xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นผลแล็บพรุ่งนี้!! หญิงจีนรายที่ 2 ป่วย "ไวรัสโคโรนา" สายพันธุ์ใด ประสาน 2 สายการบิน ขอสกัดผู้ป่วยต้นทาง

เผยแพร่:



สธ.แจงมีผู้ป่วยหญิงชาวจีนติดเชื้อไวรัสกลุ่มโคโรนาอีกราย แต่ต้องรอผลแล็บตรวจสารพันธุกรรมว่า เป็นสายพันธุ์ใด เหตุมีหลายสายพันธุ์ย่อย และใช่สายพันธุ์ใหม่ที่อู่ฮั่นหรือไม่ หากใช่จะนับเป็นรายที่ 2 ของประเทศ คาดประกาศผลได้พรุ่งนี้ เพิ่มมาตรการเข้มรับมือตรุษจีน แจ้ง 2 สายการบินตรงจากอู่ฮั่น คัดกรองผู้ป่วยเข้มตั้งแต่ต้นทาง สกัดผู้ป่วยขึ้นเครื่อง ส่วน WHO บอกติดคนสู่คนไม่ง่าย เป็นเรื่องทางทฤษฎี ไม่ง่ายไม่ได้แปลว่าติดไม่ได้ ส่วนไทยยังไม่มีการติดจากคนสู่คน ทางจีนก็ยังไม่มี 

จากกรณีกระแสข่าวพบผู้ป่วยหญิงชาวจีนสงสัยป่วยด้วยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นรายที่ 2 ของไทย ซึ่งมีการรับตัวจากสนามบินสุวรรณภูมิ มายังห้องแยกโรค สถาบันบำราศนราดูร

วันนี้ (16 ม.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องรอข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน จะได้ไม่พูดกลับไปกลับมา การจะประกาศว่ายืนยันนั้นต้องอาศัยข้อมูล 3 ส่วน คือ หนึ่ง อาการคลินิกเป็นตัวตั้ง สอง ข้อมูลระบาดวิทยา และสาม การตรวจข้อมูลทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) และเนื่องจากเป็นเชื้อใหม่ ก็ต้องให้มีความแม่นยำ จึงต้องตรวจมากกว่า 1 ห้องแล็บ และมีขั้นตอนการตรวจเป็นสเต็ป ดังนั้น เวลายืนยันผู้ป่วย การติดเชื้อต้องมีข้อมูลให้ครบถ้วน 

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน มีไข้ตั้งแต่ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2563 เข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูรตั้งแต่วันดังกล่าว ซึ่งก็ถือว่าเพิ่งผ่านมา 3 วันเท่านั้น หากยังจำได้ ผู้ป่วยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 รายแรกของไทย เราตรวจพบเจอวันที่ 8 ม.ค. แต่แถลงยืนยันชัดเจนวันที่ 13 ม.ค. ก็ใช้เวลา 5 วัน ซึ่งเราไม่ได้มีการปกปิด ส่วนญี่ปุ่นพบเจอตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. แต่เพิ่ง 6 เพิ่งแถลงวันที่ 16 ม.ค. ก็ใช้เวลาเกือบ 10 วัน ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ต้องรอข้อมูลให้ชัดเจนเช่นกัน


นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับผลการตรวจทางห้องแล็บเบื้องต้นในครั้งแรก เป็นการตรวจดูว่าเชื้อไวรัสอยู่ในตระกูลโคโรนาหรือไม่ ซึ่งก็พบว่าใช่ แต่ตระกูลโคโรนาไวรัสมีหลายสายพันธุ์ย่อย เช่น เมอร์ส ซาร์ส ซึ่งเป็น 2 ตัวหลักที่รุนแรง และ 4 ตัวที่รุนแรงน้อยลงมาที่ทำให้เป็นไข้หวัดได้ จึงต้องมีการตรวจละเอียดอีกครั้งว่า เป็นสายพันธุ์ย่อยสายพันธุ์ไหน ด้วยวิธีการถอดรหัสพันธุกรรม ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายในคืนนี้ ว่าใช่สายพันธุ์ที่เรารู้จักหรือไม่ และหากไม่ใช่ตัวที่เรารู้จักก็อาจเป็นสายพันธุ์ที่ 7 หรือ 8 ก็ได้ ก็ต้องไปเที่ยบกับต้นแบบเชื้อไวรัสของอู่ฉั่นว่าตรงกันหรือไม่ และจะประกาศผลที่ชัดเจนในวันที่ 17 ม.ค. 2563 

"ส่วนอาการของผู้ป่วยรายนี้ก็อาการดี ไม่มีไข้ ไข้ลงแล้ว จริงๆ ตามประวัติก็เหมือนป่วยมาสักพักหนึ่งแล้วถึงค่อยมาเที่ยวที่ประเทศไทย เหมือนกับซื้อทัวร์ไว้ พออาการดีขึ้นก็เลยมาเที่ยว พอมาถึงโรงพยาบาลก็ไม่มีไข้แล้ว ส่วนคนในครอบครัวที่มาด้วยก็สบายดี" นพ.โสภณ กล่าวและว่า สำหรับการรับมือในช่วงตรุษจีน จะมีการเดินทางมาก โอกาสที่จะเจออีกก็มี แต่โอกาสที่จะเจอก็ขึ้นกับความเสี่ยงในต่างประเทศ หากโรคทางนั้นสงบแล้ว ต่อให้เดินทางมามากก็ไม่ได้เสี่ยง ซึ่งสถานการณ์ก็ดูดีขึ้น โดยประเทศจีนรายงานถึงวันที่ 5 ม.ค. ยังมีผู้ป่วย 59 รายเท่าเดิม มีผู้ยืนยันป่วยโรคนี้ด้วยการตรวจแล็บ 41 คน เสียชีวิตรายเดียว ซึ่งมีโรคประจำตัวอยู่เดิม คือ ตับแข็ง เคยเจอเนื้องอกในช่องท้อง ก็ถือว่าไม่แข็งแรงอยู่แล้ว การติดเชื้อทางเดินหายใจมีโอกาสเสียชีวิตได้ แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ไม่สูง

นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับมาตรการเฝ้าระวังในช่วงตรุษจีนนี้ เราแจ้งสายการบินแอร์เอเชีย และไชน่าเซาท์เทิร์นแอร์ไลน์ ที่มีเที่ยวบินตรง ว่าหากมีผู้ป่วยอย่าให้ขึ้นเครื่อง เพราะวิธีดีที่สุดคือทำให้ต้นทางไม่มีผู้ป่วยขึ้นเครื่อง ดีกว่าขึ้นมาแล้วมาป่วยปลายทาง ก็เริ่มคัดกรองต้นทางเข้มขึ้น โดยข้อให้มีการเลื่อนตั๋วให้ เพราะสาเหตุที่ทำให้คนป่วยไปเที่ยวเพราะเสียดายเงิน ก็เรียกว่ามาตรการก็เข้มอีกขั้น ส่วนคนไทยที่ไปเที่ยวอู่ฮั่น ก็แนะนำว่าระมัดระวังอย่าไปตลาด ไปร้านสะดวกซื้อแทน อย่าไป รพ.โดยไม่จำเป็นเพราะมีเชื้อโรค อย่าอยู่ใกล้คนป่วย หากนั่งรถบัส รถทัวร์ รถไฟ มีคนป่วย ก็เอาหน้ากากอนามัยเข้ามาสวม ซึ่งเพียงพอต่อการป้องกันไวรัสไม่ให้สัมผัสเยื่อบุทางเดินหายใจและเยื่อบุช่องปาก สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 รายแรกของไทยอาการดีขึ้น แต่ยังอยู่ในสถาบันบำราศฯ  

เมื่อถามถึงกรณีองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาระบุว่า อาจมีการติดจากคนสู่คนได้ และอยากให้ไทยเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง  นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ทางทฤษฎีก็บอกว่าไม่มีอะไรแน่นอน และเอกสารที่เผยแพร่เว็บไซต์ของ WHO จีน ก็ใช้คำว่าการติดจากคนสู่คนนั้นติดไม่ง่าย ซึ่งไม่ง่าย ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องใช้สถานการณ์จริงคือรายงาน ซึ่งจีนก็ยังไม่มีรายงาน ส่วนของไทยเราเพิ่งพบแค่รายเดียว แต่รายนี้บุคคลที่นั่งด้านหน้าด้านหลังด้านข้าง และคนในครอบครัวที่มาด้วย ซึ่งผู้สัมผัสก็ไม่มีใครมีไข้ ตรวจแล็บก็ไม่มีตรวจพบว่าใครติดเชื้อ ของไทยก็ยังไม่มีการรายงานติดต่อจากคนสู่คน ส่วนอนาคตก็ไม่รู้ อย่างที่บอกว่าไม่มีการจำกัดการเดินทาง มีแต่ประกาศเรื่องคำแนะนำการเดินทาง คือ อย่าไปสัมผัสตัวสัตว์ ซากสัตว์ แนะนำไม่ไปคลุกคลีคนที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เอาความปลอดภัยสูงสุดอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น