ทุบทิ้งแล้ว อาคารสถานเอกอัครราชทูตของสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย หลังเก่า บนถนนวิทยุ หลังขายให้บริษัทฮ่องกงแลนด์ ที่กลุ่มเซ็นทรัลร่วมทุนกว่า 1.8 หมื่นล้าน ชาวเน็ตเสียงแตก ทั้งไม่เห็นด้วยที่ทุบ และทั้งที่เห็นว่าเอกชนมีสิทธิ์ทำได้ กฎหมายไม่บังคับ
วันนี้ (13 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "ICOMOSThailand Association" หรือ อิโคโมสไทย ได้เผยแพร่ภาพอาคารสถานเอกอัครราชทูตของสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย หลังเก่า บนถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ที่ถูกทุบทิ้ง โดยโพสต์ข้อความว่า "สถานทูตอังกฤษ ถูกทุบได้ไง เป็นโบราณสถาน ถึงแม้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน แต่ถือเป็นโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ผู้ทุบทำลายโบราณสถานมีโทษตาม พ.ร.บ.โบราณสถานด้วยนะ กรมศิลปากรทราบเรื่องทุบครั้งนี้หรือยัง
ก่อนหน้านี้ตอนที่สถานทูตได้ขายพื้นที่ส่วนหน้า ที่กลายมาเป็น เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในปัจจุบันนี้ เนื่องจากในพื้นที่ที่จะขายมีอาคารเก่าอยู่ 2 หลัง และมีอนุสาวรีย์ควีนวิคตอเรีย ตั้งอยู่ถือเป็นอุปสรรค เคยถามมาที่กรมศิลปากรว่ามีกฎหมายโบราณสถานคุ้มครองหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่า หากยังเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศอังกฤษ กฎหมายไทยก็จะไม่มีผลบังคับ ในตอนนั้นทางสถานทูตจึงเคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์และทุบอาคารประวัติศาสตร์ทิ้งเองไป 2 หลัง แล้วจึงค่อยขายที่ให้เซ็นทรัล
แต่ในคราวนี้ การถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้มีขึ้นโดยที่ยังมีตึกเก่าที่มีคุณค่าที่เหลืออยู่ทั้งสามหลัง จึงต้องถือว่ากฎหมายโบราณสถานได้มีผลบังคบใช้แล้ว โดยที่อาคารกลุ่มนี้ถือว่ามีคุณค่าตามนิยามใน พ.ร.บ. อ้างอิงได้จากการที่เป็นอาคารที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสยามฯ แม้จะยังมิได้ขึ้นทะเบียนเพราะก่อนนี้ขึ้นไม่ได้เนื่องจากเป็นของอังกฤษ การที่จะรื้อได้เช่นนี้คงทำได้ถ้ายังเป็นของอังกฤษ แต่ถ้าโอนเป็นของคนไทยแล้วจะต้องอยู่ในอำนาจของอธิบดีกรมศิลปากรเท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ส่วนหนึ่งมองว่า เอกชนมีสิทธิที่ทำได้ เพราะทางสถานทูตอังกฤษขายที่ดินให้เอกชนไปแล้ว แม้ว่าจะมีอาคารเก่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ แต่เมื่ออาคารนี้ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน กรมศิลปากรก็ไม่มีอำนาจใดๆ แต่ความเห็นบางส่วนยังคงเสียดายอาคารหลังนี้ และคิดว่าน่าจะอนุรักษ์ไว้ ไม่จำเป็นต้องทุบอาคารทิ้ง
สำหรับสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษได้ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่ฮ่องกง แลนด์ บริษัทร่วมทุนระหว่าง จาร์ดีน แมธทีสัน และกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยมูลค่า 420 ล้านปอนด์ หรือราว 18,600 ล้านบาท และย้ายส่วนงานพิจารณาวีซ่าย้ายไปอยู่ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เพื่อความสะดวกในการพิจาณาวีซ่าและบริหารจัดการข้อมูล
อ่านประกอบ : เปิดภาพเก่า “สถานทูตอังกฤษ” ก่อนดีลประวัติศาสตร์ ขายที่ดินหมื่นล้าน