“ช่อ – พรรณิการ์” เปิดใจสื่อนอก เชื่อความอดทนของคนกำลังน้อยลงเรื่อยๆ ปีหน้าอยากเห็นความคืบหน้า “แก้ รธน.” ปลดล็อคการเมือง และออกกฎหมายค้าเสรีเหล้าเบียร์ ลดผูกขาด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(4 ธ.ค.62) ทวิตเตอร์ Pannika Wanich @Pannika_FWP ของ “ช่อ” น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคพรรคอนาคตใหม่
ระบุว่า ให้สัมภาษณ์ Channel News Asia เรื่องจะเกิดอะไรในปี 2020 ช่อมองว่า ความอดทนของคนกำลังน้อยลงเรื่อยๆ นับจากวันเลือกตั้ง #อนาคตใหม่ หวังว่าปีหน้า เราจะเห็นความคืบหน้าเรื่องแก้รธน. นำไปสู่การปลดล็อคการเมือง ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ปีหน้าเราจะเสนอกม.เปิดเสรีอุตสาหกรรมเหล้าเบียร์ ลดการผูกขาด
สำหรับ การแก้รัฐธรรมนูญที่ “ช่อ” พูดถึง ขณะนี้ยังอยู่แค่ขั้นการพิจารณาญัตติของพรรคอนาคตใหม่ เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560
แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติม คือ จัดการมรดกบาป คสช.
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้พรรคอนาคตใหม่เปิด “ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ” เพื่อรณรงค์ในเฟซบุ๊กของพรรคแล้ว กล่าวคือ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่…… พ.ศ. … เพื่อยกเลิกบทบัญญัติในมาตรา 269 ถึง มาตรา 272 เรื่องวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาล 5 ปีแรก และยกเลิกมาตรา 279 เรื่องการรับรองให้บรรดาประกาศ คำสั่ง คสช. และคำสั่งของหัวหน้า คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย...
ซึ่งมีคำอธิบายว่า แม้จะมีการยกเลิกประกาศและคำสั่งของ คสช. แต่ผลของประกาศและคำสั่งในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาจะยังมีอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 279 เขียนรับรองให้ประกาศคำสั่ง คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ และไม่ได้เป็นการรับรองแค่ประกาศคำสั่งเท่านั้น แต่ยังรับรองไปถึง ‘การกระทำที่เกี่ยวเนื่องกัน’ ด้วย ซึ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่ว่าการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันครอบคลุมไปถึงแค่ไหน มาตรา 279 จึงทำให้การใช้อำนาจของ คสช. อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ
นี่จึงเป็นพันธกิจสำคัญที่พวกเราต้องยกเลิกมาตรา 279 ให้ได้
เช่นเดียวกัน วุฒิสภาตามบทเฉพาะกาล ที่มาจากการเลือกของ คสช. ก็ได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดในวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในการเลือกหัวหน้า คสช.กลับมาเป็นนายกฯ วุฒิสภายังคง “ขี่คอ” สภาผู้แทนราษฎรในหลายเรื่อง ได้แก่ การแก้รัฐธรรมนูญ การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และการตรากฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ
หากปล่อยให้มีวุฒิสภาแบบนี้ต่อไป วุฒิสภาก็จะกลายเป็นกลไกของการสืบทอดอำนาจ
เรายืนยันเสมอมาว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหาทางประชาธิปไตย ทั้งในเรื่องที่มา กระบวนการจัดทำ และเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงทั้งฉบับ พรรคอนาคตใหม่ ยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมว่า เราจะเดินหน้าเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน
ทุกคนต่างทราบดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำได้ยากมากหรืออาจทำไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ แต่พรรคอนาคตใหม่เชื่อมั่นเสมอมาว่า การเมือง คือ ความเป็นไปได้....
ส่วน นโยบาย เลิกผูกขาดเหล้าเบียร์ ที่ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กทม. เขต 22 พรรคอนาคตใหม่ เสนอเอาไว้คือ
ทำไมกฎหมายจึงเป็นอุปสรรคต่อประชาชนธรรมดา รายใหม่ รายย่อย ในการผลิตเหล้าเบียร์มากเหลือเกิน?
ใบอนุญาตสุราเป็นหนึ่งในใบอนุญาตกว่า 8,000 ชนิดที่มีในประเทศไทย ใบอนุญาตเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อผู้เล่นรายใหม่และรายเล็กรายน้อย ในการเข้าสู่ธุรกิจ และมักเป็นช่องทางให้ข้าราชการคอร์รัปชันหาผลประโยชน์จากอำนาจในการพิจารณาออกใบอนุญาตเหล่านี้
ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีมูลค่านับแสนล้านบาท แต่หากท่านเข้าร้านสะดวกซื้อท่านก็จะทราบว่ามีไม่กี่ยี่ห้อ มีไม่กี่แบรนด์ แบ่งกันอยู่แค่นี้
ปัญหาก็คือ ความฝันของคนไทยหลายๆ คนที่มีความฝันเล็กๆ อยากเป็นผู้ผลิตสุรารายเล็กๆ แต่ทำไม่ได้ โดนโครงสร้างรัฐกดทับ ด้วยระบบใบอนุญาต
แต่คำถามที่ผมอยากถามมากที่สุดในวันนี้คือ “ใบอนุญาตเหล่านี้มีไว้เพื่อเอื้อนายทุนหรือเปล่า”
เพราะกฎกระทรวงกำหนดให้ผู้ผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ ที่ผลิต ต้องมีการผลิตขั้นต่ำ 1 แสนลิตร/ปี
เบียร์บรรจุขวด ขั้นต่ำต้องมีการผลิตถึง 10 ล้านลิตร/ปี เฉลี่ยวันละ 3 หมื่นลิตร
นั่งดีดเครื่องคิดเลขแล้ว เราต้องมีงบเป็นพันล้านบาทจึงจะขอใบอนุญาตผลิตเหล้าเบียร์ได้ คนธรรมดาต้องทำงานเก็บเงินกี่ชาติถึงจะสามารถขอใบอนุญาตผลิตเหล้าเบียร์เองได้?
เราถูกจำกัดด้วยจำนวนการผลิตขั้นต่ำที่ “สูงมาก”
ดังนั้นเราอยากบอกว่า มาตรฐานคุณภาพการผลิตนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนที่เราผลิต เราต้องเลิกการผูกขาดเหล้าเบียร์ให้กลุ่มทุนใหญ่เพียงไม่กี่เจ้าผูกขาดตลาดทั้งหมดเพราะมีทุนมากกว่าและสามารถผลิตได้มากกว่าคนทั่วไป
ได้เวลาปลดล็อคเหล้าเบียร์เสียที เพื่อกระจายความคิดสร้างสรรค์ กระจายประโยชน์ และกระจายความมั่งคั่ง คืนความเป็นธรรมและคืนชีวิตให้ประชาชนคนไทยเสียที ดูน้อยลง
ที่น่าสนใจ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เป็นใคร ตามประวัติ เท่าพิภพ จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า รักการดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจ ใฝ่ฝันที่จะทำให้คราฟต์เบียร์ไทยให้ถูกกฎหมาย โดยไอเดียนี้เกิดขึ้นระหว่างท่องเที่ยวในนิวยอร์ก เขาพบว่า ตัวเองสนใจเรื่องเบียร์เป็นพิเศษ ชื่นชอบการชิมเบียร์และเรื่องราวเบื้องหลังของเบียร์หลายชนิด อีกทั้งยังเคยทำงานที่คราฟต์เบียร์บาร์ต่างประเทศมาก่อน เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทย จึงได้ทดลองปรับปรุงสูตรและผลิตเบียร์เอง กระทั่งถูกจับกุมจนเป็นข่าวฮือฮา
ต่อมา นายเท่าพิภพ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ และลงสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส. เขต 22 กรุงเทพมหานคร กระทั่งโค่นผู้สมัครมากประสบการณ์หลายคนไปอย่างเหนือความคาดหมาย ด้วยวิธีปั่นจักรยานหาเสียงและเคาะตามประตูบ้านประชาชน อีกทั้งเจ้าตัวยังตั้งใจผลักดันคราฟต์เบียร์ให้ถูกกฎหมายในประเทศไทย เปิดโอกาสให้คนมีฝันได้แข่งขันในตลาดอย่างเท่าเทียม ยุติการผู้ผูกขาดสุราจากบริษัทยักษ์ใหญ่(ข้อมูลจาก .kapook.com)
ดูเหมือน สิ่งที่ “ช่อ” ตั้งความหวังเอาไว้ ผ่านสื่อต่างประเทศ คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้งสองเรื่องนี้ ถือว่า ถ้าทำได้อาจต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินการเมืองไทยเลยทีเดียว หรือใครว่าไม่จริง