เป็นไปตามกำหนดการ สำหรับผู้อาศัยในประเทศ Tier 1 ที่สามารถสั่งจองไอโฟนเครื่องใหม่ได้แล้วหลังจากแอปเปิล (Apple) ประกาศเปิดตัว iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ในวันอังคารที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดย iPhone 11 ใหม่จะจัดส่งพร้อมกับวางจำหน่ายในวันที่ 20 กันยายนนี้ ด้านนักวิเคราะห์มอง iPhone 11 ในจีนอาจไล่ตามหลังสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น เพราะผู้ผลิตรายหลักจะมี 5G กันหมด เพื่อรับกับโอเปอเรเตอร์จีนที่ลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐอัดฉีดเครือข่าย 5G แต่ iPhone 11 กลับไม่มี 5G เพราะยังไม่พร้อม
ตามกำหนดการ Apple จะเปิดรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับ iPhone 11 รุ่นใหม่ทั้ง 3 เวอร์ชัน ได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ในเวลา 8.00 น. ซึ่งตรงกับ 19.00 น. ในประเทศไทย โดยเวลาดังกล่าวถือเป็นการปรับใหม่หลังจากที่ Apple เคยเปิดการสั่งซื้อล่วงหน้าเวลา 15.00 น. รายงานระบุว่าการเลื่อนเวลามีจุดประสงค์ช่วยให้ชาว Apple ซื้อโทรศัพท์ใหม่ได้ง่ายขึ้น ซึ่งแม้จะพบผู้ใช้บางรายร้องเรียนบนทวิตเตอร์ ว่าเว็บไซต์สั่งซื้อล่วงหน้าของ Apple ไม่สามารถใช้งานได้ตรงเวลา แต่ผู้ใช้หลายรายรวมถึงสื่อมวลชนยังสามารถสั่งซื้อผ่านแอป Apple Store บน iPhone ได้ปกติ
สำหรับผู้ใช้ใน 30 ประเทศแรกที่สามารถสั่งจอง iphone 11 แล้ว ได้แก่ ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, แคนาดา, จีน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เกิร์นซีย์, ฮ่องกง, ไอร์แลนด์, เกาะแมน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เจอร์ซีย์, ลักเซมเบิร์ก, เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปรตุเกส, เปอร์โตริโก , ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม 1 ใน 30 ตลาดกลุ่ม Tier 1 ที่สำคัญที่สุดอย่างจีนนั้นมีการวิเคราะห์กันว่า iPhone 11 อาจจะได้รับผลกระทบเพราะการไม่มีรองรับเทคโนโลยี 5G ผิดกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นโดยเฉพาะผู้ผลิตรายหลักที่จะมี 5G กันหมด จุดนี้ยังต้องรอลุ้นว่า iPhone 11 จะได้รับเสียงตอบรับในจีนอย่างไร ท่ามกลางโอเปอเรเตอร์จีนที่ลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐอัดฉีดเครือข่าย 5G ไปแล้วขณะนี้
ผู้สั่งจอง iPhone 11 ในสหรัฐฯจะได้รับเครื่องในราคา 699 เหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่า iPhone รุ่นปีที่แล้วราว 50 เหรียญ สำหรับราคาไทย iPhone 11 รุ่น 64 GB นั้นเริ่มต้นที่ราคา 24,900 บาท ลดลง 5,000 บาทจาก iPhone Xr ที่เริ่มต้น 29,900 บาท ขณะที่ iPhone 11 Pro รุ่น 64 GB ขาย 35,900 บาท ลดลง 4,000 บาทจาก iPhone Xs ที่เริ่มต้น 39,900 บาท
ที่สำคัญคือ iPhone 11 Pro Max รุ่น 64 GB ขาย 39,900 บาท ราคาลดลง 4,000 บาทจาก iPhone Xs Max ที่เริ่มต้น 43,900 บาท
ราคาที่ต่ำลงกว่าเดิม 4,000-5,000 บาททำให้สาวกที่เพิ่งซื้อ iPhone Xs Max ราคา 43,900 บาทไปไม่ปลื้ม ขณะที่การลดราคาครั้งนี้สะท้อนว่า Apple ถูกกดดันรอบด้านจนต้องปรับเกมราคากับทายาท iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ iPhone 11 ที่จะถูกนำมาทำตลาดแทน iPhone XR รุ่นราคารอง ตัว iPhone 11 ติดตั้งจอแอลซีดี 6.1 นิ้วบนตัวเครื่องที่เหมือนกันกับ iPhone XR รุ่นปี 2018 ที่เป็น iPhone รุ่นขายดีที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา มาพร้อมรอยบากด้านหน้าจอที่ยังไม่หายไปไหน รอบนี้มาพร้อมสีใหม่คือม่วง ขาว เขียว เหลือง ดำ และแดง
นอกจากนี้คือ iPhone 11 Pro และ Pro Max ที่มีกล้อง 3 ตัว โดย iPhone 11 Pro มีขนาด 5.8 นิ้ว และ iPhone 11 Pro Max ขนาด 6.5 นิ้ว แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเลขรุ่น แต่โทรศัพท์ทั้ง 2 รุ่นก็ดูคล้ายกับ iPhone XS และ iPhone XS Max รุ่นปี 2018 แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับรุ่นใหม่ปี 2019 คือการเพิ่มกล้องด้านหลังเป็น 3 ตัว
อุปกรณ์อื่นที่ Apple เปิดตัวในงานนี้คือ Apple Watch Series 5 พร้อมจอภาพ Retina แบบติดตลอดเวลา มีเข็มทิศในตัว รองรับการโทรฉุกเฉินทั่วโลก และ iPad รุ่นใหม่เจเนอเรชันที่ 7 ในราคาเริ่มต้น 10,900 บาท ใช้จอภาพ Retina ขนาด 10.2 นิ้ว รองรับ Apple Pencil และ Smart Keyboard จุดเด่นคือ iPadOS ที่การันตีว่าสามารถทำงานแบบมัลติทาสก์อย่างทรงพลัง โดย iPad ใหม่รุ่นที่รองรับ Wi-Fi + Cellular ราคา 15,400 บาท
