xs
xsm
sm
md
lg

พ่อพระของหนู!! “หลวงพ่อทองมา” วัดป่าดอนใหญ่ เลี้ยงดูส่งเสียเด็กกำพร้า-เด็กถูกทิ้ง 20 ปีนับร้อยชีวิต

เผยแพร่:



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “หลวงพ่อทองมา” แห่งวัดป่าดอนใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเปี่ยมด้วยความเมตตา เลี้ยงดู-ส่งเสียเด็กกำพร้าและเด็กที่ถูกทิ้ง ให้ได้ศึกษาเล่าเรียนและมีอนาคต มาเป็นเวลา 20 ปีนับร้อยชีวิตแล้ว



ปัญหาเด็กถูกทิ้ง ยังเป็นสิ่งที่พบเห็นอยู่เสมอ หากเด็กโชคดี มีผู้พบเห็น อาจนำไปสู่การชุบเลี้ยง หรือได้รับการดูแลจากสถานสงเคราะห์ต่างๆ แต่หากไร้ผู้พบเห็นหรือพบช้าเกินไป คงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เด็กต้องจบชีวิตลง


น่าดีใจที่วัดป่าดอนใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา มีพระครูสมุห์ทองมา อคคธมโม หรือหลวงพ่อทองมา เจ้าอาวาส ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กกำพร้าและเด็กถูกทอดทิ้งมานาน 20 ปีแล้ว มีเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูและส่งเสียให้ศึกษาเล่าเรียนจากหลวงพ่อมาแล้วนับร้อยคน เด็กหลายคนหลวงพ่อรับเลี้ยงมาตั้งแต่วัยแบเบาะ เวลาบิณฑบาต หลวงพ่อก็นำเด็กใส่รถเข็นไปด้วยกัน จนเป็นภาพที่ชินตาของญาติโยม


เปิดชีวิต “หลวงพ่อทองมา” วัยเด็ก...สุดยากจน!!

“แม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่หลวงพ่อยังอายุ 5 ขวบ แม่ต้องไปทำมาหากิน ทำยังไงจะได้อาหารมาให้ลูกกิน ทำยังไงให้ได้ปัจจัยมาให้ลูกไปโรงเรียน จำได้เลย ไปโรงเรียนห่อข้าวไข่ใบหนึ่ง 4 คนพี่น้อง ผ่า 4 ชิ้น”


ความจนส่งผลให้หลวงพ่อทองมามีโอกาสเรียนแค่ ป.5

“โยมแม่ส่งไม่ไหว เลยต้องออกโรงเรียนมา ก็ไปรับจ้างเลี้ยงวัว พอโตขึ้นมาหน่อย ก็ฝึกตัดผม เป็นช่างตัดผมอยู่ระยะหนึ่ง พอโตเป็นหนุ่ม ถูกทหาร พอเริ่มวัยรุ่น เริ่มติดเพื่อน เริ่มดื่มเหล้าเป็น กลับมาบ้านทีก็ดื่มเหล้า 2-3-4 วัน โยมแม่ไม่ชอบคนดื่มเหล้า ปี 2537 ในหมู่บ้านมีการบวชนาค บวช 8 คน ก็มาจากที่ทำงาน ก็ฉลอง 8 นาคกับเขา ฉลองเมาไม่รู้เรื่อง โยมแม่บอก พอแล้วเอ็ง บวชเสียเถอะ เมาอยู่นะ ปากท้า ไม่ใช่ท้า คะนองปากหรือเปล่าไม่รู้ บอก ถ้าเอาผมบวช ผมไม่สึกนะ ก็บอกแม่อย่างนี้ เออ! ถ้าแม่ไม่ตาย อย่าสึก ถ้ายังไม่ตาย สึกมา หัวแตก (หัวเราะ) ก็เลยได้บวช บวชยาวมา”


ขอ “โยมแม่” สร้าง “วัดป่าดอนใหญ่”

“ขอพื้นที่ตรงนี้เพื่อสร้างเป็นวัด โยมแม่ก็ได้ถวายให้ อนุญาตให้สร้างได้ เนื้อที่ตรงนี้มีทั้งหมด 20 ไร่ ตามระเบียบแล้ว 6 ไร่ขึ้นไป ถึงจะขอสร้างวัดได้ โยมแม่ให้ 7 ไร่ ที่เหลือโยมแม่ก็แบ่งซอยขายออกไป แล้วเอาปัจจัยที่ขายได้มาช่วยถมที่ ช่วยก่อร่างสร้างวัดขึ้นมา เพราะแรกๆ เราไม่มีเงินเลย ได้อาศัยที่ผืนนี้และที่ที่ตัดแบ่งออกไปจากผืนนี้ โยมแม่ก็ขายออกไป แล้วเอาเงินปัจจัยมาถวาย จนสมบัติโยมแม่หมด เลยต้องเอาโยมแม่มาเลี้ยงที่วัด”


เหตุใดจึงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า-เด็กถูกทอดทิ้ง?

“ไปเจอเด็กกำพร้าคนหนึ่ง แล้วเขาไม่มีพ่อ ส่วนแม่ก็เสียสติ เด็กอายุ 4-5 ขวบ เจอเหตุการณ์แบบนี้ ความรู้สึกเราเหมือนว่าสมัยเด็ก เราเคยลำบากแบบนี้ ทั้งที่เรามีแม่อยู่ เขาไม่มี มีแต่คนแก่ๆ อยู่ดูแล เราจะทำยังไงจะช่วยเขาได้ ตอนนั้นเราเป็นพระที่วัดวะตะแบก จ.ชัยภูมิ อาหารที่เราบิณบาตมาได้ ก็ได้เยอะพอสมควร และอยู่ที่นั่น เป็นวัดประจำอำเภอ ปัจจัยก็พอมีอยู่ ก็น่าจะช่วยเหลือเด็กคนนี้ ก็เอาเด็กคนนี้มาเลี้ยง ส่งให้เขาเรียน พอเราเริ่มเลี้ยงคนแรก คนแรกนี่ไปขอเขา ขอจริงๆ ขอกับตายาย เพราะเห็นแล้วสงสาร เด็กก็อดอยาก ตายายก็ลำบาก แกก็ดีใจ ร้องไห้ เราเอาหลานมาช่วยเลี้ยง หลังจากนั้น พอใครลำบากหน่อย เด็กกำพร้ามีที่ไหน ตายายหรือพี่ป้าน้าอา เขาก็เอามาฝากๆๆ”


มีเกณฑ์ในการรับเด็กมาดูแลอย่างไร?

“1.ต้องเป็นชาย ถ้าเป็นหญิงก็ไปไม่ได้ คุยกันไม่ได้แล้ว ปัญหาจะเกิดภายหน้า เราไม่ใช่รังเกียจนะ แต่ปัญหาจะเกิดกับวัด เกิดกับสังคม ก็ตัดปัญหา 2.อายุไม่ได้กำหนดว่าต้องอายุเท่าไหร่ เท่าไหร่ก็ได้ พ่อแม่มีไหม ถ้ามีทั้งพ่อแม่ แล้วเหตุผลคืออะไร ทำไมต้องเอามาให้เรา อันนี้เรารับไม่ได้ ถ้ามีทั้งพ่อแม่ คุณต้องดูแลไปสิ คุณทำให้เขาเกิดแล้ว ถ้าเขาไม่มีทั้งพ่อแม่ และอยู่ในสภาวะที่ลำบาก เช่น คนดูแลไม่ใช่ญาติ หรือ 2.เป็นญาติ ตายายแก่ๆ ตัวแกก็หากินไม่พอปากท้องแล้ว และถ้าวันใดแกล้มหายตายจากไป เด็กจะเป็นยังไง เคสอย่างนี้ก็รับไว้”


หลายคนอาจสงสัยว่า หลวงพ่อดูแลเด็กตั้งแต่วัยแบเบาะ เด็กบางคนหลวงพ่อรับเลี้ยงตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน เวลาบิณฑบาตก็ใส่รถเข็นไปด้วย จะมีความยุ่งยากในการดูแลหรือกระทบต่อกิจของสงฆ์หรือไม่?

“พูดง่ายๆ มันใช่กิจของสงฆ์ไหม คำถามนี้เจอบ่อย อาตมายึดถือพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เมตตาคือความรักใคร่ อยากให้ทุกคนมีความสุข เมื่อเขามีความทุกข์มา เราก็ช่วยเขา เด็กๆ ทุกคน มีคนเดียวเท่านั้นที่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ไปขอ นอกนั้นไม่เคยไปขอใคร มีแต่เขาเอามา แล้วถ้าหากว่าเราไม่ช่วยเขา ใครจะช่วย ในความคิดขณะนั้นคือ ถ้าเราไม่ช่วยเขา คือแม่เด็กเขาหมดความ คือสั้นกว่าคำว่าคิดสั้นแล้ว คือเด็กคนนี้ถ้าเราไม่เอาไว้ เด็กคนนี้ตายกับอยู่ เท่ากัน อยู่คือ เขาไปโยนทิ้งแล้วมีคนเห็น แต่ถ้าไม่มีคนเห็นล่ะ เราไม่เอาไม่รับไว้ เขาเดินออกไป 3 วันต่อมา เขาบอกเจอศพเด็กคนนี้ เราจะรู้สึกยังไง เราช่วยเขาได้ แล้วทำไมเราไม่ช่วย”


เลี้ยงดู-ส่งเสียเด็กกำพร้า ใช้ทุนปัจจัยที่ไหน?

“ปัจจัยเหรอ อย่างที่เห็น ส่วนใหญ่อาศัยบิณฑบาตเลี้ยงชีพ เราไม่มีทุนจากที่อื่น ไม่มีกองทุนจากที่ไหน ค่าขนม ค่าน้ำค่าไฟ ทุกอย่างอยู่ในบาตรลูกเดียว เงินหลวงหรือทุนหลวง แต่หลวงตานะ ไม่ใช่หลวงรัฐบาล บางคนเขาก็ถวายเป็นปัจจัย เราก็เอาปัจจัยส่วนนั้นมาทำประโยชน์ส่วนกลาง ส่วนรวมไป หรือแม้แต่ไปกิจนิมนต์ เขาถวายส่วนตัว ก็มาลงส่วนกลางหมด เพราะถ้าไม่เอามาลงปุ๊บ ส่วนกลางจะไปไม่รอด”


20 ปีที่ “หลวงพ่อทองมา” ให้การเลี้ยงดู-ส่งเสียเด็กกำพร้าและเด็กถูกทอดทิ้งได้ศึกษาเล่าเรียนนับร้อยคน หลวงพ่อพร้อมส่งเสียให้เด็กได้เรียนสูงที่สุด บางครั้งถึงขั้นต้องเอาที่โยมแม่ไปจำนองเพื่อส่งลูกๆ เรียน

“กำหนดส่งเด็กเรียนถึงปริญญาโท แต่ยังไม่มีใครไปถึง (ถาม-สนับสนุนเต็มที่?) ขอให้เรียน ขอให้อยากเรียนจริงๆ จะลำบากแค่ไหน ถึงกับเอาที่โยมแม่ไปจำนองเลยนะ เปิดเทอมทีหนึ่ง เอาที่จำนองไฟแนนซ์ เอามาส่งลูกศิษย์เรียน”


แม้วันนี้จะมีเด็กในความดูแลเพียง 4-5 คน เพราะคนอื่นๆ ต่างเติบโต และมีครอบครัวไปบ้าง มีผู้ปกครองมาแสดงตัวเพื่อรับไปดูแลเองบ้าง แต่เด็กๆ เหล่านั้นก็มักจะกลับมาเยี่ยมเยียนและขอพรจากหลวงพ่อเสมอๆ

เราอดถามหลวงพ่อไม่ได้ว่า เลี้ยงดู-ส่งเสียเด็กๆ มาขนาดนี้ หวังให้เด็กกลับมาดูแลหรือช่วยเหลือวัดหรือไม่?


“เรื่องหวังว่าเขาจะกลับมาดูแลเรา เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้เลย บางคนพ่อแม่แท้ๆ เขายังไม่มีโอกาสกลับไปดูแล แล้วเราเป็นใคร เราไม่ได้หวังว่าเขาจะกลับมาดูแลเรา เราหวังว่าเขาจะไปรอด เขาจะมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองขึ้น แค่นั้น เขาจะกลับมาช่วยดูแลวัดวาอารามหรือไม่ อันนั้นอยู่ที่จิตสำนึกของเขาเอง”


หลวงพ่อทองมา ไม่ใช่แค่อยากเห็นเด็กๆ เหล่านี้มีอนาคต แต่ยังหวังด้วยว่า เมื่อเด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว และมีลูกเมื่อพร้อม เพื่อที่จะไม่สร้างปัญหาใหม่ หรือเพิ่มเด็กกำพร้าให้กับสังคมต่อไป


“ก็บอกเด็กๆ เหล่านี้ ถ้าจะมีลูกมีเมีย หลวงพ่อไม่ห้าม แต่ห้ามอย่างเดียว อย่าเพิ่งมีลูก จะบอกทุกคนเลยนะ อย่าเพิ่งมีลูก รู้ว่าทุกคนมีครอบครัวปุ๊บ ก็อยากมีลูกกันทั้งนั้น แต่เธออย่าลืมว่า มีลูกแล้ว ปัญหาเก่าๆ มันจะวนกลับมา เหมือนตัวเธอที่เธอถูกทอดทิ้งมา เพราะเหตุแห่งความไม่พร้อม ...เพราะฉะนั้น ก่อนมีลูก เราต้องเตรียมพร้อมก่อน มีเงินเก็บก่อน เลี้ยงเด็กคนหนึ่ง เตรียมไว้เลยอย่างน้อยๆ เดือนละ 5,000 เด็กเลี้ยงกี่ปีกว่าจะเข้าโรงเรียนได้ 3 ปี เดือนละ 5,000 ปีละ 60,000 ต้องมีเงินสัก 1 แสนก่อน ค่อยคิดจะมีเด็ก ก่อนจะมี ถามพ่อแม่เรา ปู่ย่าตายายสิว่า ทางไหนพอรับได้ รับได้ก็ทำงานไป 2 คน ก็ส่งเสียให้ปู่ย่าตายายไป ต้องสอนแบบนี้ ต้องบอกเขา เพราะถ้าหากไม่ทำแบบนั้น กงกรรมกงเกวียนมันจะหมุนกลับมา....”


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )


รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos






กำลังโหลดความคิดเห็น