xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เราจะเอาตัวรอดให้ผ่านวิกฤต COVID-19 อย่างไร?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“สนธิ”ชี้จีนกำลังมีบทบาทช่วยประเทศต่างๆ ทั่วโลกหลังการระบาดของโควิด-19 แต่ไทยไม่แสดงน้ำใจต่อจีนเท่าที่ควร แนะเลิกซ้อมรบคอบร้าโกลด์ หยุดเป็นเครื่องมือสหรัฐฯ พร้อมเสนอนายกฯ ใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปลดล็อกหน้ากากอนามัย เจอ แอลกอฮอล์ ไม่เป็นสินค้าควบคุม เพื่อให้ของออกมาจากตลาดมืดซื้อหาได้ทั่วไป จัดหาอุปกรณ์และยาให้หมอพยาบาลใช้ให้เพียงพอโดยนำเข้าจากจีน ไม่ต้องผ่าน อย.พร้อมให้ค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์เต็มที่ ส่วนประชาชนก็ต้องดูแลตัวเอง งดงานสังคม อยู่บ้านสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวิธีธรรมชาติและสมุนไพร ส่วนมาตรการเยียวยา รัฐต้องช่วยเอกชนจ่ายเงินเดือนพนักงาน 70% โดยห้ามปลดคนงาน ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับเงินอุดหนุนเพื่อให้อยู่ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องผ่อนปรนเงื่อนไขหนี้เอ็นพีแอลและการตั้งสำรอง เพราะนี่เป็นวิกฤติที่สุดของประวัติศาสตร์ชาติ



วันที่ 27 มี.ค.63 เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” และช่องยูทู้บ Sondhitalk ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจัดหนักจัดเต็ม เพราะมันกระทบต่อปากท้องและการใช้ชีวิตของทุกคน มาตรการต่างๆ ที่ประกาศออกมาจะทำให้ประเทศไทย มีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงหรือไม่ แล้วประชาชนควรทำอย้างไร ในสภาวะเช่นนี้

นายสนธิ กล่าวว่าหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนถึงขณะนี้ จีนกำลังมีบทบาทในการช่วยเหลือประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้ช่วยอะไรประเทศไทยเลย และไทยก็พลาดที่ไม่แสดงน้ำใจต่อจีนเท่าที่ควร ตอนที่จีนต้องการยาต้านไวรัสเอดส์ รีโทนาเวียร์ เพื่อเอาไปเป็นส่วนผสมรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เราก็ไม่ส่งไป อ้างว่าสูตรยานี้ยังไม่ผ่านการทดสอบที่ชัดเจน เพราะเรายังอยู่ใต้อิทธิพลอเมริกามานาน อยากให้ไทยแสดงน้ำใจต่อจีนมากกว่า และเลิกซ้อมรบคอบร้าโกลด์กับสหรัฐ ซึ่งมีนัยเป็นการซ้อมไว้รบกับจีน ทั้งที่จีนไม่มีอันตรายต่อประเทศไทยแล้ว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า หลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่น จีนก็ถูกถล่มด้วยขบวนการไอโอของตะวันตก สื่อเมริกันก็ฉวยโอกาสโจมตี ว่าจีนเป็นต้นกำเนิดเชื้อไวรัสจากการที่คนจีนชอบกินของแปลกๆ เช่น ค้างคาว และตำหนิเรื่องการปิดเมืองว่าเป็นการปิดกั้นเสรีภาพ แต่ต่อมานักวิทยาศาสตร์จีนก็พิสูจน์ว่าเป็นไวรัสที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะมีส่วนผสมชของเชื้อโรคซาร์ส นอกจากนี้มีเด็กหนุ่มอเมริกันที่เมืองซีแอตเทิลไม่เคยไปไหน ไม่เคยเจอคนจีน แต่ติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯ ก็เพิ่งให้การต่อสภาคองเกรสว่า คนอเมริกันที่ตายเพราะโรคหวัด 14,000 คน เมื่อปีที่แล้ว มีจำนวนหนึ่งเสียชีวิตเพราะโควิด-19 นั่นแสดงว่าเชื้อนี้เกิดในอเมริกา ซึ่งนายเจ้าลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนก็ออกมาบอกว่า ก่อนการระบาดของเชื้อที่อู่ฮั่นนั้นมีการแข่งขันกีฬาทหาร สหรัฐฯ ก็ส่งมาร่วมแข่งด้วย และมีทหารบางคนติดเชื้อ ด้วยเหตุนี้จึงมีกระแสข่าวออกมาว่า ตอนที่อเมริการีบไปขนคนออกมานั้น ใต้สถานกงสุลสหรัฐฯ มีไหที่มีเชื้อโควิดฝังอยู่

นอกจากนี้ยังมีคำแถลงข่าวบริษัทวิจัยในสหรัฐฯ ที่คิดวันซีนไวรัสโควิด-19 ได้สำเร็จ ทั้งที่ตามปกติการคิดค้นวัคซีนต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการทดลองก่อนจึงจะประกาศผลสำเร็จ ก็มีคำถามว่าไปเอาโควิด-19 จากไหนมาทดลอง จึงฟันธงว่าไวรัสตัวนี้ไม่ได้มาจากจีน แต่มาจากอเมริกา และอเมริกากำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อหลายล้านคน ทำให้เศรษฐกิจต้องทุ่มงบ 2-3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 90 ล้านล้านบาทมาแก้ไข โดยระดมเงินและพิมพ์แบงก์ขึ้นมาเอง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินอเมริกาอ่อนแอในอนาคต

ส่วนการติดเชื้อในไทย นายสนธิกล่าวว่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อครั้งแรกวันที่ 13 มกราคม ก็มาพุ่งสูงตั้งต่วันที่ 16 มีนาคม จากที่เคยมีอยู่ 48 ราย เพิ่มขึ้นมาจนขณะนี้ถึงหลักพัน เพราะรัฐบาลไม่ได้ควบคุมการแพร่ระบาดอย่างจริง การห้ามคนมารวมตัวกันน่าจะทำตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว และการเปิดให้คนเดินทางเข้ามาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ไม่มีการกักตัว แต่ที่สำคัญคือก็มีคนไทยด้วยกันเองที่ไม่มีวินัยและชอบใช้อภิสิทธิ์ทำให้มีการแพร่ระบาดในสนามมวยลุมพินี ที่ไม่ยอมหยุดจัด พวกลูกหลานไฮโซกลับมาไม่ยอมกักตัว แต่ไปสังสรรจัดปาร์ตี้ เราจะไม่มาถึงจุดนี้ ถ้ารัฐบาลและทุกกระทรวงส่วนให้ความสำคัญ ขณะที่นายกฯ ก็ไม่กล้าตัดสินใจ จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากแพทย์ว่าถ้าไม่ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งจะเกิดความเสียหายอย่างมาก จึงตัดสินใจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


นายสนธิ กล่าวว่า ในการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินของนายกฯ นั้น ควรจะทำ 3 เรื่องหลักๆ คือ ปลดล็อกให้หน้าอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ ไม่เป็นสินค้าควบคุม เป็นให้ซื้อขายเสรี ซึ่งจะทำให้ของในตลาดมืดทะลักออกมาจำนวนมาก จนหาซื้อได้ทั่วไปและราคาถูกลงตามหลักอุปสงค์-อุปทาน นอกจากนี้ให้จัดหาอุปกรณ์การแพทย์และยาที่จำเป็นมาให้เพียงพอ รวมทั้งให้ค่าตอบแทนหมอและพยาบาลให้เต็มที่ โดยอุปกรณ์การแพทย์นั้นให้ซื้อแบบจีทูจีจากประเทศจีน และใช้อำนาจพิเศษของนายกฯ ยกเว้นให้ของที่นำเข้ามาไม่ต้องผ่าน อย. นอกจากนี้ควรให้ กทม.ที่มีงบเหลืออยู่ 4 หมื่นล้านซื้อหน้ากากอนามัยแจกทุกครอบครัว กระทรวงพลังงานก็ขอให้บริษัทใหญ่ๆ เอาแอลกอฮอล์มาขายตามปั๊มน้ำมันหรือโรงพักต่างๆ สินค้าเหล่านี้ก็จะไม่ขาดแคลนอีกต่อไป

นายสนธิ กล่าวอีกว่า อีกด้านหนึ่งประชาชนจะต้องดูแลตัวเอง เพราะจะไปพึ่งรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ โดยจะต้องงดการติดต่อพบปะผู้คนหรือไปงานสังคมต่างๆ พยายามอยู่แต่ในบ้าน ดูแลรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติและสมุนไพร เช่น การดื่มน้ำต้มขิงและมะกรูดเพื่อสร้างความร้อนในร่างกาย ให้ร่างกายผลิตความร้อนทำลายจุลชีพ สร้างภูมิต้านทาน เวลาเป็นไข้ก็ห่มผ้าสร้างความร้อนในร่างกายเพื่อสู้กับเชื้อโรค หรือหาเวลาตากแดดช่วง 10-11 โมงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ต้านทาน

นายสนธิ กล่าวถึงมาตรการเยียวยาผลกระทบที่รัฐบาลออกมาว่า ยังไม่สุดซอยเท่าที่ควร อยากฝากถึงกระทรวงการคลังว่า อยากให้รัฐบาลช่วยเจ้าของกิจการจ่ายเงินเดือนพนักงานประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน แต่มีข้อแม้ว่า ไม่ให้ไล่พนักงานออก ส่วนอุตสาหกรรมใดที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดประเทศ ที่เห็นชัดคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รถทัวร์ โรงแรม รัฐบาลจะต้องเอาเงินเข้าไปอุดหนุนชดเชยให้อยู่ต่อไปได้ การผ่อนหนี้ผ่อนสิน ทำอย่างไรที่ให้ธนาคารไม่ต้องตั้งสำรองหนี้เสีย หรือ NPL ธรรมดาแล้วถ้าเป็นหนี้ประมาณ 2-3 เดือนก็ถือว่าเป็น NPL ก็เลื่อนให้เป็น 6 เดือน โดยที่ไม่คิดเป็น NPL แล้วธนาคารก็ไม่ต้องตั้งสำรอง และที่สำคัญถ้าบริษัทหรือบุคคลสามารถผ่อนหนี้ได้ เครดิตบูโรต้องไม่ถือว่าคนพวกนี้เป็นหนี้เสีย

“นี่คือวิกฤตของชาติ ถามตัวเอง รัฐบาลถามตัวเอง รัฐมนตรีคลังถามตัวเอง ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติถามตัวเอง ทุกคนที่อยู่ในวงการราชการที่ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถามตัวเองว่าโควิด-19 นั้นเป็นวิกฤตธรรมดา หรือวิกฤตที่วิกฤตที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าท่านบอกว่าเป็นวิกฤตที่วิกฤตที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย การเยียวยาที่ออกไปครั้งแรกนั้น สำหรับผมแล้วยังไม่พอครับ”นายสนธิกล่าว



คำต่อคำ SONDHI TALK [27 มี.ค. 63] เราจะเอาตัวรอดให้ผ่านวิกฤต COVID-19 อย่างไร


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 ก็เป็นศุกร์สุดท้ายก่อนจะสิ้นเดือน อาทิตย์หน้าก็จะเริ่มเข้าเมษายนแล้ว ในช่วงขณะนี้เป็นช่วงที่ทุกคนกำลังหวาดกลัวและค่อนข้างที่จะกังวลกับชีวิตของตัวเองที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เดี๋ยวตอนท้ายรายการผมจะเสนอแนะความเห็นส่วนตัวของผมให้ท่านผู้ชมก็แล้วกัน แต่วันนี้ก็กรุณาติดตามรายการที่ผมออกเหมือนเดิมว่าให้ติดตามได้หลายช่องทาง ซึ่งผมจะพูดให้ฟังว่ามีช่องทางไหนบ้างที่จะติดตามได้


วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังว่าช่องทางการติดต่อของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK ได้ทางไหนบ้าง ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า SONDHI TALK กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"


สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ


สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ยอดผู้ติดตามรายการเราน่าจะขึ้นถึง 1 ล้านคนแล้ว ในระยะเวลาเพียง 6 เดือน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าเรามีรางวัลที่จะมอบให้กับท่านผู้ชม วิธีการต้องทำอย่างไร ท่านผู้ชมไปอ่านดูก็แล้วกันว่าทำอย่างไรถึงจะมีสิทธิ์ได้รับรางวัล ก็เป็นรางวัลที่ค่อนข้างจะพิเศษนิดหนึ่ง สำหรับท่านที่ต้องการจะร่วมเฉลิมฉลองกับการติดตาม 1 ล้านคนของเรา


ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องที่จะพูดหนักๆ เป็นเรื่องของโควิด-19 แต่จะพูดกันในหลายๆ มิติ ที่แม้กระทั่งท่านผู้ชมเองอาจจะนึกไม่ถึง เป็นมิติในประเทศ เป็นมิติต่างประเทศ เป็นมิติเรื่องราวในครอบครัว แม้กระทั่งเป็นมิติในเรื่องของบทสวดมนต์ที่คนเขาพูดกันเยอะพอสมควร






วันนี้เราเอาเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องกันสักนิดหนึ่ง ก็คือว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ประเทศจีนได้ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ชุดใหญ่ส่งมาให้ประเทศไทย ซึ่งอันนี้ต้องขอบคุณประเทศจีนอย่างมากๆ เหตุผลหนึ่งที่ประเทศจีนยังมีความรู้สึกที่ดีต่อประเทศไทยในฐานะที่เราเป็นมิตรประเทศที่ประเทศจีนซาบซึ้งมา ก็คือจากการที่ประเทศไทย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้เคยส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ติดเครื่องบินไปตอนที่เราไปรับคนไทยกลับมา ให้กับประเทศจีน ก็เลยทำให้เกิดความผูกพันตรงนี้มา แต่ว่าในขณะนี้บทบาทของประเทศจีนในเรื่องโควิด-19 นั้น ต้องยอมรับว่าประเทศจีนกลายเป็นพระเอกในโลกนี้แล้ว เพราะประเทศจีนเมื่อตัวเองสามารถที่จะลดยอดคนติดเชื้อลงได้อย่างมากมาย อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ในจำนวนคนติดเชื้อทั้งหมด 8 หมื่นกว่าคนนั้น รักษาหายไปแล้ว 7 หมื่นกว่าคน ก็เกือบๆ 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็มีไม่ติดเชื้อใหม่เลย 3 วัน หลังจากนั้นก็ติดบ้างเล็กน้อย เป็นของปกติธรรมดา และไม่เกินวันที่ 10 เมษายน ประเทศจีนก็จะเริ่มปิดกั้นมณฑลหูเป่ย และเริ่มเปิดเมืองอู่ฮั่น ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเริ่มปิดกั้นกรุงเทพมหานครและทุกๆ จังหวัด เดี๋ยวเรามาดูกันว่าของเราที่ทำมาแบบนี้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน


แต่วันนี้ผมจะพูดหลายๆ เรื่อง ระหว่างประเทศจีน กับประเทศสหรัฐอเมริกา จริงๆ แล้วนัยของไวรัสโควิด-19 นั้น มันมีนัยทางการเมืองระหว่างประเทศที่ค่อนข้างสูงมาก ค่อนข้างสูงจริงๆ คือในขณะนี้ประเทศจีน จากประสบการณ์ที่ตัวเองเจอ จากคนของตัวเองที่ติดเชื้อนี้มาประมาณ 8 หมื่นกว่าคน และตายไปหลายพันคน ประสบการณ์ในรอบเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม 3 เดือนที่เขาทุ่มทุกสรรพสิ่งทุกอย่างที่ประเทศจีนมี ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และการร่วมมือของประชาชนที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย และการที่ระดมสำนึกของคนจีน 1,400 ล้านคน ให้ลุกขึ้นมาสู้กับไวรัสตัวนี้ และที่สำคัญที่สุด ระดมความคิดของคน ให้เห็นว่าประเทศจีนนั้นโดยประเทศสหรัฐอเมริการังแกอย่างไรบ้าง ทั้งคำพูดที่ถากถางเอย ทั้งคำพูดที่เหยียดหยามเอย ทั้งคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เรียกไวรัสโควิด-19 ว่าเป็น Chinese Virus ซึ่งประเทศจีนก็โกรธแค้นมาก ก็มีการตอบโต้ ซึ่งผมจะพูดให้ฟังทีหลัง


แต่วันนี้ประเทศจีนได้แสดงบทบาทของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโรคนี้ และยาที่ประเทศจีนคิดค้นมารักษาคนที่เป็นโรคนี้ ก็เป็นยาที่ทำงานได้ผล แต่ทำไมยานี้ถึงเอามาใช้ที่เมืองไทยไม่ได้ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง


ประเทศจีนวันนี้วิ่งกลับเข้าไปช่วยมิตรประเทศหลายประเทศ ประเทศที่ประเทศจีนวิ่งเข้าไปช่วยด้วยจิตใจที่ต้องการจะช่วยจริงๆ ก็คือประเทศอิตาลี




ท่านผู้ชมคงไม่รู้ว่าอิตาลีกับจีนมีความสัมพันธ์กันมากมาย มหาศาล สมัยก่อนอิตาลีเคยมาช่วยประเทศจีนเยอะมาก ไม่ใช่เพิ่งเคยมา มาตั้งแต่สมัยที่ประเทศจีนยังไม่มีอะไร มาตั้งศูนย์การแพทย์ให้เขาที่มณฑลเสฉวน เมืองฉงชิ่ง มาช่วยประเทศจีนหลายขั้นหลายตอนหลายเวลา หลายสถานการณ์ แล้ววันหลังผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง แต่เอาเป็นว่าอิตาลีเป็นประเทศที่น่าสงสารที่สุดในยุโรป เหตุผลเพราะว่าอัตรา สัดส่วนของคนสูงอายุในอิตาลีนั้นสูงที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วคนสูงอายุในอิตาลีก็เลยกลายเป็นคนที่ต้องตายก่อนเพื่อน เพราะว่าอุปกรณ์การแพทย์ไม่มี มีไม่พอ เตียงไม่มี บางคนต้องมานอนตายริมถนน แล้วหมออิตาลีต้องกำหนดเลยว่า ใครจะอยู่ ใครจะตาย เขาก็กำหนดว่าคนที่อายุยังน้อย ให้อยู่ คนที่อายุมากแล้ว อยู่ต่อไปไม่มีประโยชน์ ก็ปล่อยให้ตายไปดีกว่า เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดใจมาก ถ้าคนที่ตายนั้นเป็นปู่ เป็นย่า เป็นตา เป็นยายของเรา เพราะฉะนั้นแล้วอิตาลีกำลังอยู่ในสภาวะที่ระทมขมขื่นและรันทดใจมาก


แต่ในที่สุดแล้ว นายหวัง อี้ ซึ่งเป็นมุขมนตรีของประเทศจีน และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีของอิตาลี นายกรัฐมนตรี บอกว่าเดี๋ยวจีนจะส่งคนไปช่วย แล้วจีนก็ส่งไปจริงๆ จีนส่งทีมงานการแพทย์ชุดใหญ่ และอุปกรณ์การแพทย์ 1 ลำเครื่องบิน เข้าใจว่าต้องมีน้ำหนักประมาณ 40-60 ตัน ไปถึงอิตาลี




เสร็จเรียบร้อยแล้ว รัสเซียก็ส่งมา ส่งคนเข้ามาช่วยอิตาลีเช่นกัน แต่ว่า อเมริกาก็ไปกลั่นแกล้ง โดยอเมริกาแจ้งประเทศเช็ก เช็กเป็นลูกไล่ของอเมริกา ไม่ให้เครื่องบินรัสเซียบินข้ามเช็ก ปฏิเสธไม่เปิดน่านฟ้าให้ เครื่องบินรัสเซียก็เลยบินอ้อมประเทศเช็กแล้วมาที่อิตาลี ปรากฏว่าคนอิตาลีทั้งประเทศก่นด่าประเทศเช็กจนเสียผู้เสียคน นี่คือการพ่ายแพ้ทางการทูตของอเมริกาอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี


จีนนั้นช่วยอิตาลีและช่วยสเปนด้วยหลักมนุษยธรรม และจีนก็เข้าไปช่วยอิหร่าน อิหร่านที่จีนเข้าไปช่วยนั้น จีนเข้าไปช่วยเพราะอิหร่านเป็นประเทศที่ร่วมอุดมการณ์กับจีน เพราะอิหร่านต่อต้านสหรัฐอเมริกา และอิหร่านเป็นกลุ่มเดียวกับทางประเทศจีน กลุ่มเดียวกับรัสเซีย ในขณะซึ่งน่าสนใจมากท่านผู้ชม อเมริกาติดต่ออิหร่านไปว่าพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ แต่ผู้นำอิหร่านพูดอย่างเฉยๆ หน้าตายว่า ไม่ต้อง เพราะไม่ไว้ใจคนอเมริกาเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะตายขอตายในเงื้อมมือพระเจ้าดีกว่า ไม่อยากให้มือที่แปดเปื้อนบาปของคนอเมริกัน หรือทหารอเมริกัน หรือความช่วยเหลือของอเมริกันเข้ามาในประเทศอิหร่าน


อิรัก ก็เข้าไปช่วย เพราะว่านี่อาจจะเป็นนโยบายทางการทูตของจีน ที่ต้องการเข้าไปมีอิทธิพลในประเทศตะวันออกกลาง




ในช่วงมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบว่าในช่วงนั้นนายกฯ ฮุน เซน ของเขมร ได้บินไปที่ปักกิ่ง และไปขอแสดงความเสียใจและให้กำลังใจกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งประเทศจีนเขาภูมิใจมาก เขาตีแผ่เรื่องนี้ออกโทรทัศน์ ซีซีทีวี ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแล้ว ประเทศของเขมรก็เลยกลายเป็นประเทศที่จีนจะต้องตอบแทนบุญคุณให้ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยนั้น มกราคม จนถึงมีนาคม ก่อนที่ประเทศจีนเขาจะประสบความสำเร็จในการต่อต้านไวรัส เราไม่เคยได้แสดงน้ำใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งคุณดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ท่านก็ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว


ท่านผู้ชมครับ เรามาย้อนหลังดูกันนิดหนึ่ง สมัยก่อนที่ผมอธิบายเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีน อเมริกา รัสเซีย มีท่านผู้ชมหลายท่านที่ท่านเป็นสาวกของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ว่าผมเป็นสาวกของประเทศจีน ผมนี่เชียร์แต่จีน ทำไมไม่ดูบ้าง จีนเป็นคนที่ไม่มีสิทธิมนุษยชน จีนปิดกั้นและจับพวกอุยกูร์มากักขัง ในขณะเดียวกันจีนก็เซ็นเซอร์ทุกอย่าง ไม่ให้สิทธิเสรีภาพประชาชน เอาล่ะ ไม่เป็นไร นั่นเป็นรายละเอียด แต่ผมจะถามท่านผู้ชมที่เป็นสาวกอเมริกานิดหนึ่งว่าในภาวะการณ์ที่ลำบากอย่างทุกวันนี้ ตอนนี้เราต้องถือว่าเราลำบาก เราลำบากมากๆ อเมริกาเคยช่วยอะไรเราบ้าง ท่านผู้ชมมมองย้อนหลังไปซิ 3 เดือนที่ผ่านมานี้ มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม ไม่เคยช่วยอะไรเราเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เคย แม้กระทั่งวันนี้ วันนี้อเมริกาก็ไม่ได้แสดงน้ำใจอะไรมาให้เรา เอาตัวรอดอย่างเดียว มีแต่ประเทศจีนเท่านั้นเองที่จู่ๆ ก็ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์มาให้ ส่งข้าวของมาให้เราในขณะซึ่งเรากำลังต้องการ แม้กระทั่งมูลนิธิของแจ๊ก หม่า หรือมูลนิธิอะลีบาบา ก็ส่งมาให้ ซึ่งเขาส่งไปให้ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และก็มีประเทศไทยด้วย อเมริกาไม่เคย มูลนิธิร็อกกี้ เฟลเลอร์ มูลนิธิฟอร์ด ซึ่งอยู่ในเมืองไทยมาตั้งนมตั้งนาน ก็ไม่เคยช่วย ไม่เคยสนใจ




เอกอัครราชทูตของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย เคยไหมที่มาคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเรา บอกว่าประเทศอเมริกาให้กำลังใจ และมีอะไรที่ประเทศอเมริกาช่วยได้ก็ยินดีจะช่วย แค่คำพูด ไม่ต้องส่งของมา ก็ถือว่าเป็นหยาดน้ำฝนที่หยดลงมาในวันที่อากาศร้อนมากๆ อเมริกาไม่เคย เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมที่เป็นสาวกอเมริกาต้องดูนิดหนึ่ง ประเทศจีนเขาถือ เขามีสุภาษิตจีนว่า เสี่ยว์จงซ่งท่าน แปลว่าอะไร แปลว่า มอบถ่านไม้ให้กลางหิมะ อุปมาอุปไมยเหมือนคนเราอยู่กลางหิมะ แล้วมันหนาวมาก เขาก่อฟืนอยู่ ฟืนเขาจะหมด มีคนส่งฟืนให้เขา ประเทศจีนเขาจะไม่ลืมเรื่องพวกนี้ ถึงแม้จีนโดยพื้นฐานแล้วจะมีข้อบกพร่อง อย่างเช่น นักท่องเที่ยวเขาจะมีพฤติกรรมอะไรที่ไม่ดี ไม่เข้าคิว ไม่ต่อแถว นักท่องเที่ยวเขาเอาแต่ใจตัวเอง ปีนป่ายโน่นนี่นั่น นักธุรกิจจีน เอกชนที่มาลงทุนในประเทศไทยก็ใช้ความเขี้ยวลากดินของเขามาจัดการกับธุรกิจหลายๆ อย่าง ผูกขาดบ้าง มาซื้อล้งสวนผลไม้ที่จันทบุรีบ้าง แต่เรื่องพวกนี้ไม่สามารถจะลบล้างการที่เขาตัดสินใจส่งอุปกรณ์การแพทย์มาให้เรา 1 ลำเครื่องบิน เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องเล็กไปเสียอีก ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยแม้แต่นิดเดียว


เพราะฉะนั้นแล้ว ในขณะซึ่งจีนกำลังเดือดร้อนในยุคนั้น ถ้าท่านผู้ชมจำได้ ตอนนั้นมีการคิดค้นใช้ยาต้านไวรัส HIV สำหรับรักษาผู้ป่วยเอดส์ ที่ชื่อยาว่า รีโทนาเวียร์ (Ritonavir) และโลพินาเวียร์ (Lopinavir) เป็นส่วนผสมรักษาผู้ป่วย



ท่านผู้ชมครับ วันนั้นไทยควรที่จะเอายาพวกนี้ ซึ่งเรามีเยอะมาก เพราะเรามียารักษาโรคเอดส์มาก ส่งกลับไปช่วยเหลือประเทศจีน ซึ่งเขากำลังต้องการยาพวกนี้ แต่ส่งไปไม่ได้ เพราะว่าเราติดอยู่ที่ อย.อ้างคำสั่งว่า ยาพวกนี้ยังไม่มีการทดสอบที่ชัดเจน ส่งออกไปไม่ได้ แต่ลึกๆ แล้ว ข้อมูลที่ผมได้มาก็คือว่า กระทรวงการต่างประเทศเป็นคนขวางการส่งออกยาพวกนี้ โดยได้รับบัญชา อิทธิพลมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะในวันนั้นอเมริกากับจีนกำลังทะเลาะเบาะแว้งกันหนัก แทบจะเป็นศัตรูกันเลย ถ้าฆ่ากันได้ก็ฆ่ากันแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ประเทศจีนเขาถึงรู้สึก เพราะว่ายาที่เขาต้องการเป็นยาที่นายแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถีได้ใช้ทดลอง สูตรยา 3 ตัว โดยใช้ 2 ตัวข้างบนที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้ คือ ยารีโทนาเวียร์ กับโลพินาเวียร์ ผสมกับยาตัวที่ 3 ชื่อว่า โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) กับผู้ป่วยชาวจีนวัย 70 กว่าปี จากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งอาการหนักมาก มีปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด เมื่อให้ยาสูตร 3 ตัวนี้เข้าไป ไม่ถึง 12 ชั่วโมง คนไข้มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา ก็หาแทบจะไม่พบ





เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะเห็นได้ชัดในขณะนั้นถ้าเรากล้าตัดสินใจพอ ถ้ารัฐบาลไทยตัดสินใจพอ แจ้ง อย.ให้ทราบว่า ไม่เป็นไร เราจะส่งยานี้ออกไปให้ประเทศจีน เพราะประเทศจีนเขาไม่สนใจว่าได้มีการทดลองตามหลักการทดลองยาที่ออกใหม่หรือไม่ เขาสนใจอย่างเดียว เขารู้ว่ายา 3 ประเภทนี้ 1..2..3.. ผสมกันแล้วจะรักษาคนของเขาได้ คุณส่งมาเถอะ ฉันกล้ารักษา แต่เราก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นแล้ว เราพลาด พลาดจริงๆ ท่านผู้ชม พลาดอย่างน่าเสียดายมาก


ท่านผู้ชมครับ ถึงเวลาแล้วหรือยัง หลังจากเหตุการณ์นี้สงบแล้ว เราควรจะมาทบทวนและปรับความสัมพันธ์กับประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาเสียใหม่ สิ่งแรกที่ผมอยากจะเสนอท่านผู้ชม และผมคิดว่ากองทัพไทยไม่เอาด้วยแน่ เพราะกองทัพไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลของกองทัพอเมริกันมานานแล้ว แต่ก่อนเป็นอย่างนี้ วันนี้ก็เป็นอย่างนี้ อนาคตก็อาจจะเป็นอย่างนี้ด้วย ผมไม่อยากให้ประเทศไทยร่วมซ้อมรบ COBRA GOLD กับอเมริกาอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องซ้อมรบ เพราะว่านัยของการซ้อมรบ COBRA GOLD ก็คือ เตรียมตัวที่จะปะทะกับจีน ในกรณีที่จีนรุกรานเข้ามา ซึ่งวันนี้จีนไม่ได้เป็นอันตรายกับเรา และจีนไม่เคยรุกรานใครเลยแม้แต่นิดเดียว




การที่เราไปร่วมซ้อม COBRA GOLD เท่ากับเราเป็นเครื่องมือของอเมริกาเพื่อแสดงออกให้จีนเห็นว่าแม้ประเทศในเอเชียแปซิฟิก อย่างเช่นประเทศไทย ก็ยังต้องมาซ้อมรบกับอเมริกา เพื่อป้องกันภัยที่จะมาจากประเทศจีน ภัยอะไรที่มาจากประเทศจีน เขาส่งยารักษาโรค อุปกรณ์การแพทย์ 1 ลำ มาให้เรา เขาเป็นภัยกับเราหรือ ส่วนคนที่มาซ้อมรบกับเรา และมาเป่าหูเรา บอกว่าประเทศจีนเป็นภัย มันเคยให้อะไรเราบ้างท่านผู้ชม เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องดูให้ดีๆ เราควรจะยกเลิกการฝึกซ้อมนี้


ท่านผู้ชมเชื่อผมครับ หลังจากวิกฤตนี้ผ่านไป โลกอาจจะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปบางประเทศ วันนี้อเมริกาก็ไม่ได้สนใจยุโรป อิตาลีจะเป็นจะตาย ขอให้อียูช่วย อังกฤษก็ไม่ช่วย เยอรมนีก็ไม่ช่วย สเปนก็ไม่ช่วย กลับกลายเป็นประเทศจีนเข้ามาช่วย อิตาลีก็เป็นหนี้บุญคุณประเทศจีน เยอรมนีก็สนิทสนมกับประเทศจีน เพราะฉะนั้นแล้ว ก็มีอิตาลีกับเยอรมนีในอียูที่ยืนข้างประเทศจีน บางประเทศอาจจะยืนข้างสหรัฐอเมริกา แต่พฤติกรรมของสหรัฐอเมริกาวันนี้ก็พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่พึ่งไม่ได้




ท่านผู้ชมครับ อีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งก่อนที่ผมจะเข้าไปในเรื่องของโควิด-19 ในบ้านเรานั้น ประเด็นหนึ่งซึ่งไม่เคยมีใครพูด มีพูดกันประปรายตลอดเวลา ท่านผู้ชมจำได้ไหม จุดแรกที่เริ่มต้น ที่บอกว่าโควิด-19 นั้นมาจากไหน มาจากเมืองอู่ฮั่น ที่ตลาดขายอาหารทะเลและขายสัตว์ป่า แล้วก็มีภาพ ทางไอโอเขาส่งออกมาทันทีเลยว่าเป็นผู้หญิงจีนนั่งกินค้างคาว มีซุปค้างคาวอยู่ ก็เลยกลายเรื่องความเชื่อมั่นว่าในที่สุดแล้ว โควิด-19 นั้นต้องมาจากประเทศจีนอย่างแน่นอน ดูสิคนจีนกินอะไรที่แปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้านเขากินกัน จังหวะนั้นประเทศจีนกำลังเจ็บหนักกับคนไข้ ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอะไร


ท่านผู้ชมครับ ทันทีที่ข่าวนี้ออกมา ประกอบกับเรื่องๆ หนึ่ง ท่านผู้ชมจำได้ไหม อเมริกาส่งเครื่องบินไปรับเจ้าหน้าที่สถานทูตของตัวเองออกจากอู่ฮั่น ตูม ทันทีเลย มันก็เลยเกิดข้อสังเกตอยู่ 2 ประการ ประการแรก คนก็ถาม ทั่วโลกเลย ประชาคมโลกเขาถามว่า เอ๊ะ อเมริการู้อะไรเกี่ยวกับไวรัสนี้ที่ผมไม่รู้หรือเปล่า ก็เกิดความกลัวกันแล้ว ข้อสังเกตข้อที่ 2 คือ ย้อนสังเกตไปข้อที่ 1 ก็เลยทำให้คนไปมุ่งมองว่าจีนคือคนที่สร้างไวรัสตัวนี้ขึ้นมา ท่านผู้ชมครับ หลังจากที่จีนเริ่มตั้งตัวได้ ยืนบนลำแข้งของตัวเองได้ สร้างระบบจัดการได้ จีนก็เลยเริ่มมาวิเคราะห์ พิจารณาเรื่องราวต่างๆ ท่านผู้ชมรู้ไหม แรกๆ จีนโดนถล่มรอบตัวเลย หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล เขียนกัดจีน ด่าจีนว่าการปิดเมืองอู่ฮั่น การปิดมณฑลหูเป่ย Human Rights Watch องค์กรสิทธิมนุษยชนของอเมริกา ซึ่ง Head Quarter อยู่ที่อเมริกา ก็ออกมาบอกว่าการปิดมณฑลหูเป่ย การปิดเมืองอู่ฮั่นนั้น เป็นการทำลายสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน โดยที่เขาไม่ได้คำนึงว่าที่จีนทำเช่นนี้เพื่อต้องการที่จะรักษาชีวิตของคนที่ป่วย


ท่านผู้ชมครับ ในที่สุดแล้ว ขบวนการไอโอทางตะวันตกก็ทำได้สำเร็จ ทำให้โลกทั้งโลกเข้าใจและเชื่อว่าโควิด-19 มาจากประเทศจีน รอก่อนท่านผู้ชม ภาพยนตร์ม้วนต่อไปเกิดขึ้นมาอีก หนังอีกเรื่องหนึ่งเริ่มสร้างแล้ว หนังเรื่องนี้สร้าง ท่านผู้ชมครับ หนังเรื่องที่แล้วไม่ใช่แค่เฉพาะหนังสือพิมพ์อย่างเดียว สถานีโทรทัศน์ออกมา พิธีกรของฟอกซ์นิวส์ ออกมาโจมตีจีน พูดยืนยันเลย ประเทศจีนเป็นผู้ที่สร้างไวรัสตัวนี้ขึ้นมา ผมยังไม่เคยเห็นประเทศจีนกล่าวคำขอโทษออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ท่านผู้ชมหลายคนคงได้ดูคลิปนี้ คนที่พูดเป็นพิธีกรของฟอกซ์นิวส์ และเป็นนักข่าวที่สนิทสนมกับนายทรัมป์ และนายทรัมป์เอง ระยะหลัง เมื่อเร็วๆ นี้ก็เรียกโควิด-19 ว่าเป็น Chinese Virus




ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา ก็เรียกว่า อู่ฮั่นไวรัส เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมจะเห็นว่าประเทศอย่างประเทศจีน กำลังเจอภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับในประเทศของเขา และถ้าเขาไม่ทำงานอย่างเด็ดขาด มันจะกระจายไปทั่วประเทศจีน ก็คือ 1,400 ล้านคน จะติดเชื้อนี้หมด เขารับไม่ได้ และนี่คือที่มาของการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง


เอาล่ะ หนังม้วนที่สองเริ่มแล้ว หนังม้วนที่สองก็ปรากฏว่า นักวิทยาศาสตร์จีนเริ่มค้นพบข้อเท็จจริงบางข้อ ซึ่งไม่เคยมีใครพูด เขาบอกว่าโควิด-19 นี้ ซึ่งเดิมทีฝรั่ง อเมริกาบอกว่าติดมาจากค้างคาว เขาบอกว่าไม่ใช่ พันธุกรรมตัวนี้เป็น man made ก็คือว่าสร้างขึ้นมาโดยคน เพราะว่าในโควิด-19 นี้ เมื่อเขาเช็กพันธุกรรมทุกอย่างแล้ว มันมีส่วนผสมของโรคซาร์สเกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้นมันจะติดมาจากสัตว์ได้อย่างไร มันเป็นพันธุกรรมที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า man made ท่านผู้ชมครับ น่าสนใจ ตามผมมา


ปรากฏว่ามีนักข่าวคนหนึ่งในนิตยสาร The Atlantic เป็นนิตยสารรายเดือน นิตยสารข่าวเจาะ เขาทำข่าวชิ้นนี้ขึ้นมาแล้วปรากฏว่าหนังสือพิมพ์พวกนิวยอร์กไทมส์ วอลล์สตรีทเจอร์นัล ไม่เคยสนใจตามข่าวนี้เลย เพราะว่ามันมีอคติ อคติอย่างมากๆ เขาทำมา บอกว่ามีเด็กหนุ่มที่เมืองซีแอตเทิลติดเชื้อโควิด-19 แล้วเขาค้นพบว่าเด็กคนนี้ไม่เคยไปไหนเลย ไม่เคยไปประเทศจีน ไม่เคยเจอคนจีน เป็นเด็กอเมริกาธรรมดา แล้วทำไมติดโควิด-19 น่าสนใจล่ะ


ต่อมาที่แสกหน้าอเมริกาคือ ในวันที่ 12 เดือนมีนาคม ที่ผ่านมานี้ สัก 2 อาทิตย์มานี้มั้ง 12 มีนาคม เวลา 10 โมงครึ่ง เวลาของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้มีนายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ คือใคร นายโรเบิร์ด เรดฟิลด์ คือผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐอเมริกา




หมอนี่ถูกคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรสเรียกตัวไปเพื่อให้การ ปรากฏว่านายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ พูดออกมาบอกว่าในการที่ประชาชนชาวอเมริกา ปีที่แล้ว ที่ตายด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 14,000 คน มีจำนวนหนึ่งตายเพราะว่าติดเชื้อโควิด-19 ปีที่แล้ว ก็แสดงว่าโควิด-19 เกิดที่อเมริกา ท่านผู้ชม ไม่ได้เกิดที่จีน ด้วยเหตุนี้นายเจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็เลยใช้ข้อมูลตรงนี้กระทืบอเมริกา บอกว่า จำได้แล้ว ก่อนที่จะมีไวรัสโควิด-19 ระบาดในอู่ฮั่น ได้มีการแข่งขันกีฬาทหารขึ้นมา และอเมริกาก็ส่งทหารของตัวเองเข้ามาแข่งขัน และในกลุ่มทหารที่เข้ามานั้น มีบางคนติดเชื้อโควิด-19 เขาพูดโดยที่เขาไม่ได้พูดถึงขั้นเรียกว่าองค์การสืบราชการลับของอเมริกานั้นเอาเชื้อมาและมาฝังเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ก็เลยมีข่าวออกมาว่าตอนที่อเมริกาขนคนของตัวเองออกจากสถานกงสุลที่เมืองอู่ฮั่นนั้น ในใต้ดินของกงสุลนั้นฝังด้วยไห 2-3 ไห ซึ่งปรากฏว่ามันคือเชื้อไวรัสโควิด-19


เอาล่ะสิ ท่านผู้ชม จะเห็นได้ว่าข้อกล่าวหาทั้งหมด โควิด-19 นั้นเกิดขึ้นมา แล้วถูกถล่มด้วยกระบวนการไอโอของสหรัฐอเมริกา ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมบางคนที่ผมรู้จัก forward คำแถลงข่าวของบริษัทที่วิจัยในเรื่องของการทำวัคซีนไวรัสที่เมืองซานดิเอโก แล้วคนๆ นั้นก็พิมพ์มาเลย เป็นข่าวดีของชาวโลกนะที่อเมริกาได้คิดค้นวัคซีนออกมาได้ ท่านผู้ชมครับ วัคซีนบ้านี่นะ วัคซีนอะไรก็ตาม มันจะต้องมี 2-3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก คือ ต้องคิดค้นมาก่อนว่าถ้าโรคนี้เกิดขึ้น โรคนี้จะใช้วัคซีนอะไร ใช้วิธีคิดค้นถึงระดับหนึ่ง พอคิดค้นเรียบร้อยแล้ว สำเร็จแล้ว ก็จะแถลงข่าวว่าโอเคแล้วนะ ผมคิดอันนี้ได้แล้ว จากวันที่แถลงข่าวต้องนับไปอีก 1 ปี เพื่อที่จะเอาไปทดลองกับคนก่อน เอาไปทดลองกับคนจำนวนน้อยก่อน 40 คน โดยฉีดเชื้อโรคเข้าไป หลังจากนั้นแล้วดูพฤติกรรม ดูอาการ หลังจากนั้นค่อยทดลองกับคนมากขึ้น แล้วทดลองกับคนเป็นพันในที่สุด เป็นประมาณอีก 12 เดือน แต่ก่อนถึงวันที่ประกาศว่าคิดค้นได้ เขาต้องทดลองมาก่อนแล้วประมาณ 1 ปี คำถาม ขอโทษนะครับ แล้วเอาโควิด-19 มาจากไหนมาทดลองล่ะ ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยัง แสดงว่าอเมริกาแอบเตรียมตัวที่จะทำวัคซีนตัวนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการระบาด เหมือนกับรู้ว่ามันจะต้องระบาดแน่


ที่สำคัญที่สุดคือว่า คุณเอาเชื้อโรคโควิด-19 จากที่ไหนมาทดลอง เห็นไหมท่านผู้ชม เพราะฉะนั้นแล้ว เพื่อนผมที่เขียนจดหมายมาให้ผม หรือส่งไลน์ forward มาให้ผม เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้ เขาปรบมือว่าเป็นความดีของอเมริกา ชาวโลกเป็นหนี้บุญคุณ ท่านผู้ชม เข้าใจที่ผมพูดหรือยัง มันประกาศเมื่อมีนาคมนี้ ว่าคิดค้นวัคซีนได้ ย้อนหลังกลับไปอย่างน้อยต้อง 1 ปี ใช้เวลาในการทดสอบ แล้วทดสอบอะไร ก็ในเมื่อประกาศว่าค้นพบวัคซีนโควิด-19 ก็แสดงว่าคุณต้องทดสอบโควิด-19 ใช่ไหม เมื่อคุณทดสอบโควิด-19 คำถามมีเยอะเลย ลื้อเอามาจากไหน โควิด-19 ก็ไหนบอกว่าประเทศจีนเป็นคนปล่อยออกมาไง แต่มันมีในอเมริกามา


ข้อที่สอง ไอ้หนุ่มที่อยู่ซีแอตเทิล อายุ 19 ปี ติดโควิด-19


ข้อที่สาม ผู้อำนวยการของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ให้การยืนยันว่าคนจำนวนหนึ่งใน 14,000 คน ที่ตายไปเพราะไข้หวัดใหญ่นั้น มีอยู่จำนวนหนึ่งที่เสียชีวิตไปเพราะโควิด-19




สามตัวนี้ผสมกันเห็นชัดเจนว่าโควิด-19 นั้น ท่านผู้ชมครับ ฟันธงลงไปได้เลยว่า ไม่ใช่มาจากประเทศจีน มาจากอเมริกา และอเมริกาจะปล่อยออกมาอย่างไร ผมไม่รู้ แต่หลักฐานองค์ประกอบต่างๆ พิสูจน์ชัดเจนว่าอเมริกานั้นคือตัวการ


แต่ท่านผู้ชมครับ นอกจากข่าวที่ใส่ร้าย ให้ร้ายประเทศจีนอย่างรุนแรงและเสกสรรค์ปั้นแต่งโดยขบวนการไอโอของประเทศทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอเมริกาแล้ว ยังมีองค์กรสิทธิมนุษยชนอีก หนังสือพิมพ์ ท่านผู้ชมครับ สมัยก่อนที่ผมเคยเรียนที่อเมริกา ผมเคยชื่นชมหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่ดีที่สุดในโลกนี้ แต่ระยะหลังๆ ตั้งแต่มีโรคไวรัสนี้ขึ้นมา ผมเห็นธาตุแท้ของนิวยอร์กไทมส์ ถึงแม้จะเป็นหนังสือพิมพ์ที่แสวงหาความจริง แต่เมื่อมาถึงเรื่องชาติบ้านเมืองของตัวเองแล้ว ตัวเองจะเข้าข้างชาติบ้านเมืองตัวเองอย่างที่ไม่ฟังเสียงใคร วันนี้ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าเวลาเกิดไวรัสขึ้นมาแล้ว ทุกคนคำนึงถึงตัวเองทั้งสิ้น ไม่สนใจหรอกจะเป็นมิตรหรือเป็นอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมต้องเข้าใจและท่านผู้ชมจะเห็นด้วยกับผมว่าภูมิรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศจีน อเมริกา รัสเซีย อิหร่าน และต่อไปในอนาคต ดุลของแต่ละประเทศที่เคยเป็นไปในอดีตที่เราเคยเชี่ยวชาญ ชำนาญ มันจะพลิกผันและมันจะเปลี่ยนไปแล้ว วันนี้อเมริกาอาจจะต้องอ่อนแอไปกว่าเก่า เพราะวันนี้คนติดเชื้อโรคในอเมริกามากมายเหลือเกิน โอกาสที่จะติดเป็นหลายล้านคน ถึงสิบกว่าล้านคน สูงมากในขณะนี้




เศรษฐกิจอเมริกาถดถอยลงอย่างมากมายมหาศาล อเมริกาต้องระดมเงิน พิมพ์แบงก์ขึ้นมาใหม่ ใช้เงินอีกประมาณ 2-3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็เป็นประมาณ 90 ล้านล้านบาท เท่ากับงบประมาณประเทศไทยกี่ปี ปีละ 3 ล้าน ก็เท่ากับ 30 ปี แล้วเงินพวกนี้ก็จะทำให้ค่าเงินอเมริกานั้นอ่อนด้อย กลายเป็นแบงก์กงเต็กไปในอนาคต


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เป็นตอนที่ผมจะต้องพูดถึงเรื่องโควิด-19 ของประเทศไทยแล้ว ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า ถ้าเรามองดูกราฟ เดี๋ยวผมจะเอาขึ้นจอให้ดู



กราฟของคนที่ติด ของเรา ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2563 เป็นจุดเริ่มต้นครั้งแรก ลักษณะกราฟจะเป็นลักษณะที่แบนติดแกน แล้วจู่ๆ ก็กระโดดขึ้นอย่างนี้เลย แล้วจุดที่มันกระโดดขึ้นคือวันที่ 16 เดือนมีนาคม 2563 เกิดอะไรขึ้นท่านผู้ชม เกิดอะไรขึ้นที่มันกระโดดแบบนี้ ที่มันกระโดดได้แบบนี้ก็เพราะว่า สมัยก่อน ก่อนที่จะถึง 16 มีนาคม ผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ 48 รายเอง หายป่วยไปแล้ว แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล 31 ราย อยู่ในระหว่างการรักษาพยาบาล 16 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการรุนแรง 1 ราย จาก 48 ราย ขึ้นมาเป็น 1,000 คน แล้วขึ้นนับตั้งแต่ 16 มีนาคม เป็นต้นไป ก้าวกระโดดเลย ปรี๊ดไปทันทีเลย ตรงนี้ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางแพทย์หลายคนยืนยันว่า ถ้าเราไม่ใช้ยาแรงรักษาความห่างทางสังคม หรือที่เรียกว่า Social Distancing หรือว่าเราจะยังให้คนมีการจัดปาร์ตี้ หรือจะให้ไปดูมวยกัน หรือจะให้ไปจัดอีเวนต์กัน หรือจะให้จัดคอนเสิร์ต หรือจะมีประชุมสัมมนา กราฟเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดเวลา แล้วคนจะติดเชื้อเป็นหลายแสนคน ท่านคณบดีคณะแพทยศาสตร์ของศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ยังชี้แจงว่า ถ้าไม่จัดการ เราจะมีคนติดเชื้อภายในไม่เกิน 15 เมษายนนี้ ถึง 3.5 แสนคน แต่ถ้าเราจัดการอย่างที่จัดการอยู่ในขณะนี้ กราฟที่ขึ้นไปมันก็จะเริ่มแบนลงมาเรื่อยๆ ก็จะเหลือคนติดเชื้ออยู่ไม่กี่หมื่นคน เอาล่ะ ไม่เป็นไร


ที่ผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังก็คือว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจ มันเกิดขึ้นด้วยสาเหตุหลายประการ ประการแรกที่สุด ประเทศไทยไม่ได้จริงจังกับมัน ในการที่จะป้องกันในเรื่องนี้ เป็นบทบาทของกระทรวงสาธารณสุขคนเดียวที่กระโดดโลดเต้นอยู่ ติดเชื้อต้องไปวัดที่สนามบิน ต้องมีการคัดกรองโน่นนี่นั่น จริงๆ แล้วการห้ามการชุมนุมกัน การห้ามร้านนอาหาร มันควรจะทำตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เราค้นพบว่าคนไทยติดเชื้อ ผมเชื่อว่าอธิบดีกรมควบคุมโรคจะต้องรู้อยู่แล้วว่า นี่คือโรคระบาด ท่านผู้ชมครับ คำพูดก็คือว่า นี่คือโรคระบาด ถ้าโรคระบาด แล้วเราไม่คุมการสัมผัส แล้วมันติดเชื้อระหว่างคนต่อคน เมื่อมันติดเชื้อระหว่างคนต่อคน การรวมตัวของคน อย่าว่าแต่การดูคอนเสิร์ตเลย เอาแค่จัดงานปาร์ตี้ เลี้ยงวันเกิด ก็ตายแล้วงานนี้ นับประสาอะไรกับการเลี้ยงรุ่น นับประสาอะไรกับการจัดอีเวนต์ นับประสาอะไรกับการดูการแข่งขันกีฬา เพราะฉะนั้นแล้ว เราพลาดตรงนั้น เราไม่คิดว่ามันจะร้ายแรง โรคระบาด มันเป็นภัยพิบัติของชาติ มันไม่ร้ายแรงไม่ได้ ท่านผู้ชม ต้องเอาใส่ใจไว้ และผมเชื่อว่ากรมควบคุมโรคเขารู้อยู่แล้ว แต่ว่าพูดไปทำไมมี วันนั้นรองนายกฯ อนุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กระโดดโลดเต้นอยู่คนเดียว จริงๆ วันนั้นต้องเป็นการบูรณาการตำรวจ บูรณาการทหาร บูรณาการฝ่ายปกครอง เราก็พลาดไป



อันที่สองก็คือว่า เรายังเปิดประเทศอยู่ ยังมีคนเดินทางเข้ามา ไม่เป็นไร ผมไม่ว่าอะไร การเดินทางเข้ามา แต่เราเคยจริงจังไหม ว่าถ้าใครเดินทางมา มีประเทศไหนจากจุดสุ่มเสี่ยง ไม่ต้องรอให้เขาประกาศว่านี่คือสุ่มเสี่ยง ถ้าเรารู้ว่ามาจากประเทศไหน อย่างเช่นอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี หรือเกาหลีใต้ หรือประเทศจีน ทุกคนที่เข้ามาต้องบอกทันทีเลยว่า กักตัว 14 วัน เด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น ถ้าเราเริ่มจากตรงนั้นในวันที่ 13 มกราคม เราก็อาจจะไม่มีวันนี้ ทำไมผมพูดว่าอาจจะ เพราะถึงแม้ว่าเราจะทำอันนั้นได้สำเร็จ แต่คนที่ทำระยำตำบอนและทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค กลับกลายเป็นคนไทยเอง ท่านผู้ชม กลับกลายเป็นคนไทยเอง เดี๋ยวท่านผู้ชมฟัง และดูตัวเลข แล้วท่านผู้ชมจะตกใจ


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้เรื่องสนามมวยลุมพินี ท่าน พล.ต.ราชิต อรุณรังษี แล้วท่านรู้หรือเปล่าว่าก่อนที่จะมีมวยที่สนามมวยลุมพินี คณะกรรมการมวยแห่งชาติได้ทำหนังสือชี้แจงไปว่า เนื่องจากว่าโรคโควิด-19 จะมีปัญหา เพราะฉะนั้นแล้วขอให้ระงับการจัดมวย ท่าน พล.ต.ราชิต ท่านก็น่ารัก ท่านคิดเผื่อหมอเลย ท่านบอกว่าจะระงับไปทำไม ก็เอาออกภาพข่าวเลย มีการเอายาไปฆ่าเชื้อ ฉีดโน่นฉีดนี่ ฉีดนั่นฉีดนี่ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็บอกว่าให้ทุกคนที่เข้าไปจะต้องใส่หน้ากาก เพราะฉะนั้นเมื่อฆ่าเชื้อในสนามมวยแล้ว คนเข้าไปป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากาก มันจะติดเชื้อได้อย่างไร



คือคิดแบบคนที่ไม่ใช่หมอ คิดแบบคนที่อยากจัดมวย คิดแบบคนที่ผลประโยชน์มีอยู่แล้ว จะยกเลิกทำไม คิดแบบคนที่ประมาท ประมาทว่าโรคนี้ไม่ใช่โรคร้ายแรง หรือว่าเป็นโรคที่ควบคุมกันได้ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อคิดแบบนั้นแล้ว สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือว่า เกิดมีเซียนมวย ตลอดจนคนที่เป็นนักมวย ที่สำคัญที่สุดตัวท่าน พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เอง ท่านกลับเป็นคนที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วท่านผู้ชมก็เห็นแล้วในภาพ เอาเข็มขัดคาดกัน ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ ถาวร เสนเนียม ก็ขึ้นไปด้วย เซียนมวยจากจังหวัดโน้นจากจังหวัดนี้ขึ้นไป รู้สึกจะเป็นมวยนัดพิเศษ ในสังคมโซเชียลมีเดีย ออนไลน์ ก็บอกว่ามีคนเข้าไปดูประมาณ 1 หมื่นคน ปรากฏว่าสนามมวยลุมพินีหงุดหงิดขึ้นมา ออกแถลงการณ์โต้ว่า แค่ 2,500 คนเท่านั้น ไม่ใช่ 1 หมื่นคน คุณกำลังทำให้ข้อมูลสับสน ทำให้คนเข้าใจผิด คนเขาไม่เข้าใจผิดหรอครับท่านโฆษกของสนามมวยลุมพินี คนเขาเข้าใจถูก จะมี 1 หมื่นคน หรือจะมี 500 คน ไม่สำคัญ สำคัญคือ คุณไม่ควรจัด คุณไม่ควรจัดตั้งแต่ต้น



ทำไมคุณถึงจัด ที่คุณจัดเพราะคุณคิดว่าคุณเป็นทหารใช่ไหม คุณถึงจัดได้ นี่เป็นความคิดที่ผิด คุณต้องรักษาวินัย ต้องรักษากติกา คุณอยู่ในสังคมเดียวกันกับผม กับพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย คุณใส่เครื่องแบบ คุณมีอำนาจในด้านเครื่องแบบที่คุณมี ผมเป็นแค่ประชาชน แต่ผมเคารพในวินัยในกติกา นั่นคือผิดพลาดข้อแรกแล้ว แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง


ข้อที่สอง พวกไฮโซ พวกลูกหลานชาวไฮโซทั้งหลายที่ชอบไปเรียนเมืองนอก ไปเรียนอังกฤษ ไปเรียนฝรั่งเศส ไปเรียนอิตาลี ไปเรียนเยอมนี พอเขาบอกปิดประเทศปั๊บ ประเทศไทยจะปิดประเทศ ก็รีบบินกลับมา บินกลับมาทันทีเลย แล้วพวกนี้ก็จะเป็นประเภท ไม่ใช่จนนะ รวยนะ ไม่รวยแล้วจะนั่งเฟิร์สตคลาส จะนั่งบิซเนสคลาสกลับมาได้อย่างไร ลูกเรือการบินไทยทุกคนก็ยืนยันได้เลยพวกลูกคนรวยทั้งนั้น เขารู้เลยเวลาเขาเสิร์ฟบนเครื่องบิน พวกนี้จะมีสไตล์ของเขา มีวิธีการพูดคุย พอกลับมา คนพวกนี้เคยชินกับอภิสิทธิ์ อภิสิทธิ์ต่างๆ นี่คือปัญหาจุดอ่อนของประเทศไทย อภิสิทธิ์อย่างไร ก็คือธรรมดาพวกนี้เวลาไปเมืองนอก คุณไม่ต้องห่วงหรอก จะมีคนเอาพาสปอร์ตไปเช็กให้ ไม่ต้องทำอะไรเลย มีคนเอากระเป๋าไปเช็กให้ เดินเข้าไปเลย ไปยืนส่ง รับพาสปอร์ตตรงหน้าประตูเครื่องบิน แล้วเวลาขากลับก็มีคนมารับ เอาพาสปอร์ตไปเช็กให้ ให้ ตม.ประทับตรา ก็เดินออกเลย มีแม้กระทั่งคนไปเก็บกระเป๋าให้จากสายพาน แล้วก็เอาบรรทุกรถตามไปทีหลังยังได้ เพราะฉะนั้นแล้วคนพวกนี้เป็นพวกลืมตัว หลงตัว อวดดี ยโสโอหัง คนพวกนี้เวลากลับมาจากอังกฤษ กลับมาจากประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ก็จะไม่ยอมให้กักตัว ไม่ยอมให้ตรวจ พ่อก็จะส่งตำรวจยศใหญ่ ส่งทหารไปรับบ้าง หรือถ้าเป็นลูกของพ่อค้ารวยๆ พวกนี้ก็จะรู้จักตำรวจใหญ่ ทหารใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ศุลกากร ก็ไปรับเอาออกมา ก็กลับบ้านเลย และนั่นคือที่มาของการแพร่เชื้อที่ทองหล่อ


ทองหล่อถึงจะแพร่จากคนฮ่องกงที่มาเที่ยว แต่ก็ร่วมกับคนไฮโซทั้งหลายที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกเหมือนกัน ท่านผู้ชมครับ ฟังแล้วเป็นอย่างไรครับ ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง นี่คือกลุ่มที่สอง


และมีอีกอันหนึ่งที่ชัดเจนเป็นตัวอย่างอันหนึ่ง ที่หัวหิน ประมาณต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา มีลูกคนรวยอยู่คนหนึ่ง บินกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง พ่อแม่ก็บอก เอาอย่างนี้ ไปกักตัวที่บ้านพักตากอากาศของพวกเราที่หัวหินก็แล้วกัน ธรรมดาแล้วที่ต่างประเทศ ที่เมืองจีน จะกักตัวเขามีที่กักตัวโดยเฉพาะ เขาไม่สนเลยว่าคุณลูกใคร เขาไม่สนเลยว่าคุณรวยแค่ไหน เขาไม่สนใจว่าพ่อของคุณเป็นนายพลหรือเปล่า เขาสนใจอย่างเดียว เมื่อคุณมาคุณต้องกักตัว คุณเข้าไปกักตัวพร้อมกัน นี่ไม่ ออกมาโดยไม่ต้องเช็ก แต่ว่าทำตามกติกา คือกักตัว แต่ไปกักตัวคือ นอนชิล ไปนอนอาบแดด ไปว่ายน้ำ ไปนู่นไปนี่ที่หัวหิน ถ้าไปเพียงแค่นี้ทำด้วยตัวเอง ไม่เป็นไร ท่านผู้ชมครับ มันทะลึ่งจัดปาร์ตี้ในห้อง จัดปาร์ตี้กูกลับมาแล้วนะ โน่นนี่นั่น เสร็จเรียบร้อย ปรากฏว่ามีคนติดเชื้อเพิ่มอีก เพราะไอ้หมอนี่มาจากประเทศที่มีเชื้ออยู่ไง






ประเทศที่มีเชื้ออย่างเช่นอิตาลี หรืออังกฤษ หรือฝรั่งเศส เนื่องจากว่ามันไม่ได้ฆ่าเชื้อกันเป็นระบบ คนเดินไป ไม่ได้รักษา คนเอามือแตะตรงนั้นเอามือแตะตรงนี้ นึกออกไหมท่านผู้ชม อย่างร้าน Hermes หรือว่าร้าน Brasserie ร้านอาหารที่ริมถนนในฝรั่งเศสซึ่งคนชอบไปกินอยู่เรื่อยๆ จะมีคนเปิดประตู มันติดเชื้อ เชื้อบ้านี่มันค้างอยู่ที่ประตูประมาณ 8-12 ชั่วโมง คนไทยไม่รู้ เดินเข้าไปก็ไปจับ ก็ติดมาแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยง อย่างไรมันก็เสี่ยง มันหนีไม่พ้น ติดง่ายกว่าง่ายที่สุด เห็นหรือยังครับท่านผู้ชม


ทั้งหมดนี้มันเกิดจากความยโสโอหัง ความไม่มีวินัย สนามมวยลุมพินี กับลูกไฮโซพวกนี้ พวกระยำตำบอน พวกเรือหาย มันคือตัวการที่ทำให้ยอดกระโดดขึ้นตูมอย่างนี้เลย


กลุ่มที่สาม คือกลุ่มที่ไปงานสัมมนามุสลิมโลกที่มาเลเซีย กลุ่มนี้ ท่านผู้ชมก็เห็นในรูปว่าคนมุสลิมเวลาสัมมนาหรือสวด ทำละหมาด จะนั่งข้างๆ กัน จะไม่สนใจ เพราะฉะนั้นก็จะมีคนติดเชื้อกลับมา ปรากฏว่าเราก็มีคนติดกลับมา จากมาเลเซียเข้ามาในประเทศไทย




ท่านผู้ชมครับ ฟังตัวเลขแล้วอย่าตกใจนะ กลุ่มแรกสนามมวย กลุ่มที่สองพวกไฮโซ กลุ่มที่สาม ศาสนา 3 กลุ่มนี้รวมกัน 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ กลุ่มแรก 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ กลุ่มที่สอง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ กลุ่มที่สาม 5 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเสร็จแล้วเกือบครึ่งหนึ่งของยอดคนป่วย ที่ทำให้ประเทศไทยวุ่นกันเลอะเทอะไปหมดนี่ พวกบ้านี่ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าความไม่มีวินัยของคนไทย ความที่จะยโสโอหัง และไม่ได้สนใจอะไรเลยว่าตัวเองถูกหรือผิด ตัวเองทำตามใจที่ตัวเองต้องการ เพราะฉะนั้นแล้วมันถึงมียอดที่เพิ่มขนาดนี้ไงท่านผู้ชม


คุณหมออัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า อัตราป่วยโควิด-19 เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยผู้ชายอยู่ที่ 62.7 เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิง 37.3 เปอร์เซ็นต์ ท่านพูดเลยนะ ผู้ป่วยกระจายทุกภาคแล้ว ซึ่งกลุ่มใหญ่ที่พบว่าสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 25 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับสนามมวยมี 24.49 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มไปเที่ยวสถานบันเทิง 10.62 เปอร์เซ็นต์ มาจากพื้นที่เสี่ยง อาชีพที่เสี่ยง 10 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ 10+20+30 บวกกับอีก 25 เป็น 55 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชม มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร




เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ความจริงแล้วเราไม่ควรจะมาถึงจุดนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าข้อที่หนึ่ง เราตั้งใจทำงานกัน สอง หน่วยงานที่สำคัญของรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับโรคนี้ ตำรวจให้ความสำคัญ ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญ รัฐมนตรีฯ สาธารณสุขให้ความสำคัญอยู่แล้ว หมอทุกคนให้ความสำคัญอยู่แล้ว แต่ส่วนอื่นกลับไม่ให้ความสำคัญ คิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย มันเป็นเรื่องสะดวกสบาย แล้วท่านนายกฯ ท่านไม่ยอมตัดสินใจเสียทีสมัยนั้น เพราะท่านเกรงโน่นกลัวนี่ ท่านเกรงใจคนโน้นคนนี้ ปรากฏว่าเมื่อท่านได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ที่เป็นคณะที่ปรึกษาของท่าน บอกว่าถ้าท่านไม่ตัดสินใจทำอย่างนี้ๆ แล้ว มันจะฉิบหายอย่างแน่นอนที่สุด มันจะต้องเป็นอย่างนี้ๆๆ ท่านก็เลยตัดสินใจที่จะออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขึ้นมา


ท่านผู้ชมครับ เพราะฉะนั้นแล้วเราจะเห็นได้ชัดว่าโควิด-19 นั้น ในขณะนี้จะกระโดดเป็น 3.5 แสนคน หรือจะลดลงเหลือสูงสุดไม่เกิน 2 หมื่นกว่าคน ซึ่งผมยังเชื่อ ซึ่งผมจะพูดในตอนท้าย เรามีวิธีแก้ไม่ให้มันขึ้น ตอนนี้คนที่ติดมีเป็นหลักพันแล้ว ทำอย่างไรเอาแค่หลักพันก็พอ เอาแค่ 2-3 พันคน 3-4 พันคนพอ แต่เราจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อไม่ให้ยอดมันขึ้นถึง


เรื่องที่สาม เป็นเรื่องของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเป็นเรื่องของอำนาจท่านนายกรัฐมนตรีที่ควรจะทำอะไรบ้าง หรือไม่ควรจะทำอะไรบ้าง ความจริงผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแนะนำท่านหรอก เพราะว่าท่านเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เอาเป็นว่าผมพูดกับท่านผู้ชมเองก็แล้วกัน พูดกับลม พูดกับไฟ พูดกับฟ้า ส่วนใครจะฟังหรือไม่ฟัง ฟังแล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็แล้วไป เอาไปปฏิบัติ ทำหรือไม่ ผมก็ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น




จริงๆ แล้วเมื่อดูเนื้อหาของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นี้เลียนแบบมาจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี 2548 ซึ่ง 2548 นั้นตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมฝูงชนไม่ให้ประท้วงกันมากมายนัก แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นี้เมื่อเลียนแบบปี 2548 ก็เท่ากับแทนที่จะควบคุมฝูงชนในการประท้วงทางการเมือง ก็กลับกลายเป็นว่าสามารถจะจัดการกับคนประเภทที่ไม่เชื่อฟัง อย่างเช่น ร้านค้าบอกว่าไม่ให้เปิด แต่ก็ยังเปิด ก็สามารถจัดการได้ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องนัก เหมือนท่านรองฯ วิษณุพูด ให้อยู่บ้าน ก็ยังออกมาลันล้ากันข้างนอก ถ้าอย่างนั้นก็เคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงเลย ไม่ให้ออกเลย นั่นคืออำนาจ จริงๆ ก็คือ เกี่ยวข้องกับการควบคุมฝูงชน เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการให้คนอยู่บ้าน หรือบริหารจัดการเพื่อไม่ให้มีการสัมผัสกันระหว่างคนกับคน หรือที่เขาเรียกว่าการรักษาระยะห่างทางสังคม ตัวนี้เป็นตัวที่รัฐบาลมุ่งเน้นตรงนี้มากๆ


แต่ขณะเดียวกัน ผู้ที่ดำเนินการ และผู้ที่บังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผมขอตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ ผมไม่แน่ใจว่ากระทรวงมหาดไทยจะมีศักยภาพมากพอและมีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากพอหรือไม่ในการที่จะให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เรากำลังพูดถึงจังหวัดทั้งจังหวัด เรากำลังพูดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เรากำลังพูดถึงนายอำเภอ เราพูดถึงปลัดอำเภอ เราพูดถึงนายก อบต. นายก อบจ. เราพูดถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการล้มเหลวของการปกครองของระบบกระทรวงมหาดไทยก็คือ จำได้ไหมท่านผู้ชม หลังจากที่เขาห้ามไม่ให้มีชุมนุมในบ้านหรือนอกบ้านแล้ว ก็ปรากฏว่ามีวัยรุ่นที่บางแสนไปจัดปาร์ตี้กันที่หาดทราย กินเหล้าเมายากัน




หรือที่ตะพานหิน ที่ จ.ภูเก็ต ก็มีคนไปบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งมีอำนาจตรงนั้น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็บอกว่าผมทำอะไรไม่ได้ เพราะตามระเบียบแล้วต้องให้ท่านผู้ว่าฯ สั่งมา เห็นไหมท่านผู้ชม เพราะฉะนั้นแล้วการระบาดโรคระบาดมันจะไม่รอท่านผู้ว่าฯ สั่งหรือไม่สั่ง มันนึกจะเกิดมันก็เกิดขึ้นทันทีเลย เพราะฉะนั้นแล้วคนที่เห็นข้อบกพร่องจะต้องแก้ไขเรื่องราวต่างๆ พวกนี้ให้ทันท่วงที หรือเผลอๆ บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นต้องรอให้ท่านผู้ว่าฯ สั่ง ต้องจัดการได้ทันทีตามนโยบายนี้ คำถามมีอยู่ว่า ถ้าคนไปทำเช่นนี้แล้ว ถ้าท่านผู้ว่าฯ อารมณ์ดีก็ดีไป ท่านอารมณ์เสีย ท่านก็บอกว่าคุณมีอำนาจอะไร ต้องผมสั่ง แล้วในการบริหารงานในช่วงวิกฤต ท่านผู้ชมเชื่อผมสิ มันจะมีความรู้สึกและการประพฤติตนของผู้ใหญ่ในลักษณะนี้อยู่มาก


อันที่สองที่ผมกำลังเป็นห่วงในขณะนี้ ผมคิดว่าคนไทยนั้น วันนี้เท่าที่ผมสังเกตดูนะ เมื่อวานซืนนี้ผมเห็นว่าที่ จ.นนทบุรี เขาไปปิดร้านอาหาร ไปจับร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งเป็นร้านขายอาหารอีสานที่เปิดให้คนเข้ามากิน เขาปรับเจ้าของร้านไป 1 แสนบาท เขาปิดร้านทันที 1 ร้านใน 1 แสนร้าน 1 ร้านใน 5 หมื่นร้าน ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว เรื่องใหญ่ที่สุด ผมกำลังพูดกับฟ้าดินนะ พูดกับลมนะ เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือว่า อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เราขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องช่วยหายใจ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ท่านทรงพระราชทานมา แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีชุดต่างๆ ยังมียูนิฟอร์ม ยังมีรองเท้าที่ต้องใส่ในการทำงาน ยังมีชุดตรวจว่าติดโรคหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ทราบ แจ๊ก หม่า มูลนิธิแจ๊ก หม่า และมูลนิธิอะลีบาบา ก็ได้บริจาคมาให้แล้ว แต่ยังไม่พอ ชุดตรวจพวกนี้ต้องกระจายไปทั่วประเทศไทย ต้องมีเป็นแสนๆ ชุด แจ๊ก หม่า รู้สึกจะให้มาประมาณ 1 แสนกว่าชุด ถ้าผมจำไม่ผิด เราจะต้องมีนะ เรามีหมู่บ้าน 7 หมื่นกว่าหมู่บ้าน อย่างน้อยที่สุดหมู่บ้านหนึ่งต้องมี 2-3 ชุด ต้องมีเกือบ 2 แสนชุด เฉพาะในกรุงเทพฯ อย่างเดียว กรุงเทพฯ อย่างเดียวต้องมี 5 หมื่นชุด ที่จะตรวจ


แต่ผมกลับมองอย่างนี้ครับท่านผู้ชม ถ้าเราจะสู้กับโควิด-19 หนึ่ง กำลังใจเราต้องพร้อม สอง อุปกรณ์หรืออาวุธเราต้องพร้อม สาม ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทั่วไปหมด ท่านผู้ชมครับ วันนี้เราจะให้ประชาชนร่วมมือกับเรา เขาก็อยากร่วมมือกับเรานะ แต่จนวันนี้เขายังหาซื้อหน้ากากไม่ได้ เขาหาซื้อเจลล้างมือไม่ได้ เขาหาซื้อแอลกอฮอล์ไม่ได้ เจลล้างมือขวดหนึ่งเคยขายกัน 30 บาท วันนี้ขาย 350 บาท หน้ากากอันหนึ่งก็บอกว่าต้นทุนไม่ถึง 1 บาท ไปซื้อต้องมี 15-20 บาท ตรงนี้ต่างหากครับท่านผู้ชม ที่ผมอยากเห็นอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอามาใช้ให้ถูกต้อง เอามาใช้ให้ถูกหลัก ผมคิดว่าในเมื่อท่านนายกฯ ท่านมีอำนาจของรัฐมนตรีทุกกระทรวงแล้ว วันนี้ท่านยึดหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาสู่คณะกรรมการแล้ว วันนี้คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่มีหน้าที่ทำอะไรแล้ว นอกจากเดินไปเดินมา คุยกับคนโน้นคนนี้ มีแต่ตำแหน่งเหลือ เพราะว่าอำนาจหน้าที่ ท่านยึดมาแล้ว และวันนี้ผมก็ยังทราบว่าท่านก็ยังยึดอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ มา เพราะในการประชุมหลายๆ ครั้งช่วงหลังคุณจุรินทร์ไม่ได้เข้าเลย


ท่านครับ ท่านผู้ชมครับ อย่ายึดแค่อำนาจมา ต้องทำด้วย สิ่งแรกที่ท่านต้องทำ ท่านต้องทำให้หน้ากากมีใช้กันถ้วนหน้า แอลกอฮอล์มีใช้กันถ้วนหน้า เจลมีใช้กันถ้วนหน้า ผมไม่อยากให้ไปฟังคำชี้แจงของข้าราชการ ไม่มีประโยชน์ วิธีเดียวที่จะทำให้ของมีครบ และไม่ขาด คือการปลดล็อก การใช้หลักอุปทาน อุปสงค์ หรือที่เขาเรียกว่า supply-demand ท่านผู้ชมครับ ของมีมาก ความต้องการมีน้อย ราคามันจะลง ความต้องการมีมาก ของกั๊กไว้มีน้อย ราคาก็ขึ้น ก็ต้องไปหาในตลาดมืด หรือไปหาในออนไลน์ ท่านผู้ชมจับผู้ขายสินค้าออนไลน์ หน้ากากอนามัย ตั้งกี่รายแล้ว แล้วทำไมยังมีขายกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะว่าราคามันชักชวนให้ขายได้ กำไร จากวันที่หน้ากากหาย 199.5 ล้านชิ้น มาจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครให้คำตอบได้เลยว่ามันหายไปไหน ผมรู้ว่ารัฐบาลกำลังสอบเรื่องนี้อยู่ ท่านรีบประกาศ อย่างน้อยที่สุดประชาชนเขาเจ็บช้ำน้ำใจกับโรคภัยไข้เจ็บ อย่าให้เขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจว่าแม้กระทั่งหน้ากากยังหาซื้อไม่ได้ ฉีกหน้ากากออกมา และคำถามคือ ท่านนายกฯ ท่านกล้าพอไหม ถ้าฉีกกากหน้ากากแล้วไปกระทบกระทั่งกับพรรคร่วมรัฐบาล ท่านกล้าที่จะจัดการอย่างเด็ดขาดได้ไหม นี่คือคำถามที่ผมถาม หรือท่านจะอมเลือดอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ


ถ้าวันนี้่ท่านประกาศออกไปเลย ในเมื่อท่านมีอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้ว ท่านบอกกรมการค้าภายในไปเลยว่า สิ่งดังต่อไปนี้ไม่ได้อยู่ในหัวข้อสินค้าควบคุม หนึ่ง หน้ากาก สอง เจลล้างมือ สาม แอลกอฮอล์ ให้ค้าเสรี เปิดเสรี ท่านผู้ชมครับ คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง และเหล้า ตระกูลภิรมย์ภักดี เจ้าของเบียร์สิงห์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรมสรรพสามิต ให้กรมสรรพสามิตปลดล็อกเรื่องแอลกอฮอล์ แล้วแจ้งไปทางคุณเจริญ และคุณสันติ ภิรมย์ภักดี ว่า ช่วยเอาแอลกอฮอล์ที่คุณมีเหลืออยู่ออกไปสู่ตลาดได้ไหม คุณสนธิรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ท่านคุมน้ำมันหมดเลย แอลกอฮอล์สามารถจะผลิตออกมาได้ ท่านบอก ปตท.ได้ไหมว่า ให้ปั๊ม ปตท.ทุกปั๊มมีแอลกอฮอล์ขายหมด เพราะทุกวันนี้แอลกอฮอล์เป็นที่มีความจำเป็นที่จะฆ่าเชื้อ ฉีดฆ่าเชื้อ ฉีดบนโต๊ะ เช็ดโต๊ะ ฉีดมือก็ได้ ประชาชนต้องการตรงนี้ มันไม่ยากอะไรเลย เมื่อเราปลดล็อกหน้ากากอนามัยปั๊บ ใครอยากสั่งหน้ากากอนามัยจากประเทศไหนมา ใครอยากสั่งหน้ากากอนามัยราคาแพง ใครอยากสั่งหน้ากากอนามัยราคาปานกลาง สั่งเข้ามา หรือเผลอๆ ใครจะสามารถสั่งหน้ากากอนามัยจากประเทศที่ผลิตเยอะ เพราะเห็นว่าในประเทศไทยขาดตลาด ซึ่งมันไม่ได้ขาดตลาด มันกั๊กเอาไว้ ซ่อนเอาไว้ ก็สามารถให้องค์การเภสัชกรรมสั่งหน้ากากอนามัยจากเมืองนอกเลย ไม่ต้องรับจากภายในประเทศ สั่งมาเลย ท่านต้องการ 20 ล้านชิ้น สั่งมา 20 ล้านชิ้น แค่ออร์เดอร์มาแค่นี้ ของที่อยู่ในตลาดมืดมันจะเริ่มทะลักเข้ามาแล้ว เราจะไม่มีของขาด และเราจะได้หน้ากากอนามัยที่ราคาถูก


ส่วนใครมีเงินมีทองอยากจะซื้อหน้ากากอนามัยที่ดีขึ้น เหมือนอย่างอันนี้ มีที่หายใจตรงนี้ เขายินดีที่จะจ่ายชิ้นละ 100 บาท ชิ้นละ 80 บาท ชิ้นละ 120 บาท ปล่อยให้เขาจ่ายไป ไม่เสียหายอะไร เพราะต้นทุนหน้ากากอนามัยชิ้นละไม่ถึง 1 บาท 50-60 สตางค์ ก็ปล่อยเขาจ่ายไป


ผมคิดว่าด้วยวิธีนี้ อุปสงค์ (Demand) อุปทาน (Supply) พออุปทานมันเยอะเหลือเกิน อุปสงค์จะเริ่มน้อยลงแล้ว ไปที่มุมไหนก็ซื้อได้ ไปตรงนั้นก็ซื้อได้ ไปตรงนี้ก็ซื้อได้ โรงพักทุกโรงพักทั่วประเทศไทย ส่งหน้ากากอนามัยไป ให้ประชาชนไปซื้อที่นั่น หรือท่านไม่พอใจ ท่านก็ฟรีก็ได้ ยกให้เขาฟรีก็ได้ ไม่เสียหายอะไรนี่ ตรงนี้จะทำให้ของไม่ขาด ส่วนเรื่องที่ท่านจะฉีกหน้ากากใครที่มันทำมาหากินบนความเป็นความตายของประชาชนด้วยหน้ากากอนามัย ท่านทำไป และรีบประกาศออกมาเร็วๆ เพราะว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันที่จะสูญหายไปจากสังคมไทย ถึงแม้ว่าโควิด-19 จะหมดไปแล้ว คนก็จะถามว่า แล้ว 199.5 ล้านชิ้น ที่หายไป หายไปอยู่ในมือของใครครับ ไม่มี แล้วเขาก็จะไม่ลืมว่ามันหายไปยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ยืนยันความโปร่งใสในการทำงานว่าจะต้องไม่มีการคอร์รัปชัน แต่เรื่องนี้ท่านก็ยังไม่ตอบเสียที แล้วไปปล่อยให้คนอย่างคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปเที่ยวไล่ยื่นเรื่องให้กับรองอธิบดีฯ รองสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปเที่ยวไลฟ์สดในยูทูป ไปเที่ยวบอกว่าหน้ากากอนามัยอยู่โน่นอยู่นี่ ทำไมให้คุณอัจฉริยะทำล่ะ ทำไมไม่ให้ตำรวจทำล่ะ ทำไมไม่ให้ดีเอสไอทำ ทำไมไม่ให้ทุกคนทำ แค่นี้ยังไม่สามารถที่จะหาได้ว่ามันหายไปไหน ผมคิดว่าประเทศนี้มีปัญหาครับ นั่นข้อแรก


ข้อที่สอง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่พูดถึงท่านดีกว่า ผมพูดกับฟ้าดิน ผมพูดกับลม ผมพูดกับแสงแดด งบกลางมันมีอยู่ 570,000 ล้านบาท ล่าสุดได้มีการจัดสรรงบกลางมา 17,000 ล้านบาท จากงบกลาง งบกลางมีนัยเป็นงบที่เอามาใช้ฉุกเฉิน สามารถเอามาใช้ฉุกเฉินและมีวิกฤต ข้อแรก เรายอมรับกันไหมว่าโควิด-19 คือวิกฤต คือภัยพิบัติของประเทศชาติ วิกฤตยิ่งกว่าภัยพิบัติ วิกฤตยิ่งกว่าน้ำท่วมอุบลราชธานี วิกฤตยิ่งกว่าน้ำท่วมกรุงเทพฯ เพราะมันเป็นวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ที่ผมติดใจก็คือว่า วันนี้โรงพยาบาล หมอทั้งหลาย ผมสงสารหมอ เขามีกรุ๊ปไลน์ของเขาเลย เขาบอกว่าช่วยหน่อยได้ไหม ระดมเงินทุนมาช่วย ตอนนี้โรงพยาบาลขาดอุปกรณ์ เครื่องช่วยหายใจ ชุดโน่นชุดนี่ ตรงนี้ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องทำทันที ให้กระทรวงสาธารณสุขถามทุกโรงพยาบาล เด็ดขาดเลย ในการสู้โควิดนั้น อุปกรณ์อะไรบ้างที่ต้องการและขาด และขาดเยอะไหม ให้ลิสต์มาให้หมดเลย ชุดต่างๆ ที่นายแพทย์ใช้ หน้ากากพิเศษที่นายแพทย์ใช้ อุปกรณ์โน่นอุปกรณ์นี่ในการรักษาโควิด-19 ไม่ใช่อุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วในการรักษาพยาบาลอื่นๆ แล้วจะมาเสริม ไม่ใช่ เราไม่เอา เราเอาเฉพาะมาแก้ไขปัญหาโควิด-19 ลิสต์มาหมดเลยทุกอย่าง รวมเบ็ดเสร็จไปถึงค่าตอบแทนพิเศษให้กับแพทย์และพยาบาล ต้องให้กันอย่างเต็มที่เลย เพราะแพทย์ก็เริ่มติดแล้วหลายคน สมมุติว่าเขาเคยได้เงินเดือนเท่านี้ เบิ้ลเลยให้เขาไปอีก 3 เท่า สมมุติพยาบาลได้เงินเดือน 22,000 ให้ไปเลย 66,000 เพราะเขาต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำงานไม่มีวันหยุด เมื่อได้ตัวเลขนี้มาแล้ว นั่นคือเงิน นอกจากนั้นแล้วยังต้องมีเงินเพิ่มเติมอีกในเรื่องของการเผื่อของเอาไว้ เผื่อขาด


แล้วไหนๆ จะดึงงบกลางมาแล้ว ก็เพิ่มงบอีกก้อนหนึ่ง นอกจากอุปกรณ์การแพทย์และพยาบาลแล้ว เพิ่มงบประมาณอีกก้อนหนึ่งเพื่อซื้อหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศ ซื้อจากเมืองนอกเลย ให้ 3M มา คุณทำหน้ากากพิเศษ เอามาเยอะๆ เลย เอามาแจก เมื่อท่านรู้ตัวเลขแล้ว นั่นล่ะคือตัวเลขที่แท้จริง อย่าลืมนะ ท่านคณบดีคณะแพทยศาสตร์ของโรงพยาบาลศิริราช ท่านพูดชัดเจนแล้วว่า มีโอกาส ถ้าเราเอามันไม่อยู่ คนจะติดเชื้อ 350,000 คน แล้วโรงพยาบาลสนาม ไม่ว่าจะธรรมศาสตร์ตั้ง ที่โน่นที่นี่ตั้ง เราไม่คิดจะทำโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาอีกหรือ กันเอาไว้




อย่าว่าแต่ที่ธรรมศาสตร์เลย ที่กรุงเทพมหานคร ศูนย์กีฬาดินแดง ควรจะทำไหม ที่ตรง จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น จ.แพร่ ศาลากลางจังหวัด มีโรงอะไร ห้องอะไร ควรจะทำไหม พวกนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้น และต้องทำไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่พอเกิดเหตุแล้วค่อยทำ เพราะเราไม่มีปัญญาและไม่มีเงินเหมือนจีน ที่เขาสร้างโรงพยาบาลได้เสร็จภายใน 10 วัน เราทำไม่ได้หรอกครับ เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้ที่ผมอยากให้ทบทวน นอกเหนือจากการปลดล็อกหน้ากากอนามัย


ท่านผู้ชมครับ เชื่อผมสิ อะไรก็ตามที่กลายเป็นสินค้าควบคุม หนึ่ง ของจะหายไปจากตลาดเลย ไปอยู่ตลาดมืด สอง เป็นช่องทางทำมาหากินของเจ้าหน้าที่ในกรมการค้าภายใน กับพ่อค้าซึ่งฉลาด ฮั้วกัน แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋า ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าหลักการอุปสงค์-อุปทาน (Demand-Supply) ถ้าของคนมีความต้องการมาก อุปสงค์มาก ก็เอาอุปทานเข้าไปเยอะๆ ทุ่มมันไปเลย ราคาก็จะตกโดยปริยาย แต่อย่าไปบอกว่าห้ามขายเกินเท่านี้ๆ ท่านผู้ชมครับ ผมนี่ขี้เกียจพูด โรงงานทำหน้ากากอนามัยมันไม่ได้มีแค่ 11 โรง ถ้ารวมโรงเล็กโรงน้อยโรงย่อยแล้ว มันมีเป็นพันโรง เป็นพันโรง ท่านผู้ชม และอย่างที่ผมพูดตั้งแต่ต้นแล้ว ชัดเจน มันก็ยังเป็นความจริงอยู่ บางโรงมันผลิตได้ 5 แสนชิ้น แล้วมันบอกเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน จะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่มันบอกผลิตได้แค่ 2 แสนชิ้น แล้วอีก 3 แสนชิ้นมันแอบผลิตแล้วออกสู่ตลาดมืด ท่านผู้ชม แค่นี้เราแก้ปัญหาไม่ได้หรืออย่างไร


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำไมถึงทำงานช้าอย่างนี้ เขาบ่น เขาออกมาบอกว่าเขายื่นคำร้องเพื่อขอให้กรมการค้าภายในแจ้งข้อมูลมา กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปฏิเสธไม่ยอมให้ข้อมูลเขา ขอไป 2 ครั้ง ท่านนายกฯ ครับ รองอธิบดีทั้งหมด เอามันเข้าสำนักนายกฯ ให้หมดเลย ส่งคนที่เก่ง หรือส่งอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปนั่งเป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน ก็ยังจะดีเสียกว่า


ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง แล้วเรื่องที่เราจำเป็นจะต้องสั่งของอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่มีประเทศไหนที่พร้อมมากกว่าประเทศจีน เพราะเขาผ่านเรื่องนี้มา โรงงานเขาเริ่มทำ
งานแล้ว ที่สำคัญที่สุด เราต้องส่งผู้ใหญ่ไปสักคนหนึ่ง ผมเสนอให้ส่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นี่เรื่องจริง ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านเป็นอดีตรัฐมนตรีฯ กลาโหม ท่านรู้จักกับทหาร กองทัพประชาชนอยู่ที่ประเทศจีน ท่านมี connection ท่านมีสายสัมพันธ์ ท่านสามารถจะให้เสนาธิการทหารสูงสุดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แล้วก็สั่งซื้อจีทูจีเลย บอกไป ประเทศไทยขาด 1 ขาด 2 ขาด 3 ขาด 4 ขาด 5 ทุกอย่างที่เราขาด ประเทศจีนมีหมด และเราอย่า ไม่ต้องไปเอาพ่อค้ามาสั่งเข้า ไม่เลย ไปเจอกันแล้วสั่งจีทูจี ขอความเร่งด่วน เขาจะจัดเครื่องบินส่งมาให้เราทันที ต้องทำให้ได้ อย่าช้า หมอทุกวันนี้ทำงาน ติดเชื้อด้วย เหนื่อยสายตัวแทบจะขาด ข้าวของก็ไม่มีให้ใช้


อีกเรื่องหนึ่ง ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ท่านเอง การคลัง กทม.มีเงินสะสมจากงบประมาณเหลืออยู่ประมาณ 4 หมื่นล้าน ทำไมท่านไม่ไปขออนุญาตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผมเชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ ท่านคงให้ ท่านเจรจาขอเลย ขอซื้อหน้ากากอนามัย จะซื้อจากโรงงานต่างๆ โดยตรง หรือจะสั่งจากเมืองนอกเข้ามา ท่านผู้ว่าฯ ครับ เขตทุกเขตในกรุงเทพมหานครมีทะเบียนบ้านคนอยู่แล้ว ท่านส่งไปบ้านละ 1 กล่องสิครับ กล่องละ 50 ชิ้น ให้ไปรษณีย์ส่ง เพราะฉะนั้นแล้ว ประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ตีซะว่ามีอยู่ประมาณ 12 ล้านคน 12 ล้านคนนี้ผมคิดว่าครอบครัวหนึ่งประมาณสัก 3 คน 4 ล้านครอบครัว เท่ากับ 4 ล้านกล่อง เมื่อทุกคนได้ไปแล้วคนละกล่องๆ ลักษณะการขาดแคลนมันจะหมดไป ท่านผู้ว่าฯ อัศวิน ทำสิครับ ท่านรัฐมนตรีสนธิรัตน์ ท่านทำสิครับ ท่านบอก ปตท. ท่านบอกบริษัทน้ำมันทั้งหลาย เชลล์ เอสโซ่ ท่านบอกขอแอลกอฮอล์ออกมาหน่อย แล้ววางขายทุกปั๊ม ปั๊มเอสโซ่ทุกปั๊ม ปั๊มเชลล์ทุกปั๊ม ปั๊ม ปตท.ทุกปั๊ม ประชาชนต้องการแอลกอฮอล์เอามาทำความสะอาด เอามาฆ่าเชื้อ ก็สามารถจะไปแวะที่ปั๊มแล้วซื้อได้ในราคาที่มีเหตุมีผล และราคาถูก ตลาดแอลกอฮอล์ที่ขายกันแพงๆ ก็จะหายไป กรมสรรพสามิต




วันนี้คุณเจริญ มีหน้าที่ส่งแอลกอฮอล์ให้โรงพยาบาลเต็มที่อยู่แล้ว ไม่เป็นไร กรมสรรพสามิตบอก ถ้ามีเหลือให้จัดออกมาได้ไหม กรมสรรพสามิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผมมีแอลกอฮอล์จากกรมสรรพสามิต คุณเอาไปวางขายที่โรงพักทุกโรงพักทั่วประเทศไทย แก้ปัญหาไหม แก้ได้ทันที คนกักตุนของก็อ้วกสิ มันก็ต้องรีบปล่อยของออก เจลก็เช่นกัน มันต้องรีบปล่อยของออก ส่วนจะไปฉีกหน้ากาก จะไปกระทืบพวกที่โกงชาติโกงบ้านโกงเมืองบนความพินาศฉิบหายของประชาชน ทำไป แล้วรีบประกาศออกมา นั่นคือสิ่งที่ผมอยากเห็น


อันที่สอง ผมอยากให้มีการบอก อย.ตรงๆ ว่าอุปกรณ์การแพทย์อะไรที่จำเป็นต้องมาใช้กับโควิด ให้คุณหยุดใช้ระเบียบของ อย. ใช้กติกา อย. และใช้ความงี่เง่าของ อย.ที่จะมาบอกว่าของแบบนี้ยังสั่งเข้าไม่ได้ ยังขายไม่ได้ จะต้องทดสอบก่อน 6 เดือน 6 เดือนนี่คนไทยตายไปกี่คนแล้ว คุณก็ต้องบอกว่านี่เป็นกรณีพิเศษ ใช้อำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งท่านนายกฯ รับโอนอำนาจมาแล้ว บอกเลยว่ากรณีเป็นเครื่องมือแพทย์ 1..2..3..4..5..6..7..8.. ให้ยกเว้น ไม่ต้องผ่าน อย. เข้ามาเลย รวมทั้งยาด้วย ก็ถ้ายาใดประเทศจีนเขาใช้แล้วเขารักษาคนของเขาได้ แต่ยังไม่ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิก แต่เขาใช้ของเขามาแล้ว ก็บอก อย.ว่า ยาประเภทนี้ ยา 3 แบบที่ผมเล่าให้ฟัง ให้เข้ามาได้เลย เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ใช้รักษาคนไทยเลย นี่ต่างหากที่ผมอยากเห็นการใช้อำนาจใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินผมอยากเห็นตรงนี้มากๆ และเป็นรูปธรรม


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้จะเป็นอาทิตย์พิเศษ เพราะนี่ผมพูดมาก็ร่วมชั่วโมงกว่าแล้ว ยังเพิ่งได้ครึ่งเรื่องกว่าๆ เท่านั้นเอง วันนี้น่าจะสะใจท่านผู้ชมที่อยากจะฟังเต็มที่ ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง แต่ท่านผู้ชมครับ ขอบอกให้รู้ก่อนนะครับ อาทิตย์นี้เป็นข้อยกเว้นนะครับ ไม่ใช่ว่าทุกอาทิตย์ผมจะพูดยาวขนาดนี้นะ ผมจะเป็นลมอยู่แล้วนะครับ เหนื่อยก็เหนื่อย


เอาล่ะ ก่อนที่ผมจะเข้าเรื่องการรักษาด้วยภูมิปัญญาของคนไทย ผมจะพูดเรื่องที่มาของบทสวดรัตนสูตร พระปริตร คงทราบกันดีอยู่แล้วเมื่อต้นอาทิตย์นี้ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ท่านทรงเป็นผู้นำสวดบทสวดรัตนสูตร หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมเอาบทสวดมนต์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการรักษาโควิด-19 ไม่เห็นมีอะไรเลย มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน ท่านผู้ชมครับ ไวรัสโควิด-19 ท่านผู้ชมเห็นตัวตนไหม ก็ไม่เห็นใช่ไหม เราก็เอาบทสวดจากพระไตรปิฎกที่ไม่เห็นตัวตนมาเจอศัตรูที่ไม่มีตัวตน ไม่ดีกว่าหรือครับ มันจะได้เจ๊ากันไป แต่มนุษย์เรามันต้องมีความหวังไม่ใช่หรือ ศรัทธาก็ต้องมี ไม่ใช่เหรอ เราเป็นพุทธศาสนิกชน ถึงแม้หลายๆ คนในประเทศไทยนับถือพุทธตามสำมะโนครัว แต่ไม่ได้นับถือพุทธด้วยใจ แต่ไม่เป็นไร เวลาเรามีทุกข์ เราก็เข้าวัด หลวงพ่อท่านจะบอกเลย พวกโยมนี่ถ้าไม่มีทุกข์ ไม่มีหาอาตมาหรอก ไม่มาหาหลวงพ่อหรอก แต่พอมีทุกข์แล้ว มาหาหลวงพ่อทุกที




บทรัตนสูตร จริงๆ แล้วผมก็สวดอยู่ทุกวัน ตอนเช้าผมเข้ามาที่ทำงาน ผมจะมีชุดสวดมนต์ที่ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมฟังแล้ว และผมจะสวดอัญเชิญพระพุทธเจ้าก่อน คือสัมพุทเธ หลังจากนั้นก็บูชาพระรัตนตรัย พอบทแรกที่ผมขึ้น คือบทรัตนสูตร ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข บทนี้เป็นบทที่พระพุทธเจ้าท่านได้รับคำขอร้องจากเจ้าเมืองเวสาลี ให้มาช่วยหน่อย เพราะว่าเมืองเวสาลีในอดีตกาลนั้นมีภูตผีร้าย ปีศาจ มีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามา ท่านก็เลยไปเยือนที่เวสาลี แล้วด้วยบุญบารมีของพระองค์ท่าน ก็เลยทำให้พวกภูตผีร้ายต่างๆ พวกนี้มันเริ่มหายไป และสิ่งที่เป็นอัปมงคล โรคภัยไข้เจ็บ เริ่มหายไป พระพุทธเจ้าพระองค์ท่านก็เลยตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ท่านจงเอาบทสวดรัตนสูตรนี้ท่องให้จำ แล้วก็เอามาให้ชาวบ้าน ประชาชน ได้สวดรัตนสูตร เพราะบทสวดรัตนสูตรก็คือบทสรรเสริญพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์


พระรัตนตรัยนั้นมองไม่เห็นหรอก ฉันใด โควิด-19 ก็มองไม่เห็น ฉันนั้น ใครจะไปรู้ รัตนสูตรสวดแล้วเราอาจจะมีกำลังใจ ท่านผู้ชมวันนี้พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการกำลังใจกันทั้งสิ้นมิใช่หรือ ถ้าท่านผู้ชมเชื่อหมอดูได้ ทำไมท่านผู้ชมไม่เชื่อพระพุทธเจ้าเสียหน่อยล่ะ ผมคิดว่าจริงๆ แล้วถ้าท่านผู้ชมหรือพวกเราถือศีล 5 กันประจำ แล้วก็เน้นในเรื่องศีล 5 ผมเชื่อว่าโควิด-19 ก็ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะคนที่ถือศีล 5 ประจำจะมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแล้วผมก็เลยอยากให้ท่านผู้ชมอย่าไปหัวเราะเยาะบทสวดมนต์รัตนสูตร หลายคนบอกว่าสวดรัตนสูตรแล้วจะทำให้เงินเดือนออกตรงเวลาไหม สวดบทรัตนสูตรแล้วจะทำให้เขาไม่เลิกจ้างผมหรือเปล่า คนละประเด็นครับท่านผู้ชม นั่นคือทุกข์ ทุกข์ที่ท่านมีจากภัยพิบัติที่ท่านมองไม่เห็นและท่านกังวลใจ มันเป็นอะไรบางอย่างที่เราอธิบายไม่ได้ เมื่อเราเจอโควิด-19 มันเหมือนวิญญาณร้ายวิญญาณหนึ่งที่มารังควานเรา และเราไม่รู้จะแก้อย่างไร เผอิญถ้าท่านผู้ชมเชื่อว่าโลกนี้มีพระพุทธเจ้าจริง ซึ่งผมคิดว่าท่านคงเชื่อเหมือนผมนะ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นสัพพัญญู ท่านรู้หมด รู้แจ้งหมดทุกอย่างในโลกนี้ ในจักรวาลนี้ พระพุทธเจ้าท่านทรงมาโปรดสัตว์ เพราะฉะนั้นแล้ว บทสวดรัตนสูตรสมัยโบราณที่เกิดขึ้น ที่บันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก บทสวดเพื่อขับไล่ภูตผีปิศาจ ขับไล่ภูตร้าย ขับไล่โรคภัย โรคห่า โรคภัยไข้เจ็บ ก็น่าที่จะเป็นไปได้เช่นกันนะครับท่านผู้ชม


ก็เอาเป็นว่า อย่าลืมนะครับ ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข อยากให้สวดกัน อย่างน้อยที่สุดเราก็มีสมาธิในการสวดไม่ใช่หรือ เอาพ่อ เอาแม่ เอาลูกมานั่ง เอาหนังสือมากาง ไม่จำเป็นต้องสวดเหมือนพระก็ได้ ก็ท่องไปเลย ลองดูสิครับท่านผู้ชม


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจงใจเอาอะไรหลายอย่างมาวางบนโต๊ะให้ท่านผู้ชมดู สองถุงนี้ นี่คือยาสมุนไพรที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ซึ่งท่านเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ในด้านการบูรณาการ หลายๆ อย่าง คือ อ.ปานเทพ มีหน้าที่ที่จะอธิบายความ การบูรณาการการรักษาโรค ซึ่งอาจจะใช้ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนโบราณ หรือใช้หลักธรรมชาติเข้าไป สมุนไพรสองถุงนี้ อ.ปานเทพ เล่าให้ผมฟังว่า เป็นสมุนไพรที่เมืองจีนเขาใช้แบบนี้ แต่เราไปหาสมุนไพรที่มันถูกโฉลกและตรงกับสมุนไพรของจีนที่เขาใช้ ประเทศจีนเขาใช้สมุนไพรนี้ให้ใคร เขาต้มครับ เขาต้มแล้วให้หมอและพยาบาลที่อยู่ชั้นแนวหน้า ที่อยู่ข้างหน้ารักษาโรค ทาน เหตุผลเพราะว่ามนุษย์เราจะมีปราณ ลมปราณ ภาษาจีนเขาเรียกว่า ชี่ ถ้าปราณเราอ่อนด้อย เขาเรียกว่าชี่อ่อน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่า ธาตุไฟอ่อนลง มนุษย์เรามีดิน น้ำ ลม ไฟ อยู่ในตัวเราเอง เมื่อธาตุไฟอ่อนลงแล้ว พวกนี้จะมาเสริมปราณให้แข็งแกร่ง เมื่อปราณแข็งแกร่ง ธาตุไฟแข็งแกร่งแล้ว โอกาสที่โรคจะเข้ามาหาคนที่ทำงานแนวหน้าจะน้อยลง นี่คือยาที่เขาใช้ทานกัน ท่านผู้ชมครับ ไม่ใช่เรื่องเล่น แพทย์ทุกคนที่อยู่ที่อู่ฮั่น ที่รักษาโรคโควิด-19 ในช่วงวิกฤตของจีนนั้น หมอจีนเขาต้มสมุนไพรพวกนี้ให้ทุกคนทานกัน ทานต่างน้ำเลย นี่ผมเล่าให้ฟังนะครับ




เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมรู้จักนี่ไหม ขิง ขิงสด มะกรูด อ.ปานเทพ เป็นคนแนะนำมา อ.ปานเทพ บอกผมว่า ขิงให้ความร้อน มันจะเสริมธาตุไฟ วิธีการก็คือว่า ไปซื้อขิงมาจากตลาด ขิงสดนะครับ ปอกให้หมด หั่นเป็นแว่นๆ แล้วต้ม แล้วเอามะกรูดปอกผิว ให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ไปด้วย แล้วผ่าครึ่ง แล้วต้มทั้งมะกรูดและขิง ผมให้เด็กที่บ้านต้มและเมื่อเช้านี้ เมื่อวานนี้ก็ทานไปแล้ว ตอนเช้า ตอนเที่ยง ตอนเย็น เมื่อเช้าก็ทานแล้ว ตอนเช้า ถ้าต้องการให้มีรสหวานนิดหน่อยผมก็ใส่น้ำตาลมะพร้าว หรือผมก็ใส่น้ำตาลทรายแดง กินแล้วมันต้อนทั้งตัว อ.ปานเทพ บอกว่าผมอายุ 70 กว่าแล้ว ธรรมดาธาตุไฟผมต้องด้อยประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฏว่าธาตุไฟของผมเต็มเปี่ยม ยังรุนแรงและยังเข้มแข็งกว่าคนรุ่นหนุ่มเสียอีก อาจจะเป็นเพราะว่าผมทานน้ำมันมะพร้าวหีบเย็น ผมทานวันละ 4 ช้อนโต๊ะ ผมทานมา 10 ปีแล้ว เกือบ 20 ปี ไม่เว้นเลยสักวัน อยู่ในเรือนจำก็สั่งเข้าไปทาน เขาให้สั่งได้ ทานวันละ 4 ช้อนโต๊ะ เอาเป็นว่าสิบกว่าปีนี้ผมทานน้ำมันมะพร้าววันละ 4 ช้อนโต๊ะ


ท่านผู้ชมครับ ตัวนี้มันจะช่วยให้เราสร้างความร้อนขึ้นมาในตัวเราเอง และในขณะเดียวกันมันเป็นตัวป้องกันภัยได้ดีที่สุดในเรื่องโควิด-19 ก็แน่นอนที่สุดนะครับ การป้องกันไม่ได้หมายความว่าท่านทานแล้วทานจะมีสิทธิ์ไปเที่ยวกอดคนติดเชื้อหรือไปเอาน้ำลายมาให้ถูกตัวเรา ไม่ใช่ หมายความว่าโอกาสที่เชื้อจะมาหาเราโดยที่เราไม่ได้ไปถูกอะไรมัน มันจะเข้าหาเรายากขึ้น และขณะเดียวกันมันก็ดีกับร่างกายด้วย


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ในชีวิตผมสิบกว่าปีแล้วผมไม่เคยเป็นหวัดเลย อาจจะเป็นเพราะว่าผม โดยบังเอิญมั้ง ที่มันเข้าไปในแก๊กของ อ.ปานเทพ ได้พอดี คือผมเป็นคนที่ชอบอบซาวน่า ผมอบซาวน่ามาตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำจนถึงวันนี้ ถ้านับแล้ว 20 ปี ทุกวัน ที่บ้านผมจะมีห้องซาวน่าเล็กๆ อบร้อน 40 กว่าองศาฯ เกือบ 50 องศาฯ เพราะฉะนั้นแล้ว อ.ปานเทพ ก็เลยบอกคุณสนธิสุขภาพดี ไวรัสโควิด-19 มาไม่ถึงเพราะมันตายหมด มันก็ไม่ใช่ตรงนั้นอย่างเดียวนะครับ อาจจะเป็นเพราะว่าผมดูแลตัวเองดี ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนะท่านผู้ชม ไม่มีอะไรน่ากลัว หน้ากาก ท่านผู้ชมออกไปไหนมาไหนต้องใส่หน้ากาก


นี่คือกระดาษชุบแอลกอฮอล์ ซึ่งฉีกมาแล้วก็จะเป็นกระดาษแบบนี้ มีแอลกอฮอล์อยู่ ล้างมือ เช็ดมือ ฆ่าเชื้อหมดทุกอย่าง เช็ดโต๊ะ ก่อนขึ้นรถทุกครั้ง ผมก็จะเอาแอลกอฮอล์ที่อยู่ในขวดฉีดตรงประตูที่เราเปิด คนขับรถของผมจะต้องทำดังต่อไปนี้ เอาแอลกอฮอล์ฉีดพวงมาลัย ทุกที่ในรถที่เขาสัมผัสด้วยมือ เขาต้องฉีดให้หมด เบาะที่ผมนั่ง รถของผมเป็นรถตู้ ที่วางแขนของผมเขาก็จะเช็ด อะไรที่แขนกับมือไปโดน เขาจะฉีดหมดเลย เสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้ทีมงานของผมเข้ามาถ่ายทำ เมื่อเช้านี้ ท่านผู้ชมรู้ไหมทำอะไร ประการแรก เขาต้องยืนอยู่ข้างนอกก่อน ห้ามเข้า ต้องเอาที่วัดอุณหภูมิยิงหัว 36.5 หรือเปล่า ไม่ถึง 37.5 ใช่ไหม ให้กางแขนออก เอาสเปรย์แอลกอฮอล์ที่เป็นกระป๋องใหญ่ ฉีดเสื้อ ข้างหน้า กางเกงข้างหน้า เสื้อข้างหลัง ข้างๆ ให้หมด เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อ เครื่องมือที่เขาเอามา กล้อง เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ ทุกอย่าง แล้วระหว่างถ่ายทำทุกคนใส่หน้ากากเช่นกัน


ที่บ้านผม เด็กที่บ้านจะได้รับคำสั่งว่าให้เอาน้ำยาไฮเตอร์ 1-2 ฝา เทผสมน้ำอุ่นแล้วก็ถูพื้นด้วยน้ำยาไฮเตอร์ ถูหมด ที่ออฟฟิศผม ตอนค่ำก่อนแม่บ้านจะกลับ เขาจะขนของพวกนี้ออกแล้วจะเอาผ้าชุบแอลกอฮอล์เช็ดหมด ที่ไหนที่มีแขนผมมือผมวาง โทรศัพท์เขาเช็ด โน่นเขาเช็ด นี่เขาเช็ด ไม่พลาดเลยแม้แต่นิดเดียว เด็กที่บ้านที่คอยออกไปข้างนอก ขี่มอเตอร์ไซค์ซื้อโน่นซื้อนี่ พอกลับมาปั๊บ จะต้องเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เอาเสื้อผ้าชุดที่ใส่ใส่ลงไปในถังซึ่งผสมไฮเตอร์อย่างแรง แล้วก็แช่ไว้ในถัง แล้วเอาถังมาวางกลางแจ้ง แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่


ท่านผู้ชมครับ วุ่นวายไหม วุ่นวาย แต่ปลอดภัยแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ นอนหลับสนิทแน่นอน ไม่ต้องกังวล แต่เสียเวลาและวุ่นวายกับมัน และมีใครจะมาพบผมที่ทำงาน ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็พบ ก็นั่งห่างกัน 2 เมตรต้องมี ใส่หน้ากากคุยกัน พอคุยจบธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาร่ำลาเสร็จ ไม่ถูกเนื้อถูกตัวนะ เขาลงไป ผมก็จะเอาแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ฉีดเก้าอี้ที่เขานั่ง เบาะหลัง ทุกอย่าง หมดเลยที่เขานั่ง ให้มันหมด เหนื่อยไหม ไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่น่าจะลำบากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก


ท่านผู้ชม เวลาท่านจะไปข้างนอก ก็ไม่ต้องไป หลายท่านสั่งอาหารมาจากแกร็บ ไลน์แมน สั่งอาหารมาจากพวก GET แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ที่บ้านผม แม่ครัวเขาจะทำอาหารง่ายๆ ให้ผมทาน แต่ของที่ผมสั่ง ผมจะสั่งจากร้านพอดีช็อป ผมเป็นคนไม่ชอบสั่งอาหารจากแกร็บ ผมชอบทำอาหารร้อนๆ ร้านพอดีช็อปมีอุปกรณ์ทุกอย่าง มีข้าวสารอาหารแห้ง มีสินค้าที่เป็นสินค้าสุขภาพทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ไม่ว่าจะสมุนไพรต่างๆ




ร้านพอดีช็อป คอลเซ็นเตอร์เขา บอกไปเราต้องการอะไร มีคอลเซ็นเตอร์นะ 02-63395353 ซึ่งคอลเซ็นเตอร์นี้เดี๋ยวผมจะเอา insert ร้านให้ เขามีเว็บไซต์ก็เปิดเข้าไปดูเลยว่าเขามีสินค้าอะไรบ้าง ให้เขาส่งถึงบ้าน ส่งข้าวสารสัก 2 ถุง แม้กระทั่งน้ำมันมะพร้าวหีบเย็น ก็สั่งที่ร้านพอดีช็อปได้เช่นกัน


เครื่องกรองอากาศ manature ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ผมใช้มา 5 ปีแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ ยังเงียบสนิทอยู่เลย ตอนนี้อยู่ในห้องนี่ไม่ได้ยินเสียงเลย ก็ซื้อที่ร้านพอดีช็อป ท่านผู้ชมอย่าไปสั่งน้ำด่างให้มันเยอะ เราก็มีน้ำของเราเหมือนกัน พอดีช็อปเขามีน้ำ manature 8.5 เป็นน้ำด่าง เป็นแพ็ก


เอาล่ะครับ ท่านผู้ชม ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อ.ปานเทพ ท่านจะเป็นคนที่หมอแผนปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้า เหตุผลเพราะว่าท่านไม่ค่อยอยู่ในโอวาทของหมอแพทย์แผนปัจจุบัน ท่านจบวิศวะ เมื่อท่านจบวิศวะแล้ว ท่านเป็นคนที่สนใจเรื่องราวต่างๆ เยอะแยะไปหมด จนกระทั่งผมบางครั้งมีความรู้สึกว่า อ.ปานเทพ ถ้าไปทำเรื่องอะไรแล้วมันจะวุ่นไปหมด เพราะ อ.ปานเทพ จะลงไปขุดลึกแต่ละเรื่อง เข้าไปหาแหล่งของมันเลยทันที และที่สำคัญตอนหลัง อ.ปานเทพ หันมาสนใจเรื่องสุขภาพ ผมทานน้ำมันมะพร้าว ก็ อ.ปานเทพ แนะนำให้ผมทาน นี่ผมและ อ.ปานเทพ มาก่อนกาลเวลานานแล้วนะ 10 กว่าปีแล้วนะ เดี๋ยวนี้กับข้าวที่บ้าน ใช้น้ำมันมะพร้าวที่เป็น cooking oil ทำ เพราะเป็นน้ำมันอิ่มตัว ก็คือว่าทานเข้าไปแล้วมันเผาผลาญในร่างกายหมด ไม่เหลืออยู่ ไม่เหมือนน้ำมันพืชทั่วๆ ไป น้ำมันพืชทั่วๆ ไปพอทานไปแล้วมันเผาผลาญไม่หมด และมันสะสมในร่างกาย ผมจำได้ น้ำมันพืชอันอื่นๆ พอใส่ตู้เย็นมันไม่มีไข แต่น้ำมันมะพร้าวมีไข ก็แสดงว่ามันอิ่มตัวไง เมื่อมันแข็งมันก็ละลายได้ เมื่อใช้พลังงาน น้ำมันมะพร้าวก็หมดไป เพราะฉะนั้นแล้วผมเชื่อเรื่องนี้มานานแล้ว


แล้วตอนที่ผมออกมาจากเรือนจำ ผมเป็นโรคต่อมลูกหมากเวลาปัสสาวะจะ กะปริดกะปรอย หลายคนก็บอกให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพบ้าง ที่จุฬาฯ บ้าง ที่รามาฯ บ้าง หมอก็จะให้ยาฝรั่งมากิน แต่ไม่ อ.ปานเทพ เขารักษาด้วยแพทย์แผนโบราณ เขาต้มยาประเภทหนึ่งให้ผมทาน ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว เช้าๆ ให้ผมทานน้ำมันยาซึ่งทำจากแพทย์แผนโบราณ แล้วก็มีสมุนไพรบางอย่างซึ่งเป็นชุดมาให้ผม ผมทานอยู่ประมาณ 30 วัน ท่านผู้ชมเชื่อไหม ต่อมลูกหมากผมหาย เดี๋ยวนี้ผมปัสสาวะไม่มีกะปริดกะปรอยเลย ผม 72 ย่าง 73 ไม่ได้ทานยาฝรั่งเลยแม้แต่เม็ดเดียว


ท่านผู้ชมครับ เราหยุดตรงนี้ก่อน อธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ก่อน นี่คือการดูแลตัวเอง ถ้าท่านผู้ชมดูแลตัวเองแบบนี้ได้ ท่านผู้ชมไม่ไปสุงสิงกับใคร ท่านอยู่กับลูก อยู่กับเมีย พ่อตาแม่ยายจะมาเยี่ยมจากต่างจังหวัด ก็บอกคุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งมาได้ไหมตอนนี้ ให้ไวรัสมันหายก่อน หลานชาย หลานสาว ที่กำลังจะแต่งงาน บอกอาหรือลุงขออนุญาตไม่ไปได้ไหม เอาไว้ให้เหตุการณ์ผ่านไปแล้วค่อยไปเยี่ยมและจะเอาของขวัญไปให้ อย่าไป socialize อย่าไปสังคมอะไรกับใครทั้งสิ้น อยู่กันในครอบครัวเงียบๆ และที่สำคัญที่สุดคือ มีโอกาสออกมาตากแดดบ้าง แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมต้องตากแดด


เมื่อท่านผู้ชมทำเช่นนี้ เมื่อท่านออกจากบ้านท่านก็เช็กให้เรียบร้อย ท่านมีแบบนี้ไปก็ได้ สำลีที่มีแอลกอฮอล์อยู่ เป็นก้อนๆ แบบนี้ ก็แกะไปเช็ดตรงโน้นเช็ดตรงนี้ ท่านผู้ชมไปที่ลิฟต์ จะขึ้นลิฟต์ ก็เอากระดาษทิชชูสักแผ่นหนึ่งพกใส่กระเป๋าไว้สัก 10 แผ่น ม้วนใส่มือแล้วก็จิ้ม พอออกจากลิฟต์ก็ทิ้งไป พอขึ้นลิฟต์ท่านก็อย่าไปยืนหันหน้าหันคนโน้น ท่านยืนหันหน้าเข้าหาผนัง จะได้ไม่ต้องหันหน้ามาเจอเขาหรือเจอใครทั้งสิ้น ไม่สนใจอะไร รู้แต่ว่าท่านจะไปชั้นไหน ท่านรู้ว่าพอถึงชั้น 7 ท่านก็ขอตัว และท่านก็พยายามที่จะอย่าไปชนกับคนในลิฟต์ หรือถ้าท่านเห็นว่าคนในลิฟต์เยอะ ถ้าท่านเดินไหว เดินขึ้นทีละขั้น เดินขึ้นด้วยตัวเองไปชั้น 7 พอท่านลงมาจากรถ ถ้าขับรถของท่านเอง ท่านก็เอาแอลกอฮอล์ฉีดที่จับประตูรถ ฉีดให้หมดเลย เพราะเราไม่รู้ว่าใครมาแตะบ้าง ขึ้นรถไป เช็ดพวงมาลัย ขับไปถึงบ้าน ถ้าท่านดูแลตรงนี้ได้ ท่านไม่ต้องพึ่งรัฐบาล เพราะรัฐบาลช่วยอะไรท่านไม่ได้และไม่เคยที่จะช่วยท่านได้ ท่านต้องช่วยตัวเอง และท่านต้องฝึกตรงนี้ให้เข้ากับลูกท่าน ให้เข้ากับเมียท่าน ให้กับหลานท่าน ฝึกให้เป็นประจำ จานชามทุกอย่างก่อนทานก็ต้มน้ำร้อน ใส่น้ำร้อนลวกให้หมดเลย ช้อนกลางแน่นอนที่สุด และช้อนกลางของใครของมันด้วยนะ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านไม่ติดหรอกครับ โควิด-19 ท่านจะมีชีวิตอยู่รอดไปอีกนานแสนนาน




ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาพูดถึงการบริหารความร้อนในธรรมชาติ บำบัดเพื่อพึ่งพาตนเองในช่วงโควิด-19 ทั้งหมดนี้ผมได้เป็นความรู้มาจาก อ.ปานเทพ อ.ปานเทพ จบวิศวะจากเมืองนอกนะ แต่เป็นเหมือนหมอแพทย์แผนไทยไปแล้ว อ.ปานเทพ จับชีพจรได้ รู้วิธีรักษาคน คือสมัยก่อนวิทยาศาสตร์จะรู้จักจุลชีพ อย่างแบคทีเรีย หรือไวรัส ที่มนุษย์เราสมัยก่อนรอดได้โดยไม่สูญพันธุ์ ก็เพราะมนุษย์มีระบบคุ้มกันตามธรรมชาติ ทำไมเราไม่สูญพันธุ์ล่ะ เพราะว่าระบบคุ้มกันตามธรรมชาติเรามีอยู่ และหนึ่งในกลไกภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตรอด คือการผลิตความร้อนเมื่อเกิดการติดเชื้อ หรือที่เราเรียกว่าการมีไข้ การทานขิงกับมะกรูด นี่คือการผลิตความร้อน กลไกตามธรรมชาติที่เป็นพลังงานความร้อนหรือที่เราเรียกว่าการมีไข้นั้น ผลิตโดยกลไกทางสมองที่เรียกว่า hypothalamus การผลิตความร้อนผ่านการมีไข้จะทำให้จุลชีพหรือแบคทีเรียก่อโรคทำงานได้ยากขึ้น และในขณะเดียวกันพลังความร้อนยังถูกนำไปใช้เป็นพลังงานที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์เพิ่มสูงขึ้น อันได้แก่ การแบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวมากขึ้น เม็ดเลือดขาวทำงานเคลื่อนไหวเร็วขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเมื่อเกิดการติดเชื้อมนุษย์และกลไกการผลิตความร้อนนั้นถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด โดยมีอุณหภูมิเป้าหมายเพื่อต่อต้านการติดเชื้อได้สำเร็จ คือ 38 องศาฯ


ท่านผู้ชม ถ้าท่านอายุเท่าผม หรืออายุน้อยกว่าผม แต่คุณพ่อคุณแม่อายุมากแล้ว ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมจำได้เลยสมัยผมเด็กๆ เวลาผมเป็นหวัด ผมเป็นไข้ สิ่งแรกที่ผมจะทำ แม่ผมจะบอกว่าห่มผ้าห่มซะ ห่มหนาๆ ทั้งๆ ที่อากาศก็ร้อนตับแทบแตก ห่มหนาๆ เลย แล้วปรากฏว่าพ่อเดินเข้ามาในห้องก็บอกว่าอย่าปิดหน้าต่าง เปิดหน้าต่างให้หมด ให้ลมเข้า ให้โปร่ง ไม่มีอับชื้น ไม่มีอะไรทั้งสิ้น พอห่มสักพักเหงื่อแตกเลย ผ้าห่มเปียกหมด พอเหงื่อแตกก็ออกมาแล้วก็เอาผ้าเช็ดเหงื่อให้แห้ง อาการไข้บรรเทาเลยจนเกือบหายทันที นั่นคือปล่อยให้ไข้มันขึ้น อย่าไปกด อ.ปานเทพ บอกว่าในยุคนี้ สมัยนี้ เราไปกินยาเพื่อกดไข้ ในข้อเท็จจริงคือเราต้องปล่อยให้ไข้มันออก พอไข้ออกจากตัวเราแล้ว ภูมิคุ้มกันก็จะมาเอง แล้วมันก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ ยกเว้นงานผ่าตัดที่ผมโดนยิงเข้าสมองต้องเข้าผ่าตัดสมอง ต้องฉีดแอนตี้ไบโอติกเข้าไปในร่างกาย ใช้สายยาง แต่ปกติธรรมดาผมไม่เคยทานแอนตี้ไบโอติกเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วหลักการง่ายๆ คือตอนนี้โควิด-19 เรายังไม่มีวัคซีนที่ผลิตมาได้อย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นแล้วเราจะบริหารไข้อย่างไร เพราะถ้าไข้ทำให้เราไม่สบายตัว หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกายในเวลาเดียวกัน อ.ปานเทพ แนะนำว่า เราต้องสร้างอุณหภูมิในตัวเราให้ถึง 38 องศาฯ ทำตัวให้ร้อน สมัยก่อนผมเป็นคนที่ไม่มีภูมิแพ้ อาจจะเป็นเพราะว่าผมเป็นเด็กโรงเรียนประจำ พอเข้าโรงเรียนปั๊บ พอออกจากชั้นเรียนก็ลงมาข้างล่าง เจออากาศ ขึ้นไปห้องนอนก็ไม่มีแอร์ อากาศร้อน นอนไปเหงื่อแตกไป เล่นกีฬาตลอดเวลา แต่ทำไม เด็กบ้านนอกยุคนี้ก็ไม่มีภูมิแพ้ เพราะอะไร เพราะเด็กบ้านนอก อยู่ข้างนอก อยู่ตลาด เดินอยู่กลางทุ่งกลางนา จากจุดนี้ไปจุดนี้ ไปที่วัด ไปที่โรงเรียนแล้วเจอแดดเจอโน่นเจอนี่ ก็เลยมีภูมิคุ้มกัน เพราะเจอความร้อนเข้ามา แต่ทำไมเด็กในกรุงเทพฯ ภูมิคุ้มกันถึงน้อย ภูมิแพ้เต็มไปหมด เพราะเราอาจจะอยู่ในโลกที่ร้อนจริง แต่เวลาเราเดินไปไหนมาไหนเราอาจจะร้อน แต่พอขึ้นรถยนต์ปั๊บ เราเจอแอร์เย็น 22-25 องศาฯ พอลงจากรถเข้าบ้าน พ่อกับแม่ก็กลัวลูกจะร้อนก็เปิดแอร์ให้ มันก็เจออุณหภูมิ 22-25 ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราจะอยู่กับความเย็นตลอด และความเย็นคือตัวที่เพาะเชื้อ


ทำไมอิตาลี ทำไมทางยุโรป เวลาติดเชื้อโควิด-19 ทำไมถึงล้มหายตายจากกันเยอะ ก็เพราะว่าเชื้อมันพัฒนาตัวเองในบรรยากาศที่มันเย็น เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องทำให้ตัวเรา อุณหภูมิเมื่อขึ้นถึง 38 องศาฯ ความชื้นสัมพัทธ์ 95 เปอร์เซ็นต์ ไวรัสของโรคซาร์ส ตอนนั้นเป็นโรคซาร์ส จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แล้วทำไมต้อง 38 องศาฯ


38 องศาฯ มันเป็นอุณหภูมิของหน้าร้อนของประเทศไทย หมายความว่าอากาศร้อนบ้านเราไม่เอื้ออำนวยต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 แปลว่าที่แท้จริงแล้วบ้านเราไม่ใช่ฤดูกาลหวัดระบาดแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงการระบาดของแบคทีเรียที่ทำให้ท้องร่วง แต่ที่เรามีปัญหาก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อนั้น ใช้ชีวิตอยู่ในห้องปรับอากาศที่อุณหภูมิต่ำกว่า 22-25 ที่เชื้อนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ถึง 5 วัน นั่งรถก็เปิดแอร์ กลับบ้านก็เปิดแอร์ นอนก็เปิดแอร์ เราจึงเกิดการระบาดมาเพราะสารคัดหลั่งและการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ อุณหภูมิของห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เราไม่ได้ใช้ชีวิตตามอุณหภูมิของฤดูกาลตามที่ควรจะเป็น


ท่านผู้ชมสังเกตไหมว่า สถานที่แพร่ระบาดในประเทศไทยล้วนแล้วแต่อยู่ในห้องปรับอากาศทั้งนั้น เช่น อยู่ในผับ สนามมวย บ่อนกาสิโน หรือไม่ก็เป็นผู้ป่วยที่เดินทางนำสารคัดหลั่งมาจากประเทศที่มีอุณหภูมิอากาศเย็นๆ


38 องศาฯ นั้นเป็นอุณหภูมิของร่างกายในมนุษย์ที่เป็นไข้และมีความร้อนสูงขึ้นด้วย และไข้นั้นเป็นกลไกของระบบของธรรมชาติของกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในขณะที่การเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการต้านการติดเชื้อจุลชีพ ต่างจากสัตว์เลือดเย็น แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ มักจะกินยาลดไข้ เพราะคิดว่านี่คือการป้องกัน




ท่านผู้ชม เวลาท่านผู้ชมเป็นหวัด ท่านผู้ชมสังเกตไหม เดี๋ยวทานทิฟฟี่บ้าง ทานไทลีนอลบ้าง เพื่ออะไร เพื่อกดไข้ พอกดไข้แล้ว เชื้อก็ยังอยู่ในร่างกาย มันอาจจะอ่อนแอลงไป แต่ในที่สุดอีกหน่อยเดี๋ยวมันก็เป็นขึ้นมาอีก เพราะว่าไข้มันไม่หมดจากตัว ทำอย่างไรต้องไล่ไข้ให้หมดจากตัว อ.ปานเทพ บอกว่าคนเราสมัยก่อนเป็นอีสุกอีใส ไม่สามารถจะไล่เชื้อออกให้หมดได้ พอไล่ออกไม่ได้แล้ว อีสุกอีใสพัฒนาพันธุ์กลายเป็นโรคงูสวัด โรคนี้สังเกตไหมท่านผู้ชม อัตราเกิดกับผู้สูงวัย เพาะงานวิจัยพบว่าผู้สูงวัยนั้นอุณหภูมิร่างกายต่ำลง และความสามารถในการผลิตไข้ลดลง ภาษาแพทย์ทางอายุรเวชของอินเดียและของไทยเขาเรียกว่า ธาตุไฟพร่อง เพราะฉะนั้นแล้ว มนุษย์เราต้องพยายามเร่งธาตุไฟให้มีมากขึ้น ผู้สูงวัยมีความสามารถผลิตไข้ในตัวลดลง 20-30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันที่ต้องอาศัยความร้อนลดหายไปด้วย


เพราะฉะนั้นแล้ว ไทยกับอินเดียใช้สมุนไพร 3 ชนิด เพื่อดำรงความร้อนแก้เรื่องธาตุลม คือ ขิงแห้ง พริกไทย และดีปลี การเพิ่มอุณหภูมิ เราต้องเพิ่มอุณหภูมิร่างกายเรา เราดื่มน้ำมันมะพร้าวทุกวัน วันละ 2 ช้อนโต๊ะ อุณหภูมิปกติของร่างกายมีโอกาสจะเพิ่มสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียส ใน 4 สัปดาห์ แต่ผมดื่มมาสิบกว่าปีแล้ว เพราะฉะนั้นอุณหภูมิของผมสูงขึ้น 1 องศาฯ มานานแล้ว แต่ถ้าจะเร็วกว่านั้น คือต้องเติมธาตุไฟ คือน้ำมันปิตตะ น้ำมันปิตตะเป็นสูตร อ.ปานเทพ ในการสกัดเข้มข้นจากน้ำมันมะพร้าว พริกไทย มะกรูด และอื่นๆ มีโอกาสเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 1 องศาเซลเซียส ใน 1 สัปดาห์


แต่ท่านผู้ชมครับ เพื่อตัวท่านเอง ลูกท่าน ครอบครัวท่าน ที่ง่ายและประหยัดคือ ปิดแอร์เพื่อรับอุณหภูมิตามฤดูกาลที่แท้จริง แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องเปิดแอร์ ผมแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าให้อุ่น เอาผ้าพันคอพันไว้ ที่ง่ายที่สุดที่ผมนึกไม่ถึง อ.ปานเทพ ยืนยันนะครับ เราขาดการอาบแดด เราต้องอาบแดดประมาณ 15 นาทีต่อวัน ในช่วงเวลา 10 โมง ถึง 11 โมง ให้โดนแดด สิ่งแวดล้อมต่างๆ เหล่านี้จะเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายขึ้นมา


เวลาเรามีไข้ เราต้องทำ คือต้องอดอาหาร เพื่อพักพลังงานในการย่อยอาหารเพื่อมาเยียวยาตัวเอง ห่มผ้า ดื่มน้ำร้อนจัดต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายเริ่มเยียวยาตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมต้องรู้ว่าวิธีนี้เป็นภูมิปัญญาตะวันออกจริงๆ มีตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ รุ่นปู่รุ่นย่า แล้ววิธีนี้เป็นวิธีที่พระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ต้นตระกูลสนิทวงศ์ ซึ่งท่านเป็นคนที่ยูเนสโกยอมรับ ชำนาญทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย เป็นคนแนะนำ สมัยก่อนคนเป็นมาลาเรียต้องกินยาควินิน ท่านเห็นว่าถ้าไข้มาลาเรียสูง ยังไม่ให้กิน ท่านจะระบายท้องก่อน เพื่อให้พวกแบคทีเรียในท้อง ผมเคยสังเกตนะท่านผู้ชม เวลาผมเป็นไข้หวัด สิ่งแรกที่ผมพยายามทำคือผมพยายามทำให้ท้องเสีย ทานยาระบาย เพราะว่าปฏิกูลต่างๆ ที่อยู่ในท้อง มันมีแบคทีเรียและมีจุลชีพที่ไม่ดี มันก็จะถ่ายออกไป พอของพวกนี้ออกเราจะรู้สึกว่าตัวเราเบาขึ้นมาทันทีเลย เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องทำแบบนี้ ท่านก็จะใช้วิธีคนที่เป็นมาลาเรีย ให้ถ่ายท้อง พอถ่ายท้องเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เริ่มเอายาควินินให้ทาน จะได้หายจริง


ท่านผู้ชมครับ นี่คือภูมิปัญญาตะวันออก และไม่เสียหายอะไรท่าน ทานพวกนี้เข้าไปทุกวัน ทานนี่ทุกวัน ตากแดด วันละ 15 นาที เวลา 10-11 โมง ถ้าเปิดแอร์นอนตอนกลางคืน ใส่เสื้อผ้าให้หนาหน่อย พันผ้า เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายมันร้อน ท่านผู้ชมครับ ยากไหม ไม่ยากหรอกครับ แต่ว่าจุกจิกนิดหน่อย แต่ทำไปสักพักทุกอย่างก็จะดีขึ้น


ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาหลายเรื่องเหลือเกิน ผมคิดว่าวันนี้น่าจะร่วมเกือบสองชั่วโมง ผมจะจบลงวันนี้ด้วยมาตรการเยียวยา มาตรการเยียวยาที่กระทรวงการคลังออกมา ผมคิดว่ายังไม่สุดซอยเท่าไรนัก




ผมอยากเห็นอย่างนี้ครับ ผมฝากข้อคิดนี้ไปให้ท่านรัฐมนตรีฯ คลัง ท่านอุตตม นิดหนึ่ง ผมอยากให้รัฐบาลช่วยเจ้าของกิจการจ่ายเงินเดือนพนักงาน ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน แต่มีข้อแม้ว่า ไม่ให้ไล่พนักงานออก ให้เขายังทำงานอยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีการพักงาน ถึงแม้ว่าจะมีการปิดกิจการแล้วยังไม่เปิด ให้จ่าย 70 เปอร์เซ็นต์ สมมุติว่าเงินเดือนพวกนี้ วิธีนี้ทำไม่ยากนัก ก็คือว่าเงินเดือนของคนบริษัทๆ หนึ่ง มีบัญชีเงินเดือนอยู่แล้ว ตีสักประมาณ 1 ล้าน บัญชีเงินเดือน เขามีหลักฐาน เขามีการซื้อประกัน เขามีการจ่ายค่าประกันสังคม เขามีหลักฐานการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย เวลาเขาจ่ายเงินมา บัญชีพวกนี้มีอยู่แล้ว บัญชี 1 ล้าน ให้รัฐบาลช่วยเดือนละ 7 แสน ต่อ 1 กิจการ อีก 3 แสน ให้เขาหาเอง แต่คุณห้ามปล่อยคนออก


อันที่สอง อุตสาหกรรมใดที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดประเทศ ที่เห็นชัดคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รถทัวร์ โรงแรม ทุกอย่าง จะต้องเอาเงินเข้าไปอุดหนุนชดเชยเขา ไม่ให้เขาล้ม ให้เขาอยู่ต่อไปได้ การผ่อนหนี้ผ่อนสิน ทำอย่างไรที่ให้ธนาคารไม่ต้องตั้งสำรองหนี้เสีย ก็คือว่า NPL ธรรมดาแล้วถ้าเป็นหนี้ประมาณ 2-3 เดือน แล้วไม่จ่ายดอกเบี้ย ก็จะตั้งว่าเป็นหนี้ NPL ก็เลื่อนจาก 2-3 เดือน ให้เป็น 6 เดือน โดยที่ไม่คิดเป็น NPL แล้วธนาคารก็ไม่ต้องตั้งสำรอง นี่ต้องคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อธนาคารไม่ต้องตั้งสำรองปั๊บ ก็ไม่ถูกกดดันให้จะต้องเพิ่มทุน และที่สำคัญ บริษัทหรือส่วนบุคคล ถ้าสมมุติว่าสามารถผ่อนหนี้ได้ ต้องสั่งให้เครดิตบูโรหยุดเอาคนพวกนี้ว่าเป็นคนที่หนี้เสีย


ท่านผู้ชมครับ นี่คือวิกฤตของชาติ ถามตัวเอง รัฐบาลถามตัวเอง รัฐมนตรีคลังถามตัวเอง ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติถามตัวเอง ทุกคนที่อยู่ในวงการราชการที่ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถามตัวเองว่าโควิด-19 นั้นเป็นวิกฤตธรรมดา หรือวิกฤตที่วิกฤตที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าท่านบอกว่าเป็นวิกฤตที่วิกฤตที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย การเยียวยาที่ออกไปครั้งแรกนั้น สำหรับผมแล้วยังไม่พอครับ




เมื่อวานนี้ เมื่อ 1-2 วันนี้ผมได้อ่านข่าวชิ้นหนึ่ง ก็ต้องเอามาเล่าให้ฟังนิดหนึ่ง และต้องขอชมเชยคุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ท่านได้ออกมาแถลงข่าวการประชุม โดยท่านบอกว่า ทาง กสทช.ได้จัดสรรงบประมาณ โดยตัดงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้หมด แล้วก็เป็นเงินก้อนๆ หนึ่ง 1,000 ล้านบาท ที่จะจัดเอาไว้เพื่อที่จะให้หมอ เพื่อที่จะให้แพทย์ต่างๆ โรงพยาบาลต่างๆ มายื่นความจำนงและขอให้ช่วย ก็สามารถจะช่วยได้ นี่เป็นตัวอย่างขององค์กรอิสระ ผมอยากเห็นตัวอย่างนี้มาจากรัฐวิสาหกิจ อาจจะยกเว้นการบินไทยเท่านั้นที่ไม่ไหว นอกนั้นแล้วรัฐวิสาหกิจไหนที่มีเงินมีทอง ตัดออกมาแล้วก็ตั้งเป็นกองทุนให้กับแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลที่ขาดอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ


ทางซีพีก็ได้แสดงเจตนารมณ์มาชัดเจนในการช่วยเหลือในภาวะวิกฤตนี้ ทางคุณเจริญ เจ้าของเบียร์ช้าง ก็จัดสรรในเรื่องของแอลกอฮอล์ต่างๆ ที่จะส่งไปให้กับโรงพยาบาลทั้งหลาย ผมยังอยากเห็นบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครือเซ็นทรัล พวกจิราธิวัฒน์ ซึ่งก็รับเงินรับทองมา ร่ำรวยมหาศาลจากคนที่ไปซื้อข้าวของชอปปิ้งต่างๆ ผมอยากเห็นการแสดงน้ำใจที่เป็นรูปร่างและรูปลักษณ์ที่เป็นกอบเป็นกำให้เห็นสักนิดหนึ่งว่า ในยามที่ประเทศชาติเจอภัยพิบัติและวิกฤตนั้น พวกคุณพร้อมที่จะออกมาเดินไปกับประชาชนและช่วยเหลือประเทศชาติในยุคภัยพิบัติ




ท่านผู้ชมครับ วันนี้สุดๆ สองชั่วโมงเต็มๆ ผมคิดว่าได้สาระเต็มที่ ผมเอาโพสต์ของคุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง แปะเอาไว้ในเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ เพราะคุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ท่านเป็นนักธุรกิจที่ล้มในปี 2540 ต้มยำกุ้ง ให้ท่านอธิบายว่าตอนที่ท่านล้มปีนั้น 40 กับเหตุการณ์ปีนี้ มันต่างกันตรงไหน คุณนงวดีเป็นคนสัมภาษณ์คุณสวัสดิ์ แล้วแปะเอาไว้ในเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ลองไปดูเถอะครับ แล้วอาทิตย์หน้าผมจะมาต่อยอดจากสิ่งที่คุณสวัสดิ์พูด และผมจะมาดูเรื่องการเยียวยาของรัฐบาลว่าควรจะเยียวยาอย่างไรบ้าง เป็นขั้นเป็นตอน


ท่านผู้ชมครับ อย่าลืมนะครับ อย่าลืมเป็นอันขาดว่า หน้ากาก 199.5 ล้านชิ้น มันหายไปไหน ทำไมไม่มีใครตอบให้พวกเรา ขอบคุณมากครับท่านผู้ชม สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น