xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : แบน 3 สารพิษ หมดทางยื้อ รมต.หญิงเหล็กล็อกลงมติ

เผยแพร่:


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562 ตอน แบน 3 สารพิษ หมดทางยื้อ รมต.หญิงเหล็กล็อกลงมติ



การเคลื่อนไหวต่อสู้ เพื่อห้ามหรือแบน สารพิษ   ที่ใช้ในการเกษตร ประกอบด้วย  คลอร์ไพริฟอส พาราควอต ไกลโฟเซต ซึ่งมีการเดินหน้าเรียกร้องให้มีการแบนกันมาร่วมสองปีกว่า ยังเป็นแค่ชนะศึกแต่สงครามเอาสารพิษออกจากแผ่นดินไทยยังไม่จบ

อย่ารีบดีใจ เพราะถึงแม้ ผลการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเมื่อ7 ต.ค. ที่ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ ผู้นำเข้าสารเคมี ตัวแทนเกษตรกร และฝ่ายผู้บริโภค ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้แบน 3 สารเคมีดังกล่าว  

คือห้ามนำเข้า ห้ามขายห้าม จำหน่าย ห้ามครอบครองและห้ามใช้ โดยให้มีผลวันที่ 1 ธ.ค. 2562 แต่กรรมการดังกล่าว ที่ตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อ 18 กันยายน   

แต่สุดท้ายแล้ว การจะสั่งแบนให้มีผลตามกฎหมาย ต้องให้ เป็นมติของที่ประชุม คณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะใช้อำนาจตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย มาตรา  7ที่ให้อำนาจคณะกรรมการในการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อเพิกถอนทะเบียนวัตถุอันตราย

ด้วยเหตุนี้ มติของคณะกรรมการสี่ฝ่าย ที่มีนางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่รับผิดชอบกรมวิชาการเกษตร เป็นหัวเรือใหญ่ จึงเป็นแค่ชัยชนะยกแรก ในการเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องการแบนสารพิษ

เพราะคนที่จะจบเรื่องนี้ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  ก็คือ กรรมการวัตถุอันตราย

สิ่งที่ต้องติดตามต่อจากนี้ ประเด็นที่นักวิชาการ กลุ่มภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแบนสารพิษ ชี้ประเด็นเอาไว้ก็คือ การตัดสินใจเรื่องดังกล่าว ควรให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดปัจจุบัน ตามโครงสร้างกฎหมายเดิม  ที่จะมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้พิจารณาลงมติ

ไม่ใช่ กรรมการวัตถุอันตราย ตามโครงสร้างใหม่ ของพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ฉบับแก้ไขในยุคคสช. ที่เปลี่ยนตัวประธาน จากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มาเป็นรมว.อุตสาหกรรม เป็นผู้พิจารณา

เพราะว่า เมื่อ กรรมการวัตถุอันตราย ชุดปัจจุบัน เป็นผู้ลงมติ ไม่ให้มีการแบนสารพิษ เมื่อ 14กุมภาพันธ์ 2562   จนเกิดกระแสคัดค้านไม่เห็นด้วยตามมามากมาย จนเป็นกระแสเรียกร้องให้มีการแบนสารพิษ เกิดขึ้นในวงกว้าง ดังนั้น เมื่อกรรมการวัตถุอันตรายชุดปัจจุบัน เป็นคนสร้างปัญหา ก็ควรต้องจบปัญหานี้เอง

ที่สำคัญ กรรมการวัตถุอันตราย ชุดนี้ เป็น ผู้ลงมติเมื่อ  18กันยายน   ให้มีการหารือของตัวแทนสี่ฝ่าย คือฝ่ายรัฐ –เกษตกร-ผู้บริโภค –เอกชน ผู้นำเข้าสารเคมี เพื่อหาข้อสรุปแนวทางการเลิกใช้สารเคมีดังกล่าว

จนทำให้นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ เรียกประชุมตัวแทนสี่ฝ่ายเมื่อ วันจันทร์ที่ผ่านมา และออกมติให้แบนสารพิษทั้งสามตัว

 กลุ่มผู้เรียกร้องการแบนสารพิษ จึงเห็นว่า เมื่อกรรมการสี่ฝ่ายชุดดังกล่าว เกิดขึ้นโดยมติของกรรมการวัตถุอันตรายชุดปัจจุบัน ดังนั้น ผลการหารือของกรรมการสี่ฝ่าย ก็ต้องรายงานต่อกรรมการวัตถุอันตรายชุดปัจจุบัน

ไม่ใช่รายงานต่อกรรมการชุดใหม่ อีกทั้งมองว่า หากปล่อยให้เป็นการพิจารณาของกรรมการชุดใหม่ ก็อาจทำให้ กรรมการบางคน บอกว่าขอเวลาศึกษาก่อน เพราะเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ ก็จะเป็นการยื้อเวลาการแบนสารพิษ ออกไปอีก

ล่าสุด นางมนัญญา ก็ยืนยัน จะเร่งนำเสนอมติของกรรมการสี่ฝ่าย ส่งให้ นายกรัฐมนตรี –รมว.กระทรวงเกษตรฯ รมว.กระทรวงสาธารณสุข และรมว.อุตสาหกรรม ลงนามเห็นชอบการแบน และเสนอเข้าคณะกรรมการวัถตุอันตรายภายในสัปดาห์นี้

เพื่อให้คณะกรรรมการฯ สามารถเรียกประชุมแบน 3 สารพิษได้ทันที คาดว่าอาจจะประชุมปลายสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า จากกำหนดเดิมที่จะประชุมวันที่ 27 ต.ค.นี้

ถ้าเป็นไปตามคิวที่ รมช.เกษตร ฯ มนัญญา บอกไว้ ก็หมายถึง การแบนสารพิษ จะเกิดขึ้นโดยมติของกรรมการวัตถุอันตราย ชุดปัจจุบัน ไม่ใช่ชุดใหม่ที่จะเข้ามาหลัง 27ตุลาคม

ต้องดูกันว่า กรรมการวัตถุอันตราย  จะกล้าฝืนกับกระแสสังคมที่เรียกร้องให้มีการแบนสารพิษ และกล้าฝืนแนวนโยบายของฝ่ายการเมือง ซึ่งวันนี้ สามรัฐมนตรีต้นสังกัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง ต่างส่งเสียงสอดประสานให้แบนสารพิษ

 ไม่ว่าจะเป็น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมจากพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเป็นประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตามโครงสร้างใหม่ ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 27ตุลาคม และอีกสองคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ

อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขจากพรรคภูมิใจไทย รวมถึงเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็มาในแนวเดียวกันคือ ต้องแบนสารพิษ อันเป็นท่าทีซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนักการเมือง ย่อมอ่านกระแสสังคมได้ว่า ขณะนี้ ประชาชน ส่วนใหญ่ เห็นด้วยให้มีการแบนสารพิษ

หากใครไม่เอาด้วย นอกจากตกขบวนแล้ว จะส่งผลต่อคะแนนนิยมและฐานเสียงของพรรคต้นสังกัดด้วยแน่นอน

จึงเชื่อได้ว่า ถึงเวลานี้ กรรมการวัตถุอันตราย คงยากที่จะดันทุรัง ไม่ยกเลิกการแบนสารพิษ

ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตาก็คือ มติของกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะออกมา จะต้อง แบนแบบเด็ดขาด ทุกกรณี คือ ห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามจำหน่าย ห้ามครอบครองและห้ามใช้ ตั้งแต่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป

 ถ้ากรรมการวัตถุอันตราย ไม่มีมติที่ชัดเจน ห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามจำหน่าย ห้ามครอบครองและห้ามใช้ ก็ยังไม่ถือว่า เป็นชัยชนะเต็มร้อยของประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น