xs
xsm
sm
md
lg

มาสด้า ซีเอ็กซ์-30 นิ่งเงียบ นั่งนุ่ม คุ้มค่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



1,500 คัน คือตัวเลขยอดจองของ มาสด้า ซีเอ็กซ์-30 นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา รวมยอดถึงวันที่ 15 มีนาคม ยอดดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้แก่ทีมผู้บริหารไม่ใช่น้อย เพราะเกิดขึ้นท่ามกลางข่าวคราวของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความหวั่นวิตกไปทั่วโลกในเวลานี้... แต่หาได้ทำลายความมั่นใจของลูกค้ามาสด้าไปไม่








มาสด้า ซีเอ็กซ์-30 นับเป็นรถที่พัฒนาบนพื้นฐานเทคโนโลยีเจเนอเรชันที่ 7 ของมาสด้า โดยหยิบเอาแพลตฟอร์มใหม่ของมาสด้า 3 มาใช้งานพร้อมกับเครื่องยนต์และออปชันต่างๆ ส่วนจะมีอะไรเหมือนหรือแตกต่างไปอย่างไรบ้าง ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ไปร่วมทดลองขับมานำเสนอ











ยกชุดมาสด้า 3 ตั้งธงสู้ยุโรป


แนวคิดในการออกแบบยังคงยึด โคโดะ ดีไซน์ ที่ได้รับการปรับให้มีความสปอร์ตและดูหรูมากขึ้น แนวทางหลักของการออกแบบยึดโยงกับบรรดารถเอสยูวีระดับพรีเมียมของแบรนด์ยุโรป โดยสะท้อนออกมาเป็นเส้นสันต่างๆ รอบคัน โดยเฉพาะคิ้วด้านข้างที่เป็นสีดำเนื่องจากเพื่อให้รถดูเล็กและมีความสปอร์ต


เครื่องยนต์ หยิบยกมาจากมาสด้า 3 เหมือนกันทุกประการ โดยเป็นเครื่องยนต์สกายแอ็กทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 ส่วนโครงสร้างตัวถังหยิบมาจากมาสด้า 3 เช่นเดียวกัน แต่ความยาวฐานล้อสั้นกว่าเล็กน้อย




ขณะที่ช่วงล่าง เหมือนกันทุกอย่างทั้งด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม แต่จะมีสิ่งที่แตกต่าง คือ ความยาวของโช้กอัพที่ยาวกว่า และค่าความแข็งของสปริงที่แตกต่างกัน เนื่องจาก ซีเอ็กซ์-30 นั้นมีความสูงที่มากกว่า มาสด้า 3


การออกแบบภายในห้องโดยสารด้านหน้าหยิบมาจากมาสด้า 3 อย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะมีจุดที่แตกต่างคือตำแหน่งผู้ขับขี่ โดยเบาะจะสูงกว่าเล็กน้อย ให้ทัศนวิสัยที่ชัดเจนมากขึ้น


ส่วนออปชันต่างๆ มาครบ เช่น แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล TFT, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี, เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง













ระบบความบันเทิงใช้หน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ปรับด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อการสื่อสารผ่าน Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay

ทั้งนี้ ระบบความปลอดภัยจัดเต็มตามสไตล์มาสด้า โดยเฉพาะในรุ่นท็อป SP นั้นมาครบ 12 รายการ มากกว่าคู่แข่งในคลาสนี้เมื่อเทียบกันในรุ่นย่อยที่ราคาอยู่ในระดับเดียวกัน





สำหรับความแตกต่างในแง่ของออปชันเทียบกันระหว่างรุ่นย่อยทั้งสามรุ่น ตัวกลางรุ่น S จ่ายเพิ่ม 110,000 บาท ได้เพิ่ม 5 รายการ คือ ล้อแม็กพร้อมยางขอบ 18, ไฟ DRL แบบธรรมดา, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, ฝาท้ายไฟฟ้า และกล้องมองหลัง


ขณะเดียวกัน ในรุ่นท็อป SP นั้นจ่ายเพิ่ม (จากรุ่น S) 100,000 บาท ได้ออปชันเพิ่มอีก 19 รายการ เช่น ซันรูฟ, กล้อง 360 องศา, ไฟหน้าและท้ายแบบ LED Signature, แพดเดิลชิฟ และเครื่องเสียง BOSE เป็นต้น ซึ่งของที่ได้กับเงินที่จ่ายไปนั้น ดูแล้วรุ่นท็อปคุ้มค่าที่สุด จึงเป็นที่มาของการจองซื้อในรุ่น SP มากกว่ารุ่นย่อยอื่นในเวลานี้
























นั่งนุ่ม ขับง่าย วิ่งเงียบ




การทดลองขับในคราวนี้ทีมงานมาสด้าเลือกเส้นทางพิษณุโลก-ขอนแก่น ซึ่งมีทั้งทางแบบขึ้น-ลงภูเขา โค้งชัน โค้งแคบและโค้งแบบกลับรถ รวมถึงทางตรงยาวๆ เพื่อให้ได้ลองความเร็วสูงได้อีกด้วย เรารับกุญแจมานั่งประจำการในตำแหน่งพลขับเป็นไม้แรก ติดเครื่องยนต์ เสียงในห้องโดยสารเงียบมาก แทบจะไม่ได้ยินหรือรู้สึกถึงการสั่นของเครื่องยนต์เลย กดคันเร่งออกตัว ตอบสนองทันใจดี สมกับพละกำลังที่มี 165 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดส่งกำลังต่อเนื่องเรียบเนียน แทบไม่ต่างจากเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที ทั้งที่เป็นเกียร์แบบทอร์ค คอนเวิร์ตเทอร์













เราลองอัตราเร่งในหลายย่านความเร็วตั้งแต่ 60-140 กม./ชม. พบว่า คิกดาวน์ติดและรถพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างทันใจ มั่นใจได้ในทุกจังหวะที่เร่งแซง เรียกว่าเป็นรถขับสนุกได้ 100% แต่แน่นอนว่าเมื่อกดคันเร่งหนักๆ จะมีเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาให้ได้ยินบ้าง และมั่นใจว่าเสียงเครื่องยนต์จะดังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกันยี่ห้ออื่นๆ ตรงจุดนี้ต้องชมการออกแบบโครงสร้างตัวถังและการใช้วัสดุป้องกันเสียงรบกวนที่ทำได้ดีเยี่ยม




ระบบช่วงล่าง อย่างที่เกริ่นไว้ว่า ทุกอย่างเหมือนกับมาสด้า 3 ยกเว้นในส่วนของโช้กอัพที่มีขนาดยาวกว่า (ทำให้ตัวรถสูงกว่า) และสปริงที่มีค่าความแข็งแตกต่างกัน โดยมีการปรับเพื่อให้ผลลัพธ์ในการขับขี่ไม่แตกต่างกันกับมาสด้า 3 ซึ่งเจ้าซีเอ็กซ์-30 ทำได้อย่างประทับใจเราเกินกว่าที่คาดไว้มาก












ทรงตัวที่ความเร็วสูงระดับ 140 กม./ชม. รถนิ่งดี เกาะถนน ขับแล้วไม่รู้สึกว่าเร็ว เมื่อวิ่งด้วยความเร็วแตะที่ระดับ 160 กม./ชม. มีความต่างเพียงเสียงของลมประทะตัวรถที่ดังมากขึ้น เมื่อความเร็วแตะถึง 180 กม./ชม. รถยังนิ่ง อุ่นใจได้เช่นเดิม โดยความเร็วตั้งแต่ 120-180 กม./ชม. นั้นขึ้นค่อนข้างไวทันใจดี ส่วนความเร็วที่เกิน 180 กม./ชม. จะค่อยๆ ไต่ขึ้นแบบเรื่อยๆ ไม่พุ่ง ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 194 กม./ชม. เท่าที่ถนนจะเอื้ออำนวย


พวงมาลัยค่อนข้างมีน้ำหนัก ไม่ถึงกับเบามึอนัก แต่แม่นยำโดยเฉพาะเวลาเลี้ยวโค้ง มั่นใจว่าเอาอยู่ เช่นเดียวกับระบบเบรกที่หยุดได้แบบอุ่นใจ แต่จะต้องทำความคุ้นเคยกับระยะและน้ำหนักในการกดแป้นเบรกสักหน่อย เพราะค่อนข้างจะตื้นและใช้แรงกดหนักพอสมควร แตกต่างจากสไตล์ของรถญี่ปุ่นที่เบรกมักจะจับไวจนหัวทิ่ม แต่ซีเอ็กซ์-30 ไม่เป็นเช่นนั้น











เมื่อเป็นรถขับสนุกคันเร่งติดคิกดาวน์บ่อยย่อมนำมาซึ่งการซดน้ำมันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ซีเอ็กซ์-30 ทำให้เราประหลาดใจได้ไม่ใช่น้อยด้วยการแสดงผลบนหน้าจอที่ราว 10 กม./ลิตร จากการขับระยะทางกว่า 300 กม. ที่มีครบทุกลักษณะการใช้งานแบบทั่วไป ส่วนตัวเลขเฉลี่ยมาสด้าเคลมไว้ที่ 15.4 กม./ลิตร


การนั่งเบาะหลังในตำแหน่งผู้โดยสาร หากคุณเคยนั่งในรุ่นซีเอ็กซ์-3 หรือซีเอ็กซ์-5 มาแล้ว จงลืมความรู้สึกแบบนั้นไปเสีย เนื่องจากซีเอ็กซ์-30 ได้ถูกสร้างมาเพื่อเอาใจผู้โดยสารไม่ให้น้อยหน้าการเอาใจคนขับ นั่งนุ่ม หลับได้สบาย แรงสะเทือนน้อยกว่าทั้งสองรุ่นที่กล่าวมาอย่างชัดเจน พื้นที่ด้านหลังเหลือเฟือ และแอร์เย็นแบบไม่ต้องห่วง









ส่วนจุดที่ต้องตระหนักคือ คนที่นั่งเบาะหลังนั้นจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย มิฉะนั้นรถจะส่งเสียงเตือนตลอดเวลา ซึ่งถ้ามองแบบไทยๆ บางท่านอาจจะรำคาญไม่อยากคาด แต่ถ้ามองแง่ดี สิ่งนี้คือความปลอดภัยของตัวคุณเอง




เช่นเดียวกับระบบเตือนรถออกนอกเลน ที่จะมีการดึงพวงมาลัยเบาๆ พอให้รู้สึกได้ หากเปลี่ยนเลนโดยไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว หลายคนคุ้นเคยกับการเปลี่ยนเลนทันที แต่ถ้าใช้ซีเอ็กซ์-30 ตัว SP จะมีระบบนี้คอยเตือนทุกครั้ง สร้างความหงุดหงิดให้ได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่รถเตือนนี้คือ เรื่องดีๆ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน



เหมาะกับใคร




ครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน เน้นใช้งานในเมืองคล่องตัว และต้องใช้รถออกต่างจังหวัดหรือเดินทางไกลๆ เป็นประจำจะเหมาะมาก รวมถึงคนที่ชอบขับรถเอง อยากได้รถขับสนุก เกาะถนนใกล้เคียงรถยุโรป อรรถประโยชน์ขนของได้พอสมควร และมีงบประมาณราว 1.2 ล้านบาท ซึ่งเราขอแนะนำให้เล่นตัวท็อป SP คุ้มค่ามากที่สุด























กำลังโหลดความคิดเห็น