ป้อมพระสุเมรุ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “ถ้าพรรคคือวัด อดีตนายกฯทักษิณคือเจ้าอาวาสวัดนี้
“ผมเป็น ส.ส.พรรคนี้ก็คือพระลูกวัด ผมย่อม รู้เช่นเห็นชาติ เรื่องของหลวงพ่อ และเรื่องภายในวัดมากกว่าญาติโยมที่อยู่นอกวัดมิใช่หรือ ผมจึงทนอยู่วัดนี้ไม่ได้ แต่พระอีกหลายรูปไม่กล้าหนีวัดนี้ เพราะกลัวไม่ได้รับกิจนิมนต์ จะขาดรายได้ พุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อทั้งหลายครับ วันนี้ทำไมหลวงพ่อทิ้งวัดไม่กลับมา ถ้าไม่ผิดกลัวอะไร โยมทั้งหลายจงตรองให้ดี เลือกตั้งที่ก็พูดเรื่องน้ำแล้ง น้ำท่วม เรื่องราคาพืชผล สุดท้ายใครโกงจำนำข้าว ใครหนีไปแล้ว ใครอยู่ในคุก และใครกำลังจะหนีอีก ผมเจ็บผมทนได้ แต่ประชาชนอย่าเจ็บต่อ ตื่นเถอะครับ...”
เป็นข้อความบนเฟซบุ๊กของนักการเมืองสายฮาร์ดคอร์ สุชาติ ศรีสังข์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคไทยรักไทย เจ้าของฉายา “ซัดดัมอีสาน” ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย
“ซัดดัมอีสาน” เลือกจังหวะโพสต์ข้อความอย่างมีนัยไม่น้อย เพราะเป็นช่วงเวลาก่อนถึงวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70 ปีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้หนีโทษจำคุกอยู่ในต่างแดน พร้อมทั้งพาดพิงไปถึง “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาวทักษิณที่หนีความผิดในคดีจำนำข้าว ไปเสพสุขอยู่ในต่างแดนเช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้มีข่าวฮือฮาไม่น้อย หลัง “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม คนสนิทของทักษิณ ได้ใช้โอกาสงานจัดเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 69 ปีของตัวเอง เมื่อวันที่ 5 ก.ค.62 ประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว
พร้อมทั้งมีการปล่อยข่าวผ่าน “คนสนิทของเสี่ยเพ้ง” ด้วยว่า จะมีนักการเมืองที่ใกล้ชิด “ทักษิณ” อีกหลายคนทยอยประกาศวางมือทางการเมือง ก่อนที่ “นายใหญ่” จะประกาศเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง (อีกครั้ง) ในวันเกิดครบรอบ 70 ปีในปีนี้
อย่างไรก็ดี แทบไม่มีใครเชื่อข่าวการประกาศวางมือของ “ทักษิณ” หรือแม้จะประกาศจริงก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี เพราะที่ผ่านมาก็เคย “แผ่นเสียงตกร่อง” ประกาศทำนองนี้มาหลายครั้ง ที่สุดก็ถูกจับได้ว่า ยังอยู่เบื้องหลังชักใยขุมข่ายการเมืองในประเทศโดยตลอด
ไม่ต้องย้อนไปไกล ล่าสุด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา “ทักษิณ- ยิ่งลักษณ์” ก็โฉบมาที่เกาะฮ่องกง-สิงคโปร์ ยังมี “ลิ่วล้อ” ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย แห่แหนกันไปพบกันจนล้น
โดยเฉพาะรายของ “เฮียพงษ์” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ก็ไม่พลาดบินไปพบ “นายใหญ่” หลังได้รับความไว้วางใจให้ขึ้นคุมสาขาหลักอย่างเป็นทางการด้วย
สำคัญกว่านั้น คนชื่อ “ทักษิณ” ยังไม่สามารถตัดขาดจาก “อำนาจ” ได้ หากไม่สิ้นลมหายใจ เพราะยังต้องการกู้ศักดิ์ศรีของตัวเอง และกลับมาเหยียบมาตุภูมิให้ได้
อีกทั้งยังมี “เดิมพันสำคัญ” ชะตาของ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่กำลังจะถูกตัดสินคดีสินบนเงินกู้กฤษฎามหานคร ในช่วงเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้
หลายปัจจัยทำให้ “ทักษิณ” ไม่สามารถวางมือได้เด็ดขาด
การ “ปล่อยข่าว” วางมือทางการเมืองออกมานั้น ก็เพียงแค่ต้องการ “แกล้งตาย” ในยามที่เพิ่งมีรัฐบาลชุดใหม่ และต้องการ “ส่งสัญญาณ” บางประการ ในช่วงที่รู้ดีว่า คงไม่สามารถพลิกการเมืองได้ในช่วงนี้ หรือภายใต้ “กติกาปัจจุบัน” อย่างแน่นอน
หันกลับมาดูความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งผลัดใบคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เนื่องจากจำเป็นต้องให้คนที่เป็น ส.ส.ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
หวยมาออกที่ “สมพงษ์” ส.ส.เชียงใหม่ รุ่นเก๋าที่ได้รับการผลักดันจาก “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณอีกคน
หากแต่เมื่อลงลึกกรรมการบริหารพรรคทั้ง 29 รายแล้ว “ส่วนใหญ่” ยังอยู่ภายใต้การคอนโทรลของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกฯของพรรคเช่นเดิม
โดยเฉพาะรายของ “ผู้พันป๊อป” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สายตรง “เจ๊หน่อย” และคนสนิทของ “ลูกโอ๊ค” ได้เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เพิ่มบทบาทคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนพรรค ประสานกับ “สมพงษ์” เป็นนักการเมืองรุ่นเก่า
แต่ความเป็นจริงคือการค้ำอำนาจกันเองระหว่าง “เจ๊แดง - เจ๊หน่อย” มากกว่า
หากแต่ส่วนผสมในกรรมการบริหารพรรคดูจะอิงไปที่ “เจ้าแม่นครบาล” มากกว่า “เจ้าแม่วังบัวบาน”
เมื่ออิทธิพลของ “หญิงหน่อย” ที่ยังคุมพรรคเพื่อไทยเกือบจะเบ็ดเสร็จนี่เอง คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม “เฮียเพ้ง” ถึงต้องประกาศวางมือ ด้วยเพราะไม่ลงรอย และพยายามแย่งชิงการนำใน “ค่ายทักษิณ” กันมาโดยตลอด แล้วยังมี “รุ่นใหญ่” อีกหลายรายที่เฟดตัวไปอยู่ข้างหลัง หรือถูก “คำสั่งเจ๊” ลดบทบาทไปโดยปริยายด้วย
ต้องจับตาจังหวะก้าวต่อไปของ “เจ๊หน่อย” หลังแผ่อิทธิพลใหญ่คับพรรคเพื่อไทย ดูจะน่าสนใจไม่น้อย
ด้วยบังเอิญขณะนี้ “เสี่ยเอก” พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขต 14 บึงกุ่ม คันนายาว พรรคเพื่อไทย กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จากกรณีถูกชี้มูลความผิดจงใจปกปิดการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งศาลได้นัดฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ก.ค.62 ที่ผ่านมา
แต่องค์คณะผู้พิพากษามาไม่ครบ จึงให้เลื่อนการพิจารณาคดีนี้ออกไปเป็นวันที่ 12 ก.ย.62
โดยมีรายงานข่าวว่า ในระหว่างการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา “พลภูมิ” ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจและรับสารภาพว่า ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯในรายการใช้บัตรเครดิตประมาณ 2.2 แสนบาท และเงินฝากในบัญชีราว 1.6 หมื่นบาท พร้อมร้องขอความเมตตาจากศาลให้พิจารณาว่าในประเด็นคดีหมดอายุความกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับเก่าไปแล้ว
แน่นอนการตัดสินของศาลฯในวันที่ 12 ก.ย.62 ย่อมส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของ “พลภูมิ” อย่างแน่นอน ซึ่งหากถูกตัดสินว่าออกมาในทางลบ และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็ทำให้มีเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น
ทว่า “ตัวตายตัวแทน” ที่ทำพื้นที่ร่วมกันมาอย่าง “มาดามก้อย” ชญาดา วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ก.คันนายาว ภรรยาของ “พลภูมิ” เองก็ติดหล่มปกปิดบัญชีทรัพย์สินฯและมีคิวที่จะถูกตัดสินหลังจากนี้อีกไม่นาน ซึ่งก็คาดว่าทิศทางก็จะเป็นไปบนบรรทัดฐานเดียวกับสามี
จึงไม่แปลกหากจะมีชื่อ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย หากมีการเลือกตั้งซ่อมที่เขต 14 บึงกุ่ม-คันนายาว กทม. และมีแนวโน้มที่จะชนะสูง เพราะถือเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยมาตลอด
กลายเป็นโอกาสที่ “เจ๊หน่อย” จะเข้าไปคุมเกมในสภาฯเต็มตัว.