xs
xsm
sm
md
lg

“โหร” ชี้ดวงเมืองตก ดวงรัฐบาลแตก เศรษฐกิจทรุด-ชุมนุมใหญ่-ปฏิวัติซ้อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



3 โหรดังฟันธงตรงกัน ดวงการเมืองน่าห่วง อาจปฏิวัติใหญ่ “ฟองสนาน” ระบุมีเกณฑ์ปรับ ครม. พฤษภาคมนี้ เกิดการตรึงกำลัง 2 ฝ่าย นายกฯ ถูกบีบหน้าเขียว เชื่อหากเปลี่ยนแปลงหลัง 10 ก.ย. จึงจะดี ด้าน “โหรบุศรินทร์” ชี้ดวงรัฐบาลแตก หลัง 17 ก.ค. พรรคร่วมขัดแย้งรุนแรง จับตาชุมนุมใหญ่ 8 ส.ค.-9 ต.ค. หวั่นเศรษฐกิจทรุดหนัก ข้าวยากหมากแพง ขณะที่ “หมอภิญโญ” เตือนระวังเกิดเหตุรุนแรง นองเลือด

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองอันร้อนแรง ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า เกิดโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วโลก นานาปัญหาประเดประดังเข้ามาตั้งแต่ต้นปี ทำเอาผู้คนวิตกกันว่า ฤา จะเกิดอาเพศ เหตุบ้านดวงเมืองไม่ปกติ ร้อนถึงเหล่าโหรดังที่ต้องตรวจตราดูดวงชะตาบ้านเมืองเพื่อบอกกล่าวแจ้งเตือนให้ทุกฝ่ายก้าวเดินอย่างระมัดระวังก่อนที่จะพลาดพลั้งจนเกิดความสูญเสีย

นางฟองสนาน จามรจันทร์ หมอดูชื่อดัง
นางฟองสนาน จามรจันทร์ หมอดูชื่อดัง ได้ทำนายชะตาเมืองในปีนี้ ว่า พระเสาร์จร (7) เทพเจ้าแห่งความระทมทุกข์จะย้ายจากราศีธนูเข้าไปเดินในราศีมังกร ซึ่งเป็นภพที่สิบ กัมมะ อันเป็นขอบเขตของคณะรัฐบาล รัฐมนตรี ภาระการบริหารประเทศ การปกครองประเทศ รวมทั้งบุคคลที่ขึ้นมามีอำนาจที่ไม่ได้มาตามธรรมดาสามัญ รอบแรก (มีเดินผิดปกติ) แต่โดยภาพรวมแล้วจะอยู่ที่นี่ไปจนถึงมีนาคม 2566

ด้านการเมือง มฤตยูจร (0) เจ้าของภัยอาเพศ รวมทั้งโรคระบาด การปฏิวัติ ล้มล้างสิ่งเก่า สถาปนาสิ่งใหม่ การผลัดเปลี่ยนทันทีทันใด การเนรเทศ ประพฤติแปลกๆ ทำการโดยถูกยุยง ยังเดินอยู่ในราศีเมษทับลัคนาเมือง-พระอาทิตย์(1) ดาวการเมืองและบุคคลสำคัญในเมือง และเป็นดาวตัวแทนจิตใจคนในเมือง (ตนุเศษ) ยังอยู่ และจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนถึงกรกฎาคม 2565 ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิวัติใหญ่ในเมือง-การเมือง-บุคคลสำคัญในเมือง องคพยพทางการเมืองทั้งหลาย เช่น รัฐสภา รัฐธรรมนูญ ยังจะมีอยู่ต่อไปในแบบไม่คาดฝัน ล็อกถล่ม เกินคาดคิด

โดยอาการของมฤตยูนี้คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงก็เห็นว่าล้ำเลิศ ฝ่ายที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงจะมองว่าวิตถาร การมาทับลัคนาเมืองของมฤตยูจรรอบนี้ (มีนาคม 2559-กรกฎาคม 2565) ซึ่งเป็นรอบที่สามในยุครัตนโกสินทร์ ทำนายว่ารอบนี้จะคล้ายๆ กับสมัยปลายรัชกาลที่สาม ต่อต้นรัชกาลที่สี่ (มฤตยูจรทับลัคนาเมืองรอบแรก) จะเกิดปรากฏการณ์ตรึงกำลังสองฝ่ายในเมือง (ปรากฏการณ์พฤหัสบดีตรึงกับพระเสาร์ในดวงเมือง) ทำให้อึดอัดใจทั่วไป

นายบุศรินทร์ ปัทมาคม นักโหราศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง
ขณะที่มฤตยูจรทับลัคนาเมืองรอบนี้คือเมื่อคิดตามหลักแล้วกรุงรัตนโกสินทร์จะเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่ 13 ที่ผู้เขียนเรียกว่ายุคสี่ และยุคนี้จะกินเวลา 20 ปี อันจะเป็นยุคล้ำสมัย และจะมีอะไรดีๆ บังเกิดมากมายพรรณนาไม่หมด แต่พระพฤหัสบดีจรแตะและร่วมราศีกับพระเสาร์จรในราศีธนู อาจเกิดเหตุร้าย เพราะในอดีตที่การเคลื่อนของดาวมีลักษณะเช่นนี้ เคยเกิดขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ และเกิดความเชื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ในระดับสัมมนาส่องแสงกันในมหาวิทยาลัย ขณะที่ปัจจุบันได้เกิดขบวนการจากนักศึกษา เด็กๆ ของดวงเมือง คนที่มีความคิดล้ำเลิศ หรือวิตถารก็แล้วแต่ ต้องการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในบ้านเมืองในระดับจะให้เป็น 2475 ก็มี

ซึ่งจากการปรึกษากับโหรใหญ่เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายในเมืองที่สู้กันอยู่จะผลัดกันรุกผลัดกันไล่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อันเกิดจากพฤหัสบดีจรผลัดกันไล่ล่ากับพระเสาร์จร ไปจนถึงประมาณ 5 ธันวาคม 2563 แล้วทุกฝ่ายคงพยายามปรับตัวอยู่ให้ได้ (พระเสาร์จรร่วมราศีกับพฤหัสบดีจร) แต่ไม่ว่าจะต่อสู้กันยาวนาน รุนแรงขนาดไหน เชื่อว่าน่าจะเป็นศึก 4G-5G-เฟซบุ๊ค-ทวิตเตอร์ (เป็นหลักใหญ่) แต่หากจะมีอะไรมากกว่านี้ก็มั่นใจว่าเมืองก็อยู่รอดปลอดภัยเสมอ สถาบันหลักของชาติคงอยู่ต่อไป

ประมาณ 15 พฤษภาคม 2563 จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (อาจเกิดก่อน 7 วัน หรือหลัง 7 วัน) ปรากฏการณ์อึดอัดใจไปทั่วเมืองจะก่อตัวขึ้นอีกรอบด้วยการตรึงกำลังกันในเมืองระหว่างกลางเดือนกรกฎาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน 2563 อาจจะมีบางช่วงที่เหมือนเมืองถูกบีบหน้าหลัง รวมทั้งผู้นำคือนายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มถูกบีบจนหน้าเขียวหน้าเหลือง และหากมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในทางการเมืองตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 ถึงสิ้นปี จะเป็นเรื่องดีมากกว่าร้าย (พระราหูศรีจรทับพระอังคารดวงเดิมดวงเมือง)

นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ
ด้าน นายบุศรินทร์ ปัทมาคม นักโหราศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้ดูดวงเมืองในปีนี้ว่า หลังวันที่ 21 เม.ย.2563 ซึ่งเป็นวันเกิดดวงเมือง ดวงเมืองจะมีอายุย่างเข้า 239 ปี (กรุงรัตนโกสินทร์ก่อตั้งเมื่อ เม.ย.2325 ถึงปีปัจจุบัน 2563 กรุงรัตนโกสินทร์จึงมีอายุ 238 ปี) ทำให้จังหวะชีวีตของดวงเมืองตกในดาวพุธ(4) เป็นบริวารจร ดาวอังคารซึ่งเป็นเดชเดิม กลายเป็นกาลกิณีจร

คำทำนายเรื่องเดชเดิมเป็นกาลกิณีจร ก็คือ รัฐบาลหรือผู้นำประเทศจะมีอำนาจน้อยลง พระเดชหย่อน ไม่น่ากลัว น่าเกรงขามเหมือนแต่ก่อน จึงทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งกล้าเดินขบวนประท้วงรัฐบาล หรือชุมนุมเรียกร้องให้แก้ปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งต้องระวังเรื่องการโคจรของดาวอังคาร(3) ซึ่งเป็นกาลกิณีจร เมื่อดาวอังคาร(3) โคจรขึ้นทับลัคนา(8) ของดวงเมือง ระหว่างวันที่ 8 ส.ค.-9 ต.ค.2563 ประชาชนกลุ่มหนึ่งจะลุกขึ้นประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งน่าห่วงว่าการประท้วงต่อต้านรัฐบาลมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้นในช่วงเวลานี้ ประชาชนที่รอคอยจะเรียกร้องในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็จะหาพวกได้ง่ายขึ้น

“ดาวอังคารทับลัคช่วง 8 ส.ค.-9 ต.ค. จึงมีโอกาสจะชุมนุมเดินขบวนใหญ่ มีการต่อต้านรัฐบาลชัดเจน ประชาชนปกครองยาก บริหารจัดการยาก ไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐบาล และมีโอกาสที่จะปฏิวัติซ้อน โดยเฉพาะช่วงอังคารทับลัค ซึ่งน่าห่วงที่สุด คือช่วง 10 ส.ค.- 9 ต.ค. เพราะเดิมอังคารเป็นพระเดช แต่เมื่อตกปูมพุธเป็นบริวาร อังคารเลยกลายเป็นกาลกิณีจร จึงเกิดการสูญเสียอำนาจ อำนาจคลอนแคลน ประกอบกับตั้งแต่ 17 ก.ค.-14 พ.ย.2563 ดวงรัฐบาลจะแตกกันเป็นเสี่ยงๆ จะเกิดความขัดแย้งแตกแยกของทุกพรรคในรัฐบาล จึงต้องมีการประสานและแจกกล้วยให้ลิงมากขึ้น แต่กล้วยมีน้อย งบประมาณไม่พอจะแบ่ง” โหรบุศรินทร์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สำหรับดวงชะตาด้านเศรษฐกิจนั้น โหรบุศรินทร์ บอกว่า ปี 2563 ถือว่ายังไม่วิกฤตที่สุด แต่เศรษฐกิจจะวิกฤตไปเรื่อยๆ ตามลำดับ และจะรุนแรงยิ่งขึ้นหลังวันที่ 10 ก.ย.2563 ล่วงไปแล้ว จนถึงวันที่ 15 เม.ย.2565 รวมเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน เนื่องจากหลัง 10 ก.ย.2563 ไปแล้ว ดาวราหู(8) จร จะโคจรเข้าไปในเรือนการเงินหรือหลักทรัพย์ของดวงเมือง เรียกว่าราหูล้วงหรัพย์ จึงอ่านได้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจของดวงเมืองจะเลวร้ายหนักขึ้นหลังจากวันที่ 10 ก.ย.2563 ชาวบ้านชาวเมืองจะอดอยากลำบากเพิ่มขึ้นไปอีก สินค้าอุปโภคบริโภคบางอย่างจะขาดแคลน หรือมีราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เกิดฝนแล้ง น้ำแห้ง ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เข้าตำราข้าวยากหมากแพง

ส่วนดวงรัฐบาลดูได้จากดวงเมือง (ดวงกรุงเทพ) และดวงชะตาของผู้นำรัฐบาล คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การที่ดาวพระเคราะห์หลักโดจรถอยหลัง กลับเข้ามาในเรือนศุภะของดวงเมือง ระหว่างวันที่ 17 ก.ค. ถึง 14 พ.ย.2563 จะเกิดความแยกในทุกองค์กร โดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาล ภายในแต่ละพรรคการเมืองก็ล้วนขัดแย้งแตกแยก มีแนวโมว่ารัฐบาล หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จะบริหารงานด้วยความยากลำบาก ยากที่จะควบคุมสถานการณ์ภายในแต่ละพรรค ดาวเสาร์ (7) เป็นดาววิบากกรรมเดิมของ พล.อ.ประยุทธ์ การบริหารงานจึงเป็นไปด้วยความยุ่งยากไปจนถึง 5 ธ.ค.2563 ประกอบกับประชาชนไม่เกรงกลัวรัฐบาลจึงเหมือนมีศึกทั้งภายใน-ภายนอก

ขณะที่ นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุว่า ดวงเมืองรัตนโกสินทร์ ดวงกำเนิดขณะนี้มีดาวจรที่น่าพิจารณา คือดาวมฤตยูซึ่งกำลังโคจรตรงราศีเมษ เป็นดาวที่ให้พลังเรื่องการเปลี่ยนแปลง นำมาซึ่งภัยอาเพศ ซึ่งสิ่งที่ไม่เคยเกิดก็จะเกิด โดยดาวมฤตยูย้ายเข้าราศีเมษตั้งแต่ปี 2557 และจะอยู่ไปถึง ก.ค.2565 จึงเห็นได้ว่า ในปี 2557 มีการรัฐประหารและเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเรื่อยมา

ประกอบกับปี 256 3 ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ซึ่งป็นดาวคู่แห่งการเปลี่ยนแปลง ไล่มาทันกัน หรือเรียกว่า “กุมกัน” ครั้งใหญ่ จึงหมายถึง “การเปลี่ยนยุค” ซึ่งการเปลี่ยนยุคจะเกิดขึ้นทุก 20 ปี แล้วแต่ว่าดาวพฤหัสจะไล่มาทันดาวเสาร์ในราศีใด โดยในปี 2563 ดาวพฤหัสไล่มาทันดาวเสาร์ถึง 4 ครั้ง คือ


ครั้งที่ 1) ดาวพฤหัสไล่มาทันดาวเสาร์ ตรงราศีมังกร ที่ 2 องศา 15 ลิปดา ในวันที่ 1 เม.ย. 2563 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ดาวพฤหัสเดินหน้าไปทันดาวเสาร์ในภพที่ 10 ของดวงเมือง หมายถึงการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรี หรือผู้ปกครองบ้านเมือง จึงเป็นไปได้ว่าช่วงดังกล่าวจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ปรับ ครม. หรือแรงกว่านั้น

ครั้งที่ 2) ดาวพฤหัสและดาวเสาร์จะโคจรถอยหลังมาทันกัน ตรงราศีธนู ที่ 29 องศา 10 ลิปดา ในวันที่ 23 ก.ค.2563 ชี้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถอยหลัง ซึ่งหมายถึงการทบทวน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำมาแล้วให้ดีขึ้น โดยดาวพฤหัสเป็นดาวที่เกี่ยวกับกฎหมายและการพัฒนา ส่วนดาวเสาร์เป็นดาวของคนส่วนใหญ่ เมื่อดาวทั้งสองมาเจอกันจึงทำนายได้ว่าจะเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อคนส่วนใหญ่ ซึ่งอาจหมายถึงการแก้รัฐธรรมนูญ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเรื่องการศึกษาและศาสนาด้วย

ครั้งที่ 3) ดาวพฤหัสกับดาวเสาร์เดินหน้ามาทันกัน ตรงราศีธนู ที่ 26 องศา 31ลิปดา ในวันที่ 20 ต.ค.2563 ประกอบกับช่วงดังกล่าวดาวอังคารโคจรเดินหน้า-ถอยหลัง ตรงราศีเมษกับราศีมีน ซึ่งดาวอังคารเป็นเทพแห่งสงคราม ความขัดแย้ง ดังนั้น ช่วงดังกล่าวจึงต้องระวังเรื่องความรุนแรง ขณะเดียวกัน ก็ชี้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม

ครั้งที่ 4) ดาวพฤหัสทับซ้อนกับดาวเสาร์พอดี หรือที่เรียกว่า กุมกันสนิท ตรงราศีมังกร ที่ 6 องศา 21 ลิปดา ในวันที่ 21 ธ.ค.2563 ซึ่งชี้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

“ปีนี้ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวอังคาร เกิดโคจรวิปริตพร้อมๆ กัน นอกจากนั้น ดาวมฤตยู ดาวศุกร์ ดาวพุธ ก็โคจรวิปริตด้วย เมื่อคู่แห่งการเปลี่ยนแปลงคือดาวพฤหัสซึ่งเป็นดาวของผู้ใหญ่ ผู้ที่มีฐานะดี และดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวของมหาชน คนส่วนใหญ่ของประเทศ ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ มากุมกัน จึงแสดงถึงการเปรียบเทียบ ความเหลื่อมล้ำ ข้อเรียกร้องเรื่องความยุติธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีบางช่วงที่ดาวพฤหัสและดาวเสาร์เล็งกับราหูที่มุมฉาก ทุกฝ่ายจึงต้องระมัดระวังเรื่องความแตกแยก ความรุนแรง และการนองเลือด” โหรภิญโญ ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น