xs
xsm
sm
md
lg

นศ.มวล.ชี้การเห็นต่างไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หลังทางมหาลัยเรียกคุยในกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง”

เผยแพร่:


แฟ้มภาพ
 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เผยโดนทางมหาลัยเรียกตัวไปพูดคุยและสอบถามในกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ชี้เพียงแค่การเห็นต่างและคิดต่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปในสังคมปัจจุบัน หวังมหาลัยให้อิสระในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

วันนี้ (14 ม.ค.) นายวัฒนา รักขันโท นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อ “RWattana” เกี่ยวกับการที่ตนได้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง โดยมีข้อความว่า

วันที่ผมถูกบุคลากรของมหาลัยเรียกตัวไปพูดคุย-สอบถามเกี่ยวกับกิจกรรม 'วิ่งไล่ลุง' 9 มกราคม 2563 เริ่มแรกบุคลากรได้ติดต่อขอพบตัวผมผ่านน้ายามหอ 5 โดยให้น้ายามมาตามผมที่ห้อง แต่นัดครั้งนั้นก็ล่มไป ในเวลา 4 โมงกว่าๆ บุคลากรได้โทรเข้ามาอีกครั้งคาดว่าเอาเบอร์ผมมาจากหอพัก โทรครั้งที่ 1 บอกประมาณว่า พี่มีเรื่องจะคุยด้วยและเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้น ผมได้โทรไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำและปรึกษาว่าควรทำอย่างไร อ.ได้บอกผมว่าคุณจะไปหรือไม่ไปก็ได้ พยายามอย่าไปคนเดียวและไม่ควรไปเวลาค่ำๆมืดๆ

โทรครั้งที่ 2 นัดหมายว่าจะไปเจอที่ไหน ผมได้ยืนยันตอบตกลงว่าจะไปพบ ซึ่งบุคลากรได้นัดเจอผมที่อาคารกิจกรรม เมื่อผมไปถึงเขาให้ผมขึ้นรถยนต์ ผมถามไปว่า จะพาผมไปไหน เขาบอกว่าจะพาไปที่อาคารไทยบุรี เมื่อไปถึงก็ได้เข้าไปนั่งคุยในห้องทำงานส่วนตัว โดยภายในห้องมีทั้งหมดประมาณ 8 คนรวมตัวผมด้วย มีตำรวจ 4-5 คน บุคลากร 2 คนและผมคนเดียว
 

แฟ้มภาพ
 
โดยก่อนพูดคุยเขาได้ถามชื่อ เรียนอะไร ชั้นปีไหน ก่อนหน้านั้นผมคิดว่าทางบุคลากรได้ติดตามเฟซบุ๊กส่วนตัวผมและเพื่อนๆ ที่แชร์เกี่ยวกับกิจกรรมนี้ไว้ก่อนหน้าที่จะเรียกตัวผมไป ซึ่งคุณตำรวจได้ถามว่า เอาจากไหนมาแชร์ กิจกรรมวิ่งไล่ลุงเป็นยังไงบ้าง ใครเป็นผู้จัด ผมก็ตอบไปว่าแชร์มาจากเพื่อนๆ แล้วผมก็แชร์อีกที รายละเอียดของกิจกรรมผมบอกไปตามหน้าเพจ “มวล.เสรี” ผมก็ได้ยืนยันไปว่าผมไม่ใช่ผู้จัด เพราะเป็นกิจกรรมเชิงนัดหมายรวมตัวและไม่ใช่แอดมินเพจ 

โดยคำถามเหล่านี้ใช้ถามผมหลายครั้ง ผมก็ได้ถามกลับไปว่าทำไมถึงคิดว่าผมเป็นเจ้าของเพจ เขาตอบว่า พูดไปอย่างนั้นแหละก็สงสัยกันอยู่ เขาถามว่า จากการวิเคราะห์น้องยืนยันที่จะไปวิ่งกับเพื่อนๆ และรู้สึกอย่างไรหลังแถลงการณ์มหาลัยออกมา ผมตอบไปว่าผมยืนยันที่จะไปวิ่งกับเพื่อนๆ 4-5 คน ส่วนแถลงการณ์ผมคิดว่ามหาลัยไม่ควรออกมาด้วยซ้ำ เพราะการวิ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานโดยไม่ผิดกฎใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนนัดเพื่อนมาวิ่งปกติครับ

และยังมีคำถามอื่นๆ คือ มีใครชักจูงหรือไม่ ผมก็ตอบไป ไม่มีครับ เห็นเพจนานหรือยัง เห็นสักพักแล้ว ผมสนใจเลยติดตามเพจ เขายังได้บอกอีกว่าทบทวนให้ดีเรื่องความเป็นนักศึกษา เรื่องในมหาลัยเพราะอาจทำให้มหาลัยเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง สิ่งที่เขากังวลได้พูดเกี่ยวกับมือที่สามอาจก่อความวุ่นวาย ก่อความขัดแย้ง ผมตอบไปว่าเรื่องความขัดแย้งไม่น่ามีนะครับ เพราะว่าคนคงไม่ตื่นกันหรอก ในระหว่างนั้นได้มีการถ่ายรูปและบันทึกชื่อผมไว้ นี่คือประเด็นหลักๆ ในการสนทนากับบุคลากรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สุดท้ายนี้ ผมเขียนเรื่องราวนี้ขึ้นมาจากประสบการณ์ชีวิตผมและต้องการเก็บเป็นความทรงจำ ในวันนี้เมื่อทุกคนได้อ่านเรื่องราวดังกล่าวแล้ว คงสะท้อนให้เห็นไม่มากก็น้อยว่า เพียงแค่การเห็นต่าง คิดต่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในระดับประเทศหรืออุดมศึกษา ผมเพียงหวังว่ามหาลัยจะเปิดโอกาสให้อิสระในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองหรือในประเด็นต่างๆ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน และมหาลัยก็เป็นส่วนหนึ่งของการเมือง ไม่มีใครอยากอยู่ในกรง แต่จงออกมาโบยบินสู่อิสรภาพ
 
กำลังโหลดความคิดเห็น