ตรัง - กรมควบคุมมลพิษ ส่งรถโมบายเคลื่อนที่เฝ้าระวังสภาพอากาศจากปัญหาหมอกควันใน จ.ตรัง เบื้องต้นยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีแนวโน้มสูงขึ้น โชคดีเกิดฝนตกลงมา แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (10 ก.ย.) นพ.บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากสภาพอากาศในพื้นที่ จ.ตรัง ที่ท้องฟ้าขมุกขมัว มีลักษณะคล้ายกลุ่มหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาปกคลุม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกปีในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ที่เกิดหมอกควันจากประเทศอินโดนีเซีย พัดเข้ามาปกคลุมหลายจังหวัดในภาคใต้ของประเทศไทย รวมทั้งในทะเล เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดเข้ามาในทิศทางนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างจะประสบปัญหามากกว่า
โดยในปีนี้ อ.หาดใหญ่ ประสบปัญหามากที่สุด แต่ในส่วนของ จ.ตรัง เคยประสบปัญหาหนักในปี 2558 ซึ่งภาคใต้มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ ตั้งอยู่ใน 3 จังหวัด คือ จ.สุราษฎร์ธานี สตูล และ จ.สงขลา แต่ในส่วนของ จ.ตรัง ในปีนี้ กรมควบคุมมลพิษ ได้ส่งรถโมบายเคลื่อนที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศ มาติดตั้งที่ จ.ตรัง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมเวลากว่า 1 เดือนแล้ว เพื่อรองรับต่อสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น โดยติดตั้งไว้ที่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง
ทั้งนี้ ได้มีการรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดตรัง มาให้สาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้รับทราบทุกวัน พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี แต่อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มสูงขึ้นมากผิดปกติ โดยในวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก หรือขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ปริมาณ 35 PPM. ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่หากเกิน 50 PPM. อาจจะเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในกลุ่มที่มีสุขภาพอ่อนแอ
ขณะเดียวกัน ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลงเหลือในระยะ 4 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติทัศนวิสัยสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล 10 กิโลเมตร แต่โชคดีเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ได้เกิดฝนตกลงมา ทำให้สภาพอากาศดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด ขณะที่ทางรถโมบายเคลื่อนที่จะยังอยู่ตรวจวัดคุณภาพอากาศใน จ.ตรัง ตลอดช่วงฤดูหมอกควันของปีนี้
โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้เตรียมหน้ากากอนามัยไว้แล้ว จำนวน 12,000 ชิ้น พร้อมสนับสนุนให้สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น เป็นโรคประจำตัวต่างๆ ได้แก่ ภูมิแพ้อากาศ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งนี้ หากคุณภาพแย่ลง แนะนำให้ประชาชนงดออกกำลังกาย หรือทำงานที่ใช้กำลังกลางแจ้ง หรือหากจำเป็นควรใช้หน้ากากอนามัยป้องกัน โดยหน้ากากที่ดีควรกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ เช่น รุ่นมาตรฐาน N95 หรือสูงกว่า
