xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “หลวงตาจันทร์” เผยได้แต่สมเพช เสือวัดหลวงตาบัวทยอยตายกว่า 80 ตัว หลังถูกยึดเป็นของกลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


กาญจนบุรี - “หลวงตาจันทร์” เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว หรือวัดเสือ อดีตแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเมืองกาญจน์ ได้แต่นั่งสมเพช หลังเสือของกลางทยอยตายกว่า 80 ตัว พร้อมฝากถึง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ให้นำลูกเสือที่เกิดใหม่กลับมาเดี๋ยวจะเลี้ยงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ดู หรือจะนิมนต์ไปคุยด้วยที่ไหนก็ได้ จะบอกวิธี


จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยึดเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว จากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ ที่เคยเป็น แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกในอดีต ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และนำไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2559 หรือประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่กรมอุทยานฯได้เคลื่อนย้ายเสือจำนวนดังกล่าวไป ทำให้วัดเสือ แหล่งท่องเที่ยวซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุด เสือของกลางได้ทยอยเสียชีวิตลงด้วยโรคอัมพาตลิ้นกล่องเสียง 86 ตัว จากของกลางทั้งหมด 147 ตัว

ล่าสุด วันนี้ (15 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปัญโน เพื่อกราบนมัสการพระวิสุทธิสารเถร (ภูสิต ขันติธโร) หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาส พร้อมสอบถามกรณีเรื่องเสือของกลาง โดยหลวงตาจันทร์ กล่าวว่า เสือมันอยู่ที่วัดแห่งนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อกรมอุทยานฯ มาเอาไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาก็ได้แต่สมเพช ถือว่ามันเป็นกรรมของสัตว์ เมื่อเขาเอามันไปเราก็ได้แต่ถามข่าวคราว การที่เสือตายไปคนเลี้ยงคงจะขี้เกียจ ขี้เกียจเพราะมันมีโรคภัยไข้เจ็บ แดดมันร้อนก็ตายยกฝูง สื่อมวลชนลองไปสืบดูสิว่ามีใครเอาซากมันไปขายหรือไม่ ไปถามดูสิว่าเขี้ยวเสือยังอยู่ไหม 86 ตัว เขี้ยวมีเท่าไหร่ ซึ่งเสือแต่ละตัวมีอยู่ 4 เขี้ยว รวม 344 เขี้ยว หนังเสือและกระดูกเสือยังอยู่ไหม ดีแล้วที่สื่อมวลชนมาสอบถาม ซึ่งเราก็ออกความเห็นไปอย่างนี้

“ถ้าปล่อยให้เสืออยู่กับเราป่านนี้โครงการ AEC ก็คงจะสำเร็จไปแล้ว ถ้าขยายพื้นที่ของวัดออกไปเป็น 8,400 ไร่ ซึ่งถ้าหากสิ่งที่เราเคยเขียนโครงการเอาไว้เกิดขึ้นมา ทุกอย่างมันก็จะเรียบร้อย แต่เมื่อมาเอาเสือไปแล้วออกข่าวย่ำยีกันอย่างนี้ โครงการมันจึงไม่สำเร็จ และถ้าปล่อยให้เราทำตามโครงการ เม็ดเงินก็จะเข้าสู่ประเทศและหมู่บ้านทั้งนั้น”

หลวงตาจันทร์ เผยอีกว่า ส่วนที่มีข่าวว่า การที่เสือตายเป็นเพราะเสือติดเชื้อมาตั้งแต่อยู่กับวัดนั้น จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะตอนที่กรมอุทยานฯ มาเอาเสือไป มีทีมสัตวแพทย์มาตรวจสุขภาพเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่เสือของกลางเสียชีวิตไปแล้ว 86 ตัว จาก 147 ตัว ส่วนเสือที่เหลือหากมีการนำกลับมาให้หลวงตาเลี้ยงที่วัดเช่นเดิม หลวงตาจะว่าอย่างไร หลวงตาจันทร์ ตอบอย่างตื่นเต้นและไม่ลังเลว่า เอากลับมาทำอย่างไรก็ขอให้เอากลับมาให้ได้ ทีแรกก็ว่าจะไม่เอากลับมาแล้ว แต่ถ้าหากจะเอากลับมาก็ขอให้เป็นลูกเสือตัวยังเล็ก ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่เลี้ยงคงไปไม่ไหวแล้วเพราะเสือตายไปมากกว่า 80 ตัว อย่าเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้งมาล้อเล่น เขี้ยวเสือราคาเท่าไหร่ หนังสือราคาเท่าไหร่ เพราะเมื่อถ้าเสือตายไปจะต้องจดทำบันทึก

แต่อย่างไรก็ตาม ช่วยไปบอกให้เขาเอาเสือกลับมาไว้ที่วัด แต่หากเขาไม่ให้เสือตัวใหญ่มา เพราะการขนย้ายมันลำบาก ก็ขอให้เอาลูกเสือมาแทน เสือเกิดเมื่อไหร่ก็ให้เอามาเมื่อนั้นได้เลย เอามาให้เราเลี้ยงเอง เราจะเลี้ยงให้ดู สำหรับเสือตัวใหญ่มันเป็นของกลางไปแล้ว จึงเอากลับมาไม่ได้แต่ลูกของมันที่ออกมา ขอให้เอามาให้เรา

ที่ผ่านมา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา เคยนำอาหารมาเลี้ยงสัตว์ป่า รวมทั้งวัว และควายที่มีอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ ยังนำสัตวแพทย์มาดูแลสุขภาพสัตว์ให้เราด้วย ดังนั้น อยากจะฝากไปถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คนใหม่ ขอให้เอาลูกเสือที่เกิดใหม่มาให้แก่ทางวัด เราจะเลี้ยงให้ดู และเราจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่นบึงฉวาก หรือรัฐมนตรีจะนิมนต์อาตมาไปคุยด้วยที่ไหน อาตมาก็จะไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศภายในบริเวณวัดเป็นไปอย่างเงียบเหงา แต่ก็มีนักท่องเที่ยวนำอาหารมาเลี้ยงสัตว์อยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก ขณะเดียวกันภายในวัดยังมีสัตว์ป่าที่ได้รับอนุญาตให้นำมาเลี้ยงอย่างถูกกฎหมายอยู่อีก 1 ชนิด คือ สิงโต เพศผู้ อายุ 13 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปดูได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ซึ่งสิงโตตัวดังกล่าวอยู่ในกรงที่แข็งแรง อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย




กำลังโหลดความคิดเห็น