xs
xsm
sm
md
lg

8 เจ้าหน้าที่อุทยานน้ำตกหงาวรอด ศาลพิพากษาไม่จงใจฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศาลจังหวัดระนองพิพากษา 8 เจ้าหน้าที่อุทยานน้ำตกหงาว ไม่ได้จงใจฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปมถูกกล่าวหามั่วสุมกินดื่ม ชี้เป็นการประชุมปรึกษางานในบ้านพัก แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้เว้นระยะห่าง สำนึกในการกระทำผิด จะระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก รอกำหนดโทษ 1 ปี

จากกรณีเมื่อเวลา 21.10 น. ของวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ราชกูด ได้เข้าทำการจับกุม นายชลิต สินโรจน์ธนาการ หัวหน้าอุทยานน้ำตกหงาว พร้อมด้วยลูกน้องทั้งชายและหญิงรวม 8 คน ในข้อหามั่วสุมดื่มสุรา ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตามคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ลงนามในประกาศเรื่องห้ามการชุมนุม ทำกิจกรรมการมั่วสุม เหตุเกิดบริเวณบ้านพักหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ม.1 ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนอง

ล่าสุด รายงานข่าวจากสำนักข่าวอิสรา ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.63 ศาลจังหวัดระนอง พิพากษาคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดระนอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 8 จำเลย ซึ่งเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงแห่งหนึ่ง กรณีถูกกล่าวหาว่ามั่วสุมกินดื่มกันภายในบ้านพักอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว จ.ระนอง มีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 4, 9, 18 และข้อกำหนดของนายกรัฐมนตรี ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 โดยมีของกลางเป็นเครื่องดื่ม 5 ขวด และน้ำแข็ง 1 กระติก

ข้อเท็จจริงกรณีนี้ จำเลยทั้ง 8 ราย แถลงประกอบคำรับสารภาพ สรุปได้ว่า จำเลยทั้ง 8 ราย มิได้มีเจตนาที่จะทำการมั่วสุมเพื่อดื่มสุราในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค แต่เนื่องจากมีนักวิชาการป่าไม้ย้ายมารับราชการใหม่ที่ จ.ระนอง และได้เชิญนักวิชาการสาธารณสุข จ.ระนอง มาร่วมปรึกษาหารือการพัฒนาอุทยานแห่งชาติ ในระหว่างที่ปิดรับบริการนักท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาให้เป็นอุทยานแห่งชาติสีเขียว ประกอบกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว มีร้านสวัสดิการและบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ ต้องจัดการเกี่ยวกับการสุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

โดยมิได้มีการส่งเสียงรบกวนชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากภายในบริเวณดังกล่าวเป็นบ้านพักของอุทยานแห่งชาติมิใช่ในเขตชุมชน เพียงแต่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน และพูดคุยกันเท่านั้น โดยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวกับความมั่นคง ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 8 ราย รู้สึกสำนึกในการกระทำของตน ขอศาลได้โปรดลงโทษจำเลยทั้งหมดในสถานเบา

โดยศาลจังหวัดระนอง เห็นว่า จำเลยที่เป็นข้าราชการทั้ง 8 ราย กระทำความผิดตามฟ้อง แต่พิเคราะห์คำฟ้องและคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลยเห็นว่า จำเลยทั้ง 8 ราย เป็นข้าราชการและได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับงานราชการ รวมถึงมีการเชิญนักวิชาการสาธารณสุข มาร่วมปรึกษาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในการประชุมกันจะต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

กรณีดังกล่าวเห็นว่า จำเลยทั้ง 8 ราย ไม่จงใจที่จะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกอบกับจำเลยทั้ง 8 ราย สำนึกในการกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว และจะระมัดระวังในการจัดการประชุมสังสรรค์ร่วมรับประทานอาหารกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอีก จึงเห็นควรรอกำหนดโทษให้แก่จำเลยทั้ง 8 ราย ไว้มีกำหนด 1 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น