผมนิยมรักร่วมเพศ จริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ต้องหาได้รับสารภาพ และศาลตัดสินจำคุก ให้การรับสารภาพหมดว่าไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย ผมไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเลยในคืนเกิดเหตุ ถึงแม้จะเป็นสำนักงานซึ่งตามข่าวบอกว่าเป็นบ้านผม ความจริงไม่ใช่ เป็นสำนักงาน เป็นบริษัท”

พอต่อสู้คดีมาตั้งแต่ปี 2541 ถูกคุมตัว 3 ปี 1 เดือน ในเรือนจำ ไม่ได้รับการประกันตัว จนปี 2544 ได้รับการประกันตัวแล้วออกมาสู้คดีข้างนอก สู้คดีจนปี 2547 ศาลสั่งยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 5-6 ทั้งหมด มีจำเลยที่รับสารภาพ คือ จำเลยที่ 2 ที่ศาลตัดสินจำคุก 9 ปี ซึ่งคดีก็จบไป อัยการไม่อุทธรณ์.. คดีก็จบไป

ส่วนคดีที่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทที่โกงบิตคอยน์ของชาวฟินแลนด์ เมื่อเร็วๆ นี้นั้น “ร.อ.ธรรมนัส” บอกว่า บ.ดีเอ็นเอ ที่ตนซื้อหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และบังเอิญว่าคนที่ซื้อหุ้นบริษัทนี้ไปเกี่ยวข้องกับคนที่โกงบิตคอยน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแล้วไม่เกี่ยวข้อง และอยู่ในฐานะพยาน ...ไม่ใช่ผู้ต้องหา

“ผู้กองธรรมนัส” บอกว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ก็เฉกเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาเกือบ 30 ปี กับสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นวันนี้ และวันหน้า แน่นอนว่า สิ่งที่ผ่านมาเราไม่สามารถหวนไปทำให้มันดีขึ้นได้ แต่ในอนาคตที่จะถึง หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ผมจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า คนอย่างผมทำอะไรยึดถือหัวอกของคนยากคนจน คิดถึงคุณแผ่นดินที่ยังไม่ได้ทดแทน...จากนี้ไปจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด

ระยะทางพิสูจน์ม้าฉันใด กาลเวลาจะพิสูจน์คนฉันนั้น ก็ต้องรอดูผลงาน รมช.ธรรมนัส กันต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น