xs
xsm
sm
md
lg

"ลุงป้อม" นั่งประธานยุทธศาตร์พรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนว่าไผเป็นไผ ? ** เคาะโผทหาร "บิ๊กบี้" จากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. จ่อคิวรอนั่ง ผบ.ทบ. **เปิดกรุสมบัติส.ว."พิกุลแก้ว" รวย 2,500ล้าน ขณะที่ "อิสระ ว่องกุศลกิจ" อดีต สนช.รวย 6,000ล้าน

เผยแพร่:


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งประธานยุทธศาตร์พรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนว่าไผเป็นไผ ? แต่ก็จะตอกย้ำว่า นี่เป็น"พรรคทหาร" เต็มขั้น ลูกพรรคหนาวๆร้อนๆ

ก่อนนี้โดนใครจี้ถามจะ "สืบทอดอำนาจ" อยู่เบื้องหลังพรรคประชารัฐ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. ก็จะพลิ้วไหวตอบเสียงสูง "ไม่มี๊ ไม่มี"... แต่วันนี้ชัดเจนว่า "ลุงป้อม" เอาตัวลงมาคลุกฝุ่นเอง โดยนั่งเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

แว่วว่า พลันที่"ลุงป้อม" คอนเฟิร์มลงมาเล่นเองแบบนี้ พรรคถึงเกิดมรสุม คลื่นลมแรงปั่นป่วนออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ ... เนื่องเพราะ การที่"ลุงป้อม"ยึดประธานฯ ลูกพรรคก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่เท่ากับ"ลุงป้อม" ประกาศต่อโลกว่า ข้าได้ยึดพรรค ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเรียบโร้ย

เมื่อยึดพรรค ก็เท่ากับจะพาทั้งหมดนับถอยหลังรอวันพังหรือไม่ เพราะต่อจากนี้ ภาพลักษณ์ที่พยายามจะสร้างพลังประชารัฐ ให้เป็นพรรคการเมืองที่จะเป็นสถาบันแบบยั่งยืนก็ไม่ต่างอะไรกับ "พรรคสามัคคีธรรม" พรรคเฉพาะกิจ ที่ทหารตั้งขึ้นมาสืบทอดอำนาจในอดีต
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
"ลุงป้อม"เป็นพี่ใหญ่คสช. นั่งประธานฯพรรค ใครๆ ก็ต้องคิด คนไม่รู้การเมืองไม่ต้องติดตามใกล้ชิดก็รู้ว่า...พรรคพปชร.=พรรคทหาร ... พรรคทหาร=สืบทอดอำนาจ ... เข้าทางฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นได้บดขยี้ ขึงพืดกันสนุกแน่ ทั้งในสภาฯและโซเซียลฯ เชื่อขนมกินกันได้เลยว่า..เละยิ่งกว่าโจ๊กสามย่าน

ลูกพรรคก็ต้องคิดต่อละว่า เลือกตั้งครั้งหน้า จะไหวมั้ยลุง ? ระทึกขวัญกันทีเดียว เพราะ ทหารก็คือทหาร สั่งซ้ายหันขวาหัน นักการเมืองมือชีพ หรือกระทั่งนักเลือกตั้ง ก็คงคิดหนักกันละคราวนี้ ... ตัวอย่างที่เห็นในสภาฯวันที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายโดนรับน้องอย่างไร พูดสั้นๆ ห้วนๆ ชี้นิ้วก็ยังลำบาก เป็นภาพที่กระอักกระอ่วนกันทั้งพรรค

สัญญานนี้แม้ว่า คนสำคัญของพรรคพปชร.อย่าง "อุตตม สาวนายน" รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะบอกว่า การทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ที่มี "พล.อ.ประวิตร" นั่งเป็นประธาน ว่าการทำงานจะไม่เหลื่อมล้ำกับการทำงานของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งทำงานด้วยกัน ... หัวหน้าพรรคพปชร. ชี้ให้ไปดูพรรคอื่นเขาก็มีโครงสร้างแบบนี้...

ปัญหาที่สงสัยว่า "ตกลงใครใหญ่ ไผเป็นไผ" อุตตม บอกไม่ทราบว่าเขาใหญ่กว่าหรือไม่ ?

ส่วนหน้าที่จริงๆของ"ประธานฯลุงป้อม"ต้องทำอย่างไร ? "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค อธิบายว่า ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านในด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งจะดูเรื่องของความเชื่อมโยงระหว่าง ส.ส.กับพื้นที่ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการความต้องการของประชาชน และเพื่อเชื่อมโยงกับภาครัฐได้ เป็นกรอบที่วางไว้ เพื่อให้ท่านเข้ามาขับเคลื่อน...

นี่ก็อาจจะแปลความได้ว่า อาจจะต้องตีความตำแหน่ง "ลุงป้อม" กันอีกในพรรคให้ชัดเจน ตกลงคือ "ครอบครอง" หรือ ช่วยงาน"เป็นพี่ใหญ่" ให้ ส.ส.ขณะที่ต้องเผชิญกับภาวะเสียงปริ่มน้ำไม่ให้แตกแยก นั้นก็จะเป็นอีกเรื่องที่ทุกคนอุ่นใจ

ไม่เช่นนั้นถ้าเป็น"พรรคทหาร"เต็มขั้น สิ่งที่ลูกพรรคกลัวเกรงก็ไม่อาจแก้ไขให้กลับกลายได้ ...ที่สำคัญ "ระเบิดลูกนี้" อยู่ที่ตัว"ลุงป้อม"เองว่าจะวางตัวยังไงด้วย.

** เคาะโผทหารปีนี้ "บิ๊กตู่" นั่งหัวโต๊ะ ... "บิ๊กบี้" จากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. จ่อคิวรอนั่ง ผบ.ทบ. แทน "บิ๊กแดง" ที่จะเกษียณปีหน้า "พล.อ.อ.มานัต"นั่ง ผบ.ทอ. ส่วนที่ ทร. "พล.ร.อ.ชาติชาย"ขึ้น รอง ผบ.ทร. รอ "บิ๊กลือ" เกษียณ "เสธ.โหน่ง" พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค อดีตรองโฆษกรัฐบาล ไปนั่ง เจ้ากรมข่าวทหาร
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ - พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้
เมื่อ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวบงานด้านความมั่นคงมาดูแลเองทั้งหมด จึงต้องนั่งหัวโต๊ะ เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (16ส.ค.)

ปีนี้ ตำแหน่งระดับ "ผู้บัญชาการเหล่าทัพ" มีเกษียณอายุราชการ เพียงคนเดียว คือ "พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน" ผบ.ทอ. และมีการคาดหมายกันว่า ผู้ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่คือ "พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์" ที่ขณะนี้นั่งตำแหน่งเสนาธิการทหารอากาศอยู่

ในส่วนของกองทัพบกนั้น แม้ "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จะเกษียณกันยายนปีหน้า แต่ปีนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนในระดับ "5 เสือ ทบ." เพื่อกระชับอำนาจกันใหม่ เนื่องจาก "พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ" ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ถึงเวลาเกษียณ ขณะเดียวกัน ก็จะมีการโยก "พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา" ผู้ช่วย ผบ.ทบ. อีกคนหนึ่ง ข้ามห้วยไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตรา พล.อ.พิเศษ ) ทำให้เก้าอี้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ว่างลงทั้ง 2 ตำแหน่ง... คนที่จะขึ้นมาแทน ข่าวว่ามาจากแม่ทัพภาค โดยคนหนึ่ง ถือว่าเป็นสายตรงของ "บิ๊กแดง" คือ "บิ๊กบี้" พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ส่วนอีกคนคือ "พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ" แม่ทัพภาคที่ 3 ส่วน "พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์" ยังคงดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. ต่อไป เช่นเดียวกับ พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ ก็ยังนั่ง เสนาธิการทหารบก ที่เดิม

การที่ "บิ๊กบี้" ได้ขึ้นมานั่งตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ครั้งนี้ เพื่อจ่อคิวเป็น ผบ.ทบ. ในปีหน้า เมื่อ "บิ๊กแดง" เกษียณ...
พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ - พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค
สำหรับกองทัพเรือ แม้ว่า "บิ๊กลือ" พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. จะยังไม่เกษียณอายุราชการในปีนี้ แต่ใน "5 ฉลามเสือทร." ก็มีหลายคนที่จะเกษียณ ก็ต้องมีการปรับย้ายกันใหม่ โดยคาดว่า "พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน" เสนาธิการทหารเรือ จะได้รับการวางตัวให้ขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ทร. เพื่อจ่อคิวรอขึ้นเป็น ผบ.ทร. คนต่อไป โดยมี "พล.ร.อ.ทิวา ดาราเมือง" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทร. ส่วน "พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็นเสนาธิการทหารเรือ ขณะที่ "พล.ร.อ.สมชาย ณ บางช้าง" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ และ "พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ" ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ จะเป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ

ในส่วนของกองทัพไทย แม้ปีนี้ "พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี" ผบ.ทสส. จะยังไม่เกษียณ แต่ก็มีการวางตัวบุคคลมาลงในตำแหน่ง "5 เสือทัพไทย" กันใหม่เช่นกัน โดยขยับ "พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด" เสนาธิการทหาร ไปเป็น รอง ผบ.ทสส. เพื่อเปิดทางให้ "พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์" ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ข้ามมาเป็น เสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทสส. ในปีหน้า ... ส่วน "พล.อ.พีรพงษ์ เมืองบุญชู" หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.ทสส. ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ของ "พล.อ.พรพิพัฒน์" ไปเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ส่วน "พล.ต.วิชัย ชูเชิด" รองเจ้ากรมชายแดนทหาร เป็น ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย...

อีกคนที่ต้องเอ่ยถึงก็คือ "เสธ.โหน่ง" พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค ที่ คสช. ดึงตัวมาเป็น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเพิ่งพ้นตำแหน่งไปหมาดๆ ก็ได้กลับไปเป็น "เจ้ากรมข่าวทหาร" กองบัญชาการกองทัพไทย ...

ในส่วนของกองทัพบก ยังมีตำแหน่งที่น่าสนใจ เนื่องจาก "พล.อ.อภิรัชต์" ให้ความสำคัญ ในการจัดวางตัวผู้บังคับหน่วยด้านการฝึกศึกษา เพื่อรองรับการปรับตัวของกองทัพยุคใหม่ จึงคาดว่าจะมีการโยก "พล.ท.ธเนศ วงษ์ชะอุ่ม" แม่ทัพน้อยที่ 2 มาเป็น เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก และ "พล.ต.เอกรัตน์ ช้างแก้ว" รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ

สำหรับในระดับกองทัพภาค ก็มี "พล.ท.ธรรมนูญ วิถี" แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 "พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์" รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะขยับขึ้นเป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 โดยมี "พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี" ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และ "พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี" ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 "พล.ต.จิรเดช กมลเพชร" รองแม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะที่ "พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร" ยังคงนั่งในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อไป เช่นเดียวกับ "พล.ท.พรศักดิ์ พูนสวัสดิ์" ที่ยังคงดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 4

**เปิดกรุสมบัติส.ว. "พิกุลแก้ว" รวยสุด 2,500ล้าน อดีตสามีเก่า "เอ๋ ปรีณา" ติดโผมีทรัพย์กว่า 1,700ล้าน ต่างกันสุดขั้วกับ ส.ว.เกษตรกรดีเด่น มีแค่ 2 ล้าน กับมอเตอร์ไซต์ 3คัน ขณะที่ "อิสระ ว่องกุศลกิจ" อดีต สนช.ยืนหนึ่งรวยสุด 6,000ล้าน
พิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ - อุปกิต ปาจรียางกูร
ฮือฮากันพอสมควร เมื่อสำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) จำนวน 128 คน ที่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 24 พ.ค.62 และ เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ ของอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 21 พ.ค.62 จำนวน 142 คน

ไฮไลต์ที่น่าสนใจ สำหรับ ส.ว. ตำแหน่งที่อู้ฟู่ร่ำรวยสุด ตกเป็นของ “นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์” ที่มีทรัพย์สิน 2,542,726,475 บาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน 1,448 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 245 ล้านบาท ที่ดิน อีก 200 ล้านบาท ... รองลงมา คือ “นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา” มีทรัพย์สิน 2,020,771,034 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน เงินให้กู้ยืม “นายกรูดิสถ์ จันทร์ศรีชวาลา” มีทรัพย์สิน 1,290,071,637 บาท ขณะที่ “นายอุปกิต ปาจรียางกูร” นักธุรกิจโรงแรมท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า อดีตสามี "ดาวสภา" คนดัง “เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,774,334,576 บาท

มาดูฝั่งที่ร่ำรวยน้อยที่สุด “นายไพโรจน์ พ่วงทอง” ผู้เคยรับรางวัลเกษตรกรดีเด่น มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 2,362,289 บาท หนี้สิน 440,000 บาท ซึ่งมีรายได้จากการทำนาปีละ 283,500 บาท โดยไม่มีรถยนต์ มีเพียงรถจักรยานยนต์ 3 คันเท่านั้น ...

ส่วนส.ว.คนดัง น่าสนใจ “นายสัญชัย จุลมนต์” น้องชายนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 71,930,376 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวม 2,862,720 บาท รายจ่ายรวม 2,724,000 บาท “พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม” น้องชาย นายวิษณุ เครืองาม มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 202,607,818 บาท มีหนี้สิน 160,877 บาท มีรายได้รวม 2,500,662 บาท รายจ่ายรวม 2,223,000 บาท “นายเสรี สุวรรณภานนท์” มีทรัพย์สิน 529,931,444 บาท “นายวันชัย สอนศิริ” มีทรัพย์สิน 40,364,164 บาท “พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย” มีทรัพย์สิน 20,511,620 บาท “พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร” มีทรัพย์สิน 186,910,311 บาท “ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” มีทรัพย์สิน 46,2 41,380 บาท
ไพโรจน์ พ่วงทอง - อิสระ ว่องกุศลกิจ
“พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป” มีทรัพย์สิน 41,319,088บาท “นายศุภชัย สมเจริญ” มีทรัพย์สิน 34,009,969บาท “พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร” มีทรัพย์สิน 293,860,640 บาท “นายชาญวิทย์ ผลชีวิน” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 39,22,848 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 13,136,686 บาท มีรายได้รวม 4.2 ล้านบาท มีรายจ่ายรวม 3,132,784 บาท , “นายถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีทรัพย์สิน 20,643,526 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวม 1,175,656 บาท ไม่ได้แจ้งรายจ่าย

ส่วนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ “อดีต สนช.” กรณีพ้นจากตำแหน่ง จำนวน 142 ราย ผู้ที่ร่ำรวยสุด คือ”นายอิสระ ว่องกุศลกิจ” มีทรัพย์สินทั้งสิ้นกว่า 6,000 ล้านบาท แต่ก็หนี้สิน 7,814 ล้านบาท รองลงมา “นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ” มีทรัพย์สิน 3,161,904,198 บาท หนี้สิน 20,918 บาท นายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล มีทรัพย์สิน 1,293,965,918 บาท ไม่มีหนี้สิน “นายชัชวาล อภิบาลศรี” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,107,538,942 บาท ไม่มีหนี้สิน และ “พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ” มีทรัพย์สิ้นทั้งสิ้น 885,758,780 บาท ไม่มีหนี้สิน...

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่น่าสนใจ อาทิ อดีตนายตำรวจคนดัง” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 369,086,626 บาท หนี้สิน 2,572,055 บาท “พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 122,701,945 บาท ไม่มีหนี้สิน “คุณพรทิพย์ จาละ” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 55,688,761 บาท ไม่มีหนี้สิน “พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์” มีทรัพย์สิ้นทั้งสิ้น 317,333,193 บาท ไม่มีหนี้สิน “นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 616,936,412 บาท ไม่มีหนี้สิน นายนรนิติ เศรษฐบุตร มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 111,127,801 บาท ไม่มีหนี้สิน “ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 30,101,651 บาท ไม่มีหนี้สิน “นายบุญชัย โชควัฒนา” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 747,721,938 บาท มีหนี้สิน 10,870 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี
กำลังโหลดความคิดเห็น