ตรัง - ตำรวจคุมตัว “โกยัง” ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าเพื่อน ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถที่ตรัง ส่งฝากขังแล้ว ด้านผู้การระบุทางตำรวจไม่มีแรงกดดันอะไร และหากเห็นว่าทางกองปราบทำได้ดีกว่าก็แล้วแต่จะเห็นสมควร
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.มนัส ไชยพันธ์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.รัษฎา เดินทางมาทำเรื่องขอเบิกตัว นายจิราวุธ ศรีวิรัตน์ หรือโกยัง ชาว อ.รัษฎา จ.ตรัง ผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่า, ร่วมกันฆ่า, ร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ในคดีร่วมกับพวกรวม 8 คน ฆ่านายธวัชชัย กลับขันท์ อายุ 53 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ ชาว อ.รัษฎา ซึ่งเป็นเพื่อนกัน จนเสียชีวิตคารถกระบะส่วนตัว ส่วน นางอำภา กลับขันท์ อายุ 54 ปี ภรรยา และนายสมชาย สนมน้อย ลูกจ้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะกำลังกลับมาจากไปงานศพ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 17 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา
โดยทางตำรวจได้นำตัว “โกยัง” ออกมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในชุดกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อยืดคอกลมสีส้ม สวมรองเท้าแตะ โดยมีสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด ขณะเดียวกันมีญาติเดินทางมาเยี่ยม พร้อมนำเสื้อผ้าและอาหารมาให้ที่ห้องขัง สภ.เมืองตรัง จากนั้นทางตำรวจได้นำตัวขึ้นรถยนต์ไปขออำนาจศาลจังหวัดตรังฝากขังเป็นการชั่วคราว ในช่วงระหว่างที่ทางตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนคดี
เบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และเช่นเดียวกับผู้ต้องหารายอื่นๆ อีก 6 คน คือ นายสุชาติ จิตติศักดิ์ อดีตกำนันคนดัง ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีฯ ผู้รับงาน, ผู้จัดหาทีมงาน และผู้สั่งการ, นายชัชชัย วงค์ใหญ่ หรือไก่ ชาว ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง ผู้ชี้เป้า, นายปรานต์ วงศ์พิพันธ์ ชาว ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้รับงาน จัดหามือปืน ผู้สั่งการ, นายปิยวัฒน์ จิตติศักดิ์ ชาว ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช มือปืน, นายธนเดช เอียดปราบ ชาว ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ขับรถให้มือปืน และนายเอกรัฐ ศรีโรจน มือปืน ซึ่งถูกนำแยกฝากขังตาม สภ.ต่างๆ ทางตำรวจก็ได้นำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดตรังทั้งหมดแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน และครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ได้ยื่นเรื่องขอคัดค้านการประกันตัวเช่นเดียวกัน เนื่องจากหวั่นความไม่ปลอดภัย
ด้าน พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 7 คน เดิมจะให้การรับสารภาพ 3 คน แต่สุดท้ายได้ให้การรับสารภาพเพียงคนเดียว แต่ไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากทางตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนาเชื่อมโยงผู้ต้องหาทั้งหมด หลังจากนี้ทางตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและทำสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จทันครบกำหนดฝากขังศาลใน 6 ฝาก โดยตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และไม่มีอะไรจะแทรกแซงได้
ส่วนกรณีที่ทางครอบครัวห่วงกังวลว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลเกรงจะมีการวิ่งเต้นล้มคดี จึงจะเข้ายื่นเรื่องต่อกองปราบปราม ขอให้เข้ามาร่วมทำสำนวน และให้โอนคดีไปทำนั้น ยืนยันว่าทางตำรวจทำคดีอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่หากมีการร้องขอไปจริง ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา หากเห็นว่ากองปราบปรามทำได้ดีกว่า ทางเราก็พร้อม ไม่มีปัญหาอะไร แต่ขณะนี้ยืนยันไม่มีใครเข้ามาแทรกแซง หรือพยายามวิ่งเต้นคดีแต่อย่างใด
