xs
xsm
sm
md
lg

จาก “ไททานิค” ถึงไวรัสโควิด-19 อีกครั้งกับบททดสอบของ “ธุรกิจเรือสำราญ” วิมานลอยน้ำสุดหรู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:

Youtube :Travel MGR

เรือสำราญ (คอสตา เวเนเซีย) วิมานลอยน้ำสุดหรูหรา
วิกฤติ “ไวรัสโคโรนา 2019” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” นอกจากจะเป็นมหันตภัยร้ายคร่าผู้คนไปมากมายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม สายการบิน สถานที่ท่องเที่ยว บริษัททัวร์ (จีน) ไกด์นำเที่ยว (ทัวร์จีน) ฯลฯ ล้วนต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนทั่วหน้า

รวมไปถึงล่าสุดกับ “ธุรกิจเรือสำราญ” หรือ “Cruise” ซึ่งวันนี้เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาด้วยเช่นกัน

กำเนิดธุรกิจเรือสำราญ

เรือสำราญ” แม้จะเป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่มาแรงและเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ธุรกิจเรือสำราญถือกำเนิดมากว่า 200 ปีแล้ว โดยวิวัฒนาการของเรือสำราญเริ่มขึ้นใน “ยุคเรือพลังไอน้ำ” ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม มีการสร้างเรือพลังไอน้ำ ทำให้เรือเดินทะเลเดินทางได้ยาวไกลขึ้น

เรือสำราญในยุคกำเนิดแห่งยุคเรือพลังไอน้ำ
นั่นจึงทำให้ในปี ค.ศ.1818 เรือ Black Ball Line ได้ยกระดับจากเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หันมาเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร ควบคู่ไปกับการขนส่งสินค้า จึงได้รับการบันทึกว่าเรือลำนี้เป็นจุดกำเนิดของธุรกิจเรือสำราญ

ต่อมาได้มีผู้ปรับเปลี่ยนจากเรือขนส่งสินค้าและบริการ เป็นเรือสำราญเพื่อการท่องเที่ยวด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และอาหารเลิศหรู ซึ่งมุ่งให้บริการกับชนชั้นสูงเป็นหลัก โดยมีเรือของ บริษัท Peninsular & Oriental Steam Navigation Company (P&O) ถูกระบุว่าเป็นเรือสำราญลำแรกของโลก โดยเริ่มให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1844 ในเส้นทางระหว่างอังกฤษและอเมริกาเหนือ

เรือสำราญ วิมานลอยน้ำในยุคปัจจุบัน (ภาพ cruisemapper.com)
หลังจากนั้นเรือสำราญได้มีการพัฒนายกระดับมากยิ่งขึ้น บนเรือมีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก สินค้าฟุ่มเฟือย และบันเทิงเข้าไป เพื่อตอบโจทย์เรือสำราญเพื่อความสำราญของผู้โดยสารให้มากยิ่งขึ้น

ไททานิค ภัยพิบัติเรือสำราญครั้งประวัติศาสตร์

ในช่วงยุคปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของธุรกิจเรือสำราญ ยุคนี้มีเรือสำราญขนาดใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ที่โด่งดังที่สุดจนเป็นตำนานบันลือโลกก็คือ เรือ “อาร์เอ็มเอส ไททานิค” (RMS Titanic) หรือที่เรือส่วนใหญ่รู้จักกันดีในชื่อ เรือ “ไทนานิค” (Titanic) ที่มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โกยรางวัล และกวาดรายได้ไปถล่มทลาย

ภาพการก่อสร้างเรือไททานิค
ไทนานิค สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1909-1911 เป็นเรือสำราญขนาดใหญ่มาก สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากกว่า 2,000 คน จนได้รับการยกย่องว่า (เคย) เป็นสิ่งของขนาดใหญ่ที่สุดจากฝีมือมนุษย์ที่เคลื่อนไหวได้

จุดเด่นของเรือไททานิค นอกจากความใหญ่ยักษ์แห่งยุคสมัยแล้ว ยังเป็นเรือสำราญสุดหรูหรา บนเรือมีทั้ง ยิมเนเซียม สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ภัตตาคารชั้นสูง และสิ่งอำนวยความสะดวก ความบันเทิงรื่นเริงต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงระบบป้องกันภัยพิบัติทางทะเลที่ว่ากันว่าทันสมัย สุดล้ำ และยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (ในยุคสมัยนั้น)

แต่อนิจจา...เรือยักษ์ไททานิคต้องมาจมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก หลังชนภูเขาน้ำแข็ง ในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1,514 ศพ นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางทะเลที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์

ไทนานิค เรือสำราญตำนานบันลือโลก
การอับปางลงของเรือไททานิคแม้จะสร้างความสั่นสะเทือนต่อวงการเรือสำราญ แต่ธุรกิจนี้ก็ยังฟันฝ่าเดินหน้าต่อไป พร้อม ๆ กับพัฒนาศักยภาพของเรือสำราญให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

โดยหลังจากนั้นธุรกิจเรือสำราญเข้าสู่ยุคเรือสมัยใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพอสงครามสงบ มีการเดินทางข้ามประเทศเพื่อกลับภูมิลำเนา ไปเยี่ยมเยียน ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต่าง ๆ อย่างมากมาย ขณะที่ในหมู่ชนชั้นสูงเมื่อบ้านเมืองกลับมาสงบก็ใช้โอกาสนี้ล่องเรือสำราญท่องเที่ยว ทำให้ธุรกิจเรือสำราญในยุคนี้เติบโตรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก

เปิดประสบการณ์แปลกใหม่ไปกับเรือสำราญ

บรรยากาศสุดหรูในเรือคอสตา เวเนเซีย
มาถึงยุคปัจจุบัน การท่องเที่ยวไปกับเรือสำราญ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย เพราะเรือสำราญยุคปัจจุบันเปรียบดังวิมานลอยน้ำ เป็นโรงแรม 5-6 ดาวเคลื่อนที่ บนเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

อีกทั้งยังเป็นเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ไม่ว่าจะเป็น ห้องอาหารหรูหรา ผับบาร์ โรงละคร ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงมีกาสิโนให้เสี่ยงโชค และกิจกรรมสันทนาการบันเทิงอื่น ๆ ให้เลือกอีกมากมาย ในบรรยากาศสุดหรูหรา ล่องเรือสำราญสุดหรูหราท่ามกลางทะเลสีคราม ชมวิวทิวทัศน์ และแวะเที่ยวตามสถานที่ไฮไลท์ตามชายฝั่งของประเทศต่าง ๆ

กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเรือสำราญในปัจจุบันที้มีหลากหลายขึ้น
ขณะที่กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเรือสำราญนั้นก็ขยายตัวกว้างมากขึ้น จากเดิมที่มีเฉพาะกลุ่มระดับลักซ์ซูรี่ ไฮโซ คนมีสตางค์ มาสู่กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งครอบครัว คู่รัก เพื่อนฝูง หรือผู้ที่นิยมเที่ยวคนเดียว เนื่องจากเดี๋ยวนี้ธุรกิจเรือสำราญมีการขายเป็นแพกเกจทัวร์ ในราคาที่สมเหตุสมผลจับต้องได้ นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนจึงยอมลงทุนไปล่องเรือสำราญ เพื่อเปิดประสบการณ์แปลกใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ สักครั้งหรือหลาย ๆ ครั้งในชีวิต

เรือสำราญ เทรนด์ท่องเที่ยวมาแรง

ซูเปอร์สตาร์ เจมิไน พาไปสำราญกลางท้องทะเล
ปัจจุบันการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญเป็นหนึ่งในเทรนด์ท่องเที่ยวที่มาแรง โดย “สมาคมเรือสำราญระหว่างประเทศ” (Cruise Lines International Association : CLIA) ได้จัดทำแนวโน้มอุตสาหกรรมการล่องเรือสำราญ พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณนักท่องเที่ยวในธุรกิจเรือสำราญมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดผู้โดยสารเรือสำราญในช่วง 5 ปีหลังมีดังนี้

-ปี 2558 จำนวน 23.06 ล้านคน
-ปี 2559 จำนวน 25.2 ล้านคน
-ปี 2560 จำนวน 26.7 ล้านคน
-ปี 2561 จำนวน 28.2 ล้านคน
-ปี 2562 จำนวน 30 ล้านคน

สำหรับ 10 อันดับ นักท่องเที่ยวที่นิยมล่องเรือสำราญ ปี 2562 มีดังนี้
1.สหรัฐอเมริกา 11.9 ล้านคน
2.จีน 2.4 ล้านคน
3.เยอรมนี 2.19 ล้านคน
4.สหราชอาณาจักร 1.93 ล้านคน
5.ออสเตรเลีย 1.34 ล้านคน
6.แคนนาดา 9.2 แสนคน
7.อิตาลี 7.7 แสนคน
8.สเปน 5.1 แสนคน
9.ฝรั่งเศส 5 แสนคน
10.บราซิล 4.5 แสนคน

เรือสำราญของ Carnival Corporation & Plc. (ภาพ es.travel2latam.com)
ในส่วนของตลาดเรือสำราญนั้น ปัจจุบันมีอยู่ 4 บริษัทใหญ่ คือ

1.Carnival Corporation & Plc. มีส่วนแบ่งในตลาด 44.1%
2.Royal Caribbean Cruises Ltd. มีส่วนแบ่งในตลาด 23.9%
3.Norwegian Cruise Line Holdings Ltd. มีส่วนแบ่งในตลาด 8.8%
4.MSC Cruises (บริษัทลูกของ MSC Mediterranean Shipping ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าของอิตาลีซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก) มีส่วนแบ่งในตลาด 7%

ทั้งนี้โดยรวมแล้ว แม้ทั้ง 4 บริษัทใหญ่ จะกินส่วนแบ่งในตลาดเรือสำราญไปแล้วมากกว่า 80% แต่กระนั้นก็ยังมีนักลงทุนอีกจำนวนมาก พร้อมที่จะลงทุนเพื่อเข้าไปแย่งส่วนแบ่งในตลาดของธุรกิจเรือสำราญ

บรรยากาศบนเรือสำราญ คอสตา เวเนเซีย
ขณะที่เส้นทางล่องเรือสำราญยอดนิยม ปี 2562 ได้แก่
1.เส้นทางทะเลแคริบเบียน 34 %
2.เส้นทางเมดิเตอร์เรเนียน 17.3 %
3.เส้นทางยุโรป (ไม่รวมตะวันออกกลาง) 11.1 %
4.เส้นทางจีน 4.9 %
5.เส้นทางออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์/แปซิฟิก 4.8 %
6.เส้นทางอลาสก้า 4.7 %
7.เส้นทางเอเชีย (ไม่รวมจีน) 4.3 %
8.เส้นทางอเมริกาใต้ 2.3 %

ประเทศไทยในธุรกิจเรือสำราญ

ทั้งนี้ในส่วนของเอเชียนั้นถือเป็นเส้นทางที่มาแรง และเป็นตลาดที่นักลงทุนเรือสำราญมุ่งหน้าเข้ามาลงทุน โดยในส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันฮับของเส้นทางเดินเรือสำราญอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์

ไทยตั้งเป้าภายในปี 2570 จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับประเทศไทยมีบริการเรือสำราญท่องเที่ยวมากว่า 30 ปีแล้ว โดยช่วงแรก ๆ จะเป็นเรือสำราญขนาดเล็ก ก่อนที่ต่อมาในช่วงเกือบ 10 ปีหลัง จะมีเรือสำราญขนาดใหญ่เข้ามาเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งมักจะเป็นการแวะเข้ามาพักเทียบท่า โดยท่าเรือสำราญหลักของเมืองไทยนั้นก็คือ ภูเก็ต เกาะสมุย แหลมฉบัง และคลองเตย

อย่างไรก็ดีด้วยธุรกิจเรือสำราญที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งนักท่องเที่ยวจากธุรกิจเรือสำราญก็เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพ ทาง “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” จึงวาง “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ พ.ศ. 2561-2570” โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2570 ประเทศจะไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล

ขณะที่แผนเดิมในการเข้ามาจอดเทียบท่าของเรือสำราญ (จาก Travelonline, 2019 ออนไลน์) ระบุว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2562 ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2564 จะมีเรือสำราญ เข้ามาเทียบท่าในประเทศไทยทั้งแบบท่าเรือหลักและแวะพักเป็นจำนวนมากกว่า 228 ลำ

เรือสำราญหลายลำมีกาสิโนให้เสี่ยงโชค
เรือสำราญล่องฝ่าวิกฤติไวรัสโคโรนา

ท่ามกลางธุรกิจเรือสำราญที่กำลังลอยลำไปได้สวย วันนี้มีอันต้องสะดุดลงชั่วคราวจากพิษของไวรัสโคโรนาหรือ ไวรัสอู่ฮั่น อันเนื่องมาจาก การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา จำนวน 175 ราย (รวมจนท.กักกันโรค : 12 ก.พ.63) บนเรือสำราญ “ไดมอนด์ ปรินเซส” ในน่านน้ำประเทศญี่ปุ่น

นั่นจึงทำให้เกิดอาการหวาดระแวงเรือสำราญของผู้คนจำนวนมากทั่วโลกว่าบนเรืออาจมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และนำมาแพร่เชื้อยังประเทศที่ให้เรือจอด ส่งผลให้เรือ “เรือเวสเตอร์ดัม” เรือสำราญขนาดใหญ่ ที่มีผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 2,200 คน ถูกปฏิเสธไม่ให้เทียบท่าในประเทศต่าง ๆ ทั้ง ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น รวมถึงในประเทศไทย

ไทยไม่อนุญาติให้เรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม เทียบท่า (ภาพ เพจ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์)
สำหรับเรื่องนี้ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญ ต้องปรับตัวงัดแผนมาสู้ศึกไวรัสอู่ฮั่น โดยทัวร์ล่องเรือสำราญในประเทศจีนนั้นจำเป็นต้องยกเลิกไปโดยปริยาย ขณะที่เส้นทางล่องเรืออื่น ๆ ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ บางบริษัทก็มีโปรโมชั่น ลดราคาลงถึง 50 % หรือโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เพื่อสร้างแรงจูงใจเป็นต้น

พรรษา สิงห์โตแก้ว” หรือ “มด” ตำแหน่ง Managing Director จาก R-Rom-D Tour & Cruise ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดทัวร์ล่องเรือสำราญของบ้านเรา เปิดเผยถึงสถานการณ์ของบริษัทภายใต้สถานการณ์ไวรัสอู่ฮั่นว่า

“สำหรับบริษัทของเราแล้วไม่ค่อยมีผลกระทบโดยตรงเท่าไหร่ จะมีผลกับเรื่องความเชื่อมั่นมากกว่า ซึ่งทางเราก็ได้อธิบายถึงเรื่องของระบบความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ ของการเดินทางด้วยเรือสำราญให้ลูกค้าฟัง”

เรือสำราญยุคปัจจุบันนอกจากจะหรูหราแล้ว ยังมีระบบการดูแลที่รัดกุม
พรรษา อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับเรือสำราญที่หลายคนไม่รู้ว่า โดยปกติแล้วระบบรักษาความสะอาดและความปลอดภัยบนเรือสำราญนั้น จะค่อนข้างรัดกุมและมีมาตรฐานที่ดีอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงที่มีไวรัสโคโรน่าระบาดเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเราได้ทำมาโดยตลอด โดยจะมีการคัดกรองผู้โดยสารก่อนการก้าวเท้าขึ้นเรือ ซึ่งแตกต่างจากการเดินทางโดยเครื่องบิน ที่มีการคัดกรองเฉพาะแค่ภายในสนามบินเท่านั้น

“ส่วนถ้าหากระหว่างการเดินเรือเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ทางกัปตันจะมีมาตรการจัดการแบบเป็นระบบ 1 2 3 ไปตามมาตรฐานของการเดินเรือ อย่างเช่น จอดเรือในที่ปลอดภัยเพื่อให้ผู้โดยสารลงจากเรือ และทำการทำความสะอาดเรือทั้งลำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสารได้ หรือหากต้องมีการเปลี่ยนจุดหมายปลายทางในการจอดเรือ เรือสำราญจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถพาผู้โดยสารไปถึงที่หมายใหม่ได้อย่างปลอดภัยและถูกระเบียบของการเดินเรือ”

อย่างไรก็ดีท่ามกลางสถานการณ์ของวิกฤติไวรัสโคโรนานั้น พรรษา กล่าวว่า มีส่วนทำให้ยอดจองทริปล่องเรือสำราญในเอเชียลดลงไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับหายไปเลย

“ด้วยระบบรักษาความสะอาดและความปลอดภัยบนเรือสำราญนั้นมีมาตรฐานที่ดี (ตามที่กล่าวมาข้างต้น) ลูกค้าที่เลือกเดินทางด้วยเรือสำราญจึงมีความเข้าใจและเชื่อมั่นในเรื่องนี้ ทำให้ยอดจองไม่ได้ลดหายจนน่าตกใจแบบนั้น”

ไวรัสอู่ฮั่นเป็นอีกหนึ่งวิกฤติที่ธุรกิจเรือสำราญต้องต่อสู้ฟันฝ่า
นอกจากนี้ พรรษา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าหากลูกค้ายังมีความกังวลในเรื่องของความสะอาดอยู่นั้น ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ทางเราก็จะมีการเปิดตัวเรือสำราญลำใหม่ที่ส่งตรงมาจากประเทศอิตาลี และจะมาเทียบท่าที่แรกที่แหลมฉบัง ประเทศไทย โดยที่ไม่มีการรับผู้โดยสารระหว่างทางที่ไหนมาก่อนเลย ดังนั้นจึงมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจากเชื้อโรคได้ (กรณีที่ช่วงนั้นวิกฤติไวรัสอู่ฮั่นยังคงระบาดอยู่)

วันนี้แม้วิกฤติไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในหลากหลายส่วน สำหรับธุรกิจเรือสำราญ แม้จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา มากหรือน้อยต่างกันตามที่แต่ละบริษัทเผชิญ แต่ด้วยรากฐานที่มีมายาวนานกว่า 200 ปี วิกฤติไวรัสโคโรนา ครั้งนี้เปรียบดังคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมธุรกิจเรือสำราญให้ซวนเซ แต่เมื่อคลื่นลูกนี้ผ่านพ้น ธุรกิจเรือสำราญก็จะมาลอยลำโลดแล่นในท้องทะเล เป็นวิมานลอยน้ำให้ผู้คนได้ไปเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวอันหรูหราน่าตื่นตาตื่นใจอักครั้ง
....................................................................................................


สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR

กำลังโหลดความคิดเห็น