xs
xsm
sm
md
lg

ครูสาวอุดรฯ น้ำตาตก เอาโฉนดค้ำเงินกู้ให้เพื่อนครูไปไถ่ถอนบ้าน แต่เพื่อนหนีหนี้ ถูกบีบให้ชดใช้แทน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



อุดรธานี - ครูสาวอุดรฯ น้ำตาตกในวันครู หลงเชื่อคารมครูด้วยกัน บอกบ้านจะถูกยึด พ่อแม่กำลังป่วย จึงเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้ให้ไถ่ถอนบ้าน แต่สุดท้ายหนีหนี้ บ่ายเบี่ยงมาตลอด 6 ปี ถูกนายทุนเงินกู้บีบให้โอนที่ดินชดใช้หนี้หลายแสนบาท จนสามีป่วยเพราะเครียด ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือด่วน

ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานีรายงานว่า วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ครูอ้อย (สงวนชื่อ และนามสกุล) ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองหาน จ.อุดรธานี ได้ทำหนังสือร้องทุกข์ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หลังได้รับความเดือดร้อนกรณีถูกครูคนหนึ่ง (ขอสงวนชื่อนามสกุล) เข้ามาตีสนิทขอให้ช่วยหานายทุนปล่อยเงินกู้ให้ ตนหลงเชื่อจึงเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันให้ และหลังจากนั้นก็ไม่มีการส่งเงินต้นและดอกทำให้ได้รับความเดือดร้อน

ครูอ้อยเปิดเผยว่า คู่กรณีมาขอความช่วยเหลือโดยอ้างว่าบ้านกำลังจะถูกบังคับคดียึด พูดจาหว่านล้อมให้หานายทุนเงินกู้ให้เพื่อนำเงินที่ได้ไปไถ่ถอนบ้าน ด้วยความใจอ่อนและอยากช่วยเหลือเนื่องจากรู้จักกันมาได้สักระยะหนึ่งจึงช่วยเหลือ โดยก่อนช่วยเหลือคู่กรณีได้เคยพาไปดูบ้านที่อำเภอบ้านผือและพบว่าที่บ้านพ่อก็ป่วยเป็นความดัน แม่ก็ป่วยเป็นเบาหวาน มีเขาเป็นคนดูแลพ่อแม่ เมื่อเห็นแล้วก็มองว่าเขาเป็นคนกตัญญูประกอบกับตัวเองเป็นคนขี้สงสารมีความเมตตาที่จะช่วยเหลือจึงได้เข้าช่วยเหลือ

จากนั้นจึงพาเขาไปหาเงินกับนายทุนทั้งในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน โดยใช้ใบที่นาของตัวเองค้ำประกันให้เราไปติดต่อขอกู้เงินกับนายทุน 2 ราย รายแรกกู้เงินได้ 110,000 บาท ซึ่งใช้ที่นาซึ่งเป็นมรดกมาค้ำประกัน หลังได้เงินมาคู่กรณีก็ส่งดอกประมาณ 8-9 เดือน จากนั้นก็ไม่ส่งอีก นอกจากนี้ยังพาไปกู้กับนายทุนอีกรายที่อำเภอหนองหาน โดยไปกู้เงินจำนวน 4 แสนกว่าบาท

หลักฐานการกู้ตอนนั้นเขาก็ไม่พร้อมเราจึงให้ยืมหลักฐานเป็นที่นาจำนวน 30 ไร่ เพื่อไปค้ำนายทุนคนนี้ โดยคู่กรณีก็คืนดอกให้ประมาณ 50,000 บาท และหลังจากนั้นก็ไม่เคยคืนอะไรให้เลย ทั้งนี้ จากที่เคยสัญญาไว้ว่าจะหาเงินมาชดใช้ภายใน 2-3 เดือน เลื่อนมาเป็นวันนี้ก็ผ่านไป 6 ปี


ครูอ้อยบอกว่า ส่วนตัวแล้วอยากได้เอกสารหลักฐานคืน อยากให้คู่กรณีที่เป็นครูคนนี้มารับผิดชอบหนี้ที่ตัวเองก่อไว้ เพราะขณะนี้สามีได้ล้มป่วยเพราะเครียดจากเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากคู่กรณีรับรู้ก็อยากให้เข้ามาแก้ปัญหาเข้ามาเคลียร์ปัญหาที่ตัวเองสร้างไว้ ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 ปีตนพยายามติดต่อไปหาที่บ้านก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด


“เคยพูดคุยกับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็อยากจะให้เราร่วมรับผิดชอบเนื่องจากเราเป็นคนพามา แต่เราก็ได้ขอร้องไว้และปฏิเสธว่าเราไม่ได้ใช้เงินกับเขาในส่วนนี้ ที่ผ่านมาเจ้าหนี้ได้มาพูดคุยขอให้เราโอนที่เพื่อเป็นการชดใช้หนี้แทนให้ แต่เราก็ขอไว้ และเราจะประสานคู่กรณีมาทำการชดใช้หนี้ในส่วนนั้นให้ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น” ครูผู้โชคร้ายกล่าว และว่า อยากฝากเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนว่าอย่าเอาความสงสารเมตตามาช่วยเหลือคนทั้งๆ ที่เกินกำลังตัวเอง เราไม่รู้อนาคตล่วงหน้าว่าคนที่เราช่วยเหลือนั้นเขาจะมีความซื่อสัตย์กับเราแค่ไหน มีสัจจะกับเราแค่ไหน ขอฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ทุกๆ คน สุดท้ายไม่จำเป็นอย่าไปค้ำประกันให้ใครง่ายๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น