"ธนาธร-ปิยบุตร"คู่หูแกนนำ อนค.ตอบคำถามเป็นล้มเจ้า โบ้ยเป็นข้อหาเพื่อสร้างความแตกแยก-เกลียดชัง อ้างไม่เคยเป็นรัฐบาล จึงมีเพียงข้อหานี้ที่จะทำลายล้างทางการเมือง และเป็นข้ออ้างของเผด็จการที่ต้องการสืบทอดอำนาจ ยันไม่ต้องการชนกับทหาร ตั้งพรรคมาสู้ตามกติกา ประนีประนอมที่สุดแล้ว
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้(18 ม.ค.) ที่อาคาร SC 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคอนาคตใหม่ จัดงาน “Future is now – อย่ากลัวอนาคต” ในช่วง “ถามแรงตอบตรง” ได้จัดให้นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส อดีตประธานกรรมการเครือเนชั่น เป็นพิธีกรสัมภาษณ์นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดี ที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ และคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและส่งผลให้มีการยุบพรรคหรือไม่ในวันที่ 21 ม.ค.นี้
นายสุทธิชัยได้ถามว่า การจัดงาน 3 วันก่อนที่ศาลจะพิจารณาเป็นการกดดัน หรือขอความเห็นใจหรือไม่ ซึ่งนายปิยบุตร ตอบว่า เราพูดอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยไม่ได้ เพราะศาลมีคำตัดสินอยู่แล้ว ขณะที่นายธนาธร กล่าวว่า การจัดงานวันนี้เพื่อสื่อสารกับสังคม แต่ก็หวังว่าศาลจะไม่สั่งยุบพรรค แต่ไม่ว่าจะยุบพรรคหรือไม่ ความแน่วแน่ในการทำงานการเมืองยังคงเดิม เราพยายามเต็มที่แล้ว แม้จะยุบพรรคไปก็ยังทำงานการเมืองในรูปแบบอื่น
นายสุทธิชัยถามว่า หากยุบพรรคแล้วจะพาคนลงถนนหรือไม่ นายปิยบุตร ตอบว่า การชุมนุมขึ้นอยู่กับสถาการณ์การเมือง ถ้ารัฐบาลและรัฐสภาไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชนได้ การเรียกร้องบนถนนเป็นเรื่องปกติ และแทนที่จะตั้งคำถามว่าจะชุมนุมกันอีกแล้วหรือ ควรถามกลับไปยังผู้มีอำนาจว่าปกครองอย่างไร ใช้อำนาจกดทับอย่างไร คนจึงออกมาชุมนุม
ด้านนายธนาธรตอบว่า ตนเคยร่วมชุมนุมหลายครั้งหลายหน เสื้อเหลืองเสื้อแดงตนเข้าร่วมทั้งหมด คนที่มาชุมนุมเขาไม่ได้อยากออกมา การชุมนุมที่จะพาสังคมไปสู่ทางตันหรือเกิดความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้นจากการนำของตนแน่นอน เรื่องนี้จำเป็นต้องพูดให้ประชาชนเข้าใจชัดๆ กรณีแฟลชม็อบเรากังวล และบอกล่วงหน้าว่าจัด 1 ชั่วโมงแล้วกลับบ้าน ไม่ก่อความวุ่นวาย ยืนยันว่าการชุมนุมเพื่อนำไปสู่การแตกหัก ม้วนเดียวจบ ไม่เคยอยู่ในกระบวนทัศน์ของเรา
ต่อข้อถามว่า อนค.ถูกมองว่ามีนโยบายกร้าวชน ไม่ยอมให้ทหารมีบทบาท สร้างความขัดแย้งแตกร้าว นายปิยบุตร ตอบว่า วิธีการที่เราเลือกใช้คือการตั้งพรรคการเมืองสู้ในกติกาที่เขาเขียนเป็นวิธีการที่ประนีประนอมที่สุดแล้ว การยกเลิกการเกณฑ์ทหารไม่ใช่การทำลายกองทัพ แต่เป็นการพัฒนากองทัพ เราพร้อมถกเถียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมขึ้นเวที
ด้านนายธนาธร กล่าวว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ ต้องใช้ 250 เสียง เรามีไม่พอแน่ๆ จึงเดินรณรงค์ไปทั่วประเทศ ถ้าผู้นำกองทัพมองว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นการทำลายกองทัพ ก็ให้ผู้นำกองทัพลาออกแล้วมาตั้งพรรคการเมือง
นายสุทธิชัยถามว่า ตอนนี้มีคนมองว่าพรรคอนาคตใหม่กำลังล้างสมองคนรุ่นใหม่ นายธนาธร ตอบว่า ตนให้ความสำคัญกับคนทุกรุ่น งานการเมืองทิ้งใครไว้ไม่ได้ คำว่าล้างสมองเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้สังคมเกลียดและกลัวเรา
นายสุทธิชัยได้ถามถึงกรณีที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นคนล้มเจ้า นายธนาธร ตอบว่า ข้อหาล้มเจ้าที่เข้ามาหาตนและนายปิยบุตร และพรรคอนาคตใหม่นั้นเกิดจากความต้องการสร้างความแตกแยกความเกลียดชังในสังคม อนาคตใหม่ไม่เคยมีโอกาสเป็นรัฐบาล ดังนั้นข้อกล่าวหาเพื่อทำลายการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็เหลือข้อหาเดียว คือล้มเจ้า
นายธนาธรอ้างอีกว่า คนที่ต้องการแบ่งฝ่ายในสังคมไม่ใช่พวกเรา แต่เผด็จการที่จะสืบทอดอำนาจต้องมีความจำเป็นแต่ละข้ออ้าง บางอย่างเพื่อให้มิอาจอยู่ได้โดยไม่ผ่านประชาธิปไตย ดังนั้นข้ออ้างเดียวคือ กุเรื่องสร้างปีศาจขึ้นมาว่าชังชาติ ล้มเจ้า ถ้ารัฐประหารนำไปสู่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยคงมีเศรษฐกิจดีเป็นลำดับต้นๆ ของโลก เพราะเรารัฐประหารบ่อยมาก
นายธนาธรยังกล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างสันติ ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร กุญแจที่ไขล็อกคลี่คลายความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่กับผู้ถือครองอำนาจในปัจจุบัน เราไม่มีอาวุธ ไม่มีกองทัพ ไม่มีเรือดำน้ำ มีแต่การรณรงค์กับประชาชน นี่คือกระบวนการเปลี่ยนผ่าน
เมื่อถามว่า ต่อหน้าศาลยังไม่พูดวามจริงจะมาบริหารเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร นายธนาธร ตอบว่า ถ้าอ่านคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเรื่องใดยืนยันความผิดของตน ไม่พูดถึงเรื่องการพิสูจน์เจตนา ตนพูดว่าจำไม่ได้ คือจำไม่ได้จริงๆ การมีคดีหลายคดีเป็นยุทธวิธีที่ทำให้เราเสียเวลา เสียทรัพยากรในพรรคมากมาย เราพร้อมพูดคุยกับผู้มีอำนาจอย่างตรงไปตรงมาเพื่อหาทางออกร่วมกัน ยืนยันว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะทำแบบเดิม เราสร้างพรรคใหม่ทำผิดพลาดมากมายและยังมีความฝันทะเยอทะยานมาก แต่ประสบการณ์และข้อผิดพลาดใน 2 ปี จะนำมาปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งทั้งในพรรคและนอกพรรค
กรณีที่พรรคอนาคตใหม่ถูกวิจารณ์ว่า แกล้ง ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรค นายปิยบุตร กล่าวว่า กรณีมติขับ 4 ส.ส.พ้นจากพรรค ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้รายละเอียดในทางทะเบียน กกต.จะไปตีความอย่างไรก็ให้ไปว่ากันเอง แต่ทั้ง 4 คน คงสบายใจได้ เพราะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้ทางให้แล้ว ขอพูดแต่เพียงว่า เขาอยู่กับเรามา ถึงเวลาจะจากกัน เราต้องแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วไปส่งเขาถึงบ้านใหม่เลยหรือไม่ เมื่อออกไปจากพรรคแล้วก็จากกันด้วยดี ตนไม่เคยประณามว่าใครไปได้ผลประโยชน์ ยืนไม่ได้กลั่นแกล้ง
