xs
xsm
sm
md
lg

5G ไม่ใช่แค่หน้าที่ กสทช. "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" นอนไม่หลับ หลังเวียดนาม อินโดฯ มาเลย์ จ่อเปิดเชิงพาณิชย์ มิ.ย.ปีหน้า หวั่นบทเรียน 3 G ตามหลอนไทยขยับช้า **"พรรคลุงมิ่ง" ดรามาเปิดศึกชิงหัวหน้าพรรค ระหว่าง "มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์" กับ "เกียรติภูมิ สิริพันธุ์"

เผยแพร่:


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**5G ไม่ใช่แค่หน้าที่ กสทช. "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" นอนไม่หลับ หลังเวียดนาม อินโดฯ มาเลย์ จ่อเปิดเชิงพาณิชย์ มิ.ย.ปีหน้า หวั่นบทเรียน 3 G ตามหลอนไทยขยับช้า

ประเด็นร้อน 5Gในวันนี้ จากการประชุม ASEAN Telecommunication Regulator’s Council : ATRC ครั้งที่ 25 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ หลัง "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. ทราบว่า 3 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย จะเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ได้ประมาณเดือน มิถุนายน 2563 ก็เกิดอาการนอนไม่หลับ เพราะกังวลว่านักลงทุนจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ใช้เทคโนโลยี 5G กันหมด

ความสำเร็จของ 5G แต่ละประเทศเกิดขึ้นได้เพราะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ เพราะเขาถือเป็นวาระแห่งชาติ ทุกภาคส่วนของประเทศต้องร่วมมือช่วยเหลือกัน ทั้งผลัก ทั้งดันทุกวิถีทาง แต่เมื่อมองกลับมาดู 5G ของประเทศไทย ถือได้ว่า"วังเวงมาก" นับนิ้วดูเหมือนแค่มี กสทช.ในฐานะองค์กรกำกับดูแล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และเหล่าผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือโอเปอเรเตอร์ ที่ขมักเขม้น ทดลองทดสอบกันแค่นั้น
ฐากร ตัณฑสิทธิ์
สิ่งที่วาบขึ้นมาเป็นประกายแห่งความหวังได้ ก็คือ แนวคิดของ "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" หลังหารือ เลขาธิการ ITU ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่คิดจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ 5G แห่งชาติขึ้น โดยหวังให้"นายกฯลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นประธาน เหตุผลสำคัญก็เพื่อจัดการเรื่องการเวนคืนคลื่นความถี่ ที่อยู่ในมือหน่วยงานรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์... เพราะลำพังด้วยอำนาจในมือ กสทช.ไม่พอจัดการเรื่องนี้ เอาแค่ที่ได้ยินมา การเรียกคืน คลื่น 2600 MHz อสมท ขอเงินเยียวยาจิตใจถึง 5 หมื่นล้านบาท แค่นี้ก็ไม่ต้องเดินไปต่อแล้ว...

นอกจากนั้น คณะกรรมการยุทธศาสตร์ 5G ยังต้องมาวาง"โรดแมป5Gประเทศไทย" ปลุกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5Gตื่นจากหลับ ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรม ด้านการขนส่งโลจิสติกส์ การท่าเรือ หรือการท่าอากาศยาน การเกษตร เพราะ เทคโนโลยี 5G จะเข้าไปมีบทบาทกับเกือบทุกสิ่งรอบตัวเรา ไม่ว่า จะเป็น"ไลฟ์สไตล์" หรือ "เวิร์กสไตล์"

วันนี้ เกือบทุกคนมอง 5G สวยงาม เป็นโอกาสของธุรกิจ แต่ในโลกความเป็นจริง ที่โหดร้าย 5G หากต้องยึดโยงกับเงื่อนไขการประมูลคลื่นแบบเดิม ที่ต้องเสนอราคาสูงๆ ให้รัฐ... แล้วโอเปอเรเตอร์จะเอาเงินที่ไหนมาลงทุน ซึ่งทำให้ประเทศไทยไม่มีแต้มต่อในสายตานักลงทุน และจากการศึกษาข้อมูล เรื่อง 5G ของประเทศมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ทำให้รู้ว่า ในขั้นตอนการทำงาน มีการให้คลื่นผู้ประกอบการไปทำฟรีๆ หรือมีระยะเวลาผ่อนปรน"ค่าคลื่น" หรืออาจจะให้เงินตอบแทนน้อยมาก เพราะประเทศเหล่านี้มองว่า ถ้าไม่มอบคลื่นให้ 5G ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น

5Gของประเทศไทย จึงไม่ใช่หน้าที่ของ กสทช.แต่เพียงผู้เดียว แต่รัฐบาลต้องร่วมผลักดันให้เต็มกำลัง เพราะเราไม่สามารถตกขบวน 5G เหมือนในอดีต ที่ยุค 3G ประเทศไทยล้าหลังสุดกู่...

** "พรรคลุงมิ่ง" ดรามา ไม่หยุดไม่หย่อน ทั้งเรื่องเป็นฝ่ายค้าน แต่พร้อมโหวตหนุนรัฐบาล ... ล่าสุดมีเปิดศึกชิงหัวหน้าพรรค ระหว่าง "มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์" กับ "เกียรติภูมิ สิริพันธุ์"
เกียรติภูมิ สิริพันธุ์
พรรคเศรษฐกิจใหม่ หรือ "พรรคลุงมิ่ง" ที่มี มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค นับว่าเป็นพรรคการเมืองที่มีสีสัน มีเรื่องราว"ดรามา" มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มหาเสียงเลือกตั้งที่ เน้นการตลาดทางโซเชียลฯ...นโยบายที่โดนใจประชาชน และมีการพูดถึงกันมาก ชนิดที่สร้างกระแสได้ในชั่วข้ามคืน คือ "ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ10 บาท" และถ้า ไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยว "ชามละ100บาท" ก็ให้มาเลือกพรรคลุงมิ่ง ... หลังเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคลุงมิ่ง ได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มา 6 คน ซึ่งถือว่าเหนือความคาดหมายมาก ...

ในช่วงจัดตั้งรัฐบาล ทางพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำคนละขั้วกับพรรคเพื่อไทย ก็พยายาม "จีบ" พรรคลุงมิ่ง ให้มาเข้าร่วม แต่ "ลุงมิ่ง" ยืนยันหนักแน่น จะขออยู่ร่วมหัวจมท้ายกับ "พรรคทักษิณ" ที่แม้จะต้องเป็นฝ่ายค้านก็ตาม...ต่อมา"ลุงมิ่ง" ก็ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรค ปล่อยให้ "สุภดิช อากาศฤกษ์" ที่เป็นรองหัวหน้าพรรค รักษาการหัวหน้าพรรคไปพลางก่อน ... ซึ่งในช่วงนั้น มีกระแสข่าวว่า "ลุงมิ่ง" ถูกคนในพรรค กดดันเรื่องที่ไม่ไปร่วมรัฐบาล จนต้องลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้ 5 ส.ส. ที่เหลือไปร่วมรัฐบาลได้ แต่พรรคลุงมิ่ง ก็ยังไม่ไปร่วมรัฐบาล

ต่อมาหลังมีการจัดตั้ง "รัฐบาลลุงตู่" แล้ว รัฐบาลเจอปัญหา "เสียงปริ่มน้ำ" แพ้โหวตในสภาฯ ให้เห็นถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ... ดีแต่ว่าเป็นการโหวตเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาฯ ไม่ใช่กฎหมายสำคัญ ทำให้ "รัฐนาวาลุงตู่" ยังลอยลำเดินหน้าต่อไปได้ ... ช่วงนี้มีกระแส "แรงดูด" ที่รุนแรงมากจากรัฐบาลในการหาส.ส.มาเติมเพื่อแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ โดยพุ่งเป้าไปที่ "พรรคลุงมิ่ง" จนมีข่าวออกมาว่า 4 ใน 6 ส.ส.ของพรรค มีแนวโน้มจะแปลงร่างเป็น "งูเห่า"

แต่ "ลุงมิ่ง" ก็พา ส.ส.ของพรรคออกมาแถลงข่าว ยืนยันว่าพรรคมีมติ ยังคงอยู่ร่วมเป็น "7พรรคฝ่ายค้าน" และไม่ไปเป็นฝ่ายค้านอิสระด้วย ... เพียงแต่ขอ "เอกสิทธิ์ในการโหวต" แต่ละครั้ง ในแต่ละเรื่อง...พูดให้ชัดก็คือ ยังเป็นฝ่ายค้าน แต่พร้อมที่จะโหวตหนุนฝ่ายรัฐบาลในบางเรื่อง ... ถ้าจะพูดให้ดูเท่ ก็เหมือนเป็นฝ่าย "รัฐบาลอิสระ" ว่างั้นเถอะ ...

ต่อมา เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมานี้เอง "พรรคลุงมิ่ง" ก็มีความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยมีการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ปรากฏว่า "มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์" ได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยไม่มีคู่แข่ง ...และล่าสุด เมื่อวานนี้ (4ก.ย.) ก็มีเรื่องดรามา ขึ้นมาอีก เมื่อ"เกียรติภูมิ สิริพันธุ์" อดีตรองหัวหน้าพรรค

พร้อมสมาชิกพรรค เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบการประชุมใหญ่ของพรรค เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น เป็นไปโดยถูกต้องตามข้อบังคับพรรคหรือไม่ ...

โดย "เกียรติภูมิ" อ้างว่า สมาชิกพรรคกว่าร้อยละ 90 ไม่ทราบเรื่อง ไม่ได้รับหนังสือแจ้งการนัดประชุม ทั้งที่ตามข้อบังคับพรรค ระบุว่า ต้องแจ้งสมาชิกทราบก่อนล่วงหน้า 7 วัน แต่นี่มีการแจ้งผ่านไลน์ สมาชิกบางคนทราบ แต่เมื่อไปถึงสถานที่จัดประชุม ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุม โดยเจ้าหน้าที่ของพรรค อ้างว่า ใครไม่ได้รับเชิญ ก็ไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม ทั้งที่สมาชิกเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. และเป็นสมาชิกพรรคมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค อีกทั้งการจัดประชุม ก็เร่งรัดประชุมโดยจัดใช้ช่วงเวลาที่ "เกียรติภูมิ" เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งที่เขาเป็นหนึ่งในแคนดิเดต ที่สมาชิกเตรียมผลักดันให้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ... จึงขอให้ กกต. พิจารณาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็น "โมฆะ"

ช่วงที่ไปร้องเรียนนี้ ทำเอาสำนักงาน กกต. วุ่นวายไปพักใหญ่ เนื่องจากมีทั้งฝ่ายสนับสนุน "เกียรติภูมิ สิริพันธุ์ " และกองเชียร์ "มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์" โต้เถียงกันชุลมุน...
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ - มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์
ถ้าย้อนอดีตของ "พรรคเศรษฐกิจใหม่" เดิมพรรคนี้ มี "สุภดิช อากาศฤกษ์" เป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาช่วงก่อนการเลือกตั้ง คือวันที่ 30 ม.ค. 62 "สุภดิช อากาศฤกษ์" ลาออกจากหัวหน้าพรรค แล้วให้ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" เป็นหัวหน้าพรรคนำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคแต่เพียงผู้เดียว ... หลังเลือกตั้ง "มิ่งขวัญ" ลาออกจากหัวหน้าพรรค แล้วให้ "สุภดิช อากาศฤกษ์" นั่งรักษาการหัวหน้าพรรค จนกระทั่งมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ เมื่อ 31ส.ค.ที่ผ่านมา จึงเป็นคิวของ "มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์" นั่งหัวหน้าพรรคแทน ...

"มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์" จบวิศวกรรมไฟฟ้า จากจุฬาฯ ก่อนจะไปต่อปริญาโท และปริญญาเอก ที่สหรัฐอเมริกา ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 โดย อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 5 ของพรรค และได้เป็นส.ส. เขาเป็นพี่ชายของ "สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์" ที่ก่อนหน้านี้ เคยมีสมาชิกพรรค ไปร้องกกต. ขอให้ยุบพรรค ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นน่ายทุนพรรค เป็นคนนอก ที่เข้ามาครอบงำพรรค แต่ทางแกนนำพรรคชี้แจงว่า เขาไม่ใช่นายทุนพรรค แต่เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ที่มีพี่ชาย เป็นส.ส.ของพรรคด้วย คำร้องนี้ก็เป็นอันตกไป ... "มนูญ" ได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค แบบไม่มีคู่แข่ง โดยมีสมาชิกพรรคให้การรับรอง 317 เสียง

ด้าน"เกียรติภูมิ สิริพันธุ์" เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ จบปริญญาโท จากสถาบันเทคโนโลยีแมลซาชูเส็ทส์ หรือ MIT สหรัฐอเมริกา โดยได้รับทุนก.พ. รัฐบาลไทย... เป็น ผู้ก่อตั้ง FanPage Facebook “Bangkok Smart City” ที่เน้นเรื่องดูแลความปลอดภัยของกรุงเทพฯ ด้วยกล้องวงจรปิด ... เคยศึกษาโครงการไฟฟ้าจากพลังงานลม เพื่อหวังช่วยประเทศในการลดต้นทุนการนำเข้าพลังงานเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยใช้พลังงานจากธรรมชาติ ...เมื่อปี 2557 ได้รับรางวัล CEO Thailand Awards 2014 ผู้บริหารแห่งปี 2557 ผู้เป็นแบบอย่างการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศไทย โดยการลดต้นทุนการนำเข้าพลังงานเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยพลังงานแสงอาทิตย์ทดแทน ซึ่งถือว่าเป็นพลังงาน สะอาด และปลอดภัย .. เคยเป็นประธานกรรมการ และที่ปรึกษา บริษัทด้านพลังงาน แสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล และ พลังงานทางเลือกอื่นๆ

และปัจจุบันถือว่า เขาเป็นหนึ่งใน" ซีอีโอ"แกนนำคนสำคัญของพรรค เศรษฐกิจใหม่ ที่จะนำแนวความคิดอุดมการณ์จะสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ให้ประเทศไทย และพลิกฟื้นจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว และได้รับการคาดหมายว่าจะได้เป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่คนต่อไป

แต่เมื่อมาถูก "ลักหลับ" ในช่วงเดินทางไปต่างประเทศ จึงต้องออกมาหาช่องทางเอาคืนอย่างที่เห็นกัน ส่วนจะสำเร็จหรือไม่คงต้องติดตามกันต่อไป ... แต่ตอนนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ "ดรามา" ของพรรคลุงมิ่ง ...
กำลังโหลดความคิดเห็น