ลิ้นสว่าน ล่อตะเข้!
คอลัมน์ “เปิดกรุส่องดารา”
#เปิดกรุส่องดารา #ละครออนไลน์ #ยืนหนึ่งข่าวละคร
โควิด-19 ทำให้วงการบันเทิงชะงัก ! หลายช่องได้นำละครเก่ากลับมารีรันใหม่ .... เพราะถ้านำละครเรื่องใหม่ๆมาออนแอร์ แต่เม็ดเงินจากโฆษณาไม่ได้เฟื่องฟู จะ "เสียของ" โดยใช่เหตุ ขณะเดียวกัน ละครที่ถ่ายทำค้างอยู่ ครบเดือนแล้ว และส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ !
จริงอยู่ ทั้งวงการบันเทิงไทย-เทศ ก็พยายามที่จะหา "ช่องทาง" ร่วมกัน เพื่อปลดล็อกให้สามารถทำงานและเดินต่อได้ ล่าสุด... กระทรวงวัฒนธรรม ได้เสนอจำนวนคนทำงานในกองถ่าย ไม่เกิน 50 คน และต้องไม่ใช่ฉากสัมผัสใกล้ชิด เช่น ฉากการต่อสู้ หรือฉากแสดงความรัก เช่น โอบกอด จูบ สัมผัสอย่างใกล้ชิด รวมถึงต้องใช้มาตราการในการป้องกันความปลอดภัย อีกด้วย
จากข้อเสนอนี้ แน่นอนว่า "รส" ของภาพยนตร์และละครจะเปลี่ยนไป ! ไม่มากก็น้อย ลุ้นฟังผลในอาทิตย์หน้า วันที่ 15 พฤษภาคม น่าจะเห็นทิศทางบางอย่าง และรอฟังอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล ว่าพร้อมลุยหรือไม่ กับมาตรการผ่อนปรนระยะที่สองหลังวันที่ 17 นี้
สำหรับคนในวงการ ย่อมรู้ว่า "คิวบู๊และเลิฟซีน" เป็นหัวใจของหนังและละคร เพราะเป็นการแสดงถึงอารมณ์ของมนุษย์ รัก โลภ โกรธ หลง อันจะเป็นการปูเรื่องไปสู่จุดหมายของหนังเรื่องนั้นๆ ความเป็นหนังหรือละคร คงไม่ใช่มีเพียงความรักในอุดมคติ และแก้แค้นในความคิดเท่านั้น
“เปิดกรุส่องดารา” ชวนคุณย้อนกลับไปดูวิถีชีวิตของพระเอกยุคหนึ่ง ! เขาคือ "เมฆ" วินัย ไกรบุตร ผู้เป็นเจ้าของฉายา "พระเอกลิ้นสว่าน" เพราะบางที ในยุคโควิด อาจจะมีฉายาใหม่ให้กับนักแสดงก็เป็นได้
ฉายาใหม่น่ะหรือ ? "พระเอกจอมป้อล่อไม่เป็น" !
แม้ว่าจะมีคนให้ฉายาพระเอกคนโน้น คนนี้ "ลิ้นสว่าน" แต่ความจริงฉายานี้ เป็นของ "วินัย ไกรบุตร" หนึ่งเดียวและคนเดียวเท่านั้น ! ซึ่งไม่ต้องอธิบายให้มากความ ... เพราะบท “เลิฟซีน” ของ “เมฆ” วินัย ที่ถ่ายทอดผ่านหนังไทยในยุคหนึ่ง ! ละครออนไลน์ เลือกหนังเรื่อง "ไกรทอง" เพื่อให้ภาพบอกเล่าถึงฉากถึงเนื้อถึงตัว ไม่ว่าจะเป็นฉากบู๊ ไกรทองปะทะชาละวัน รวมถึงฉากรัก-หึงหวง ทั้งคน ทั้งจระเข้สาว ล่วงเลยถึงฉากอัศจรรย์ที่สามารถปรับและดัดแปลงได้ในนิทานพื้นบ้านเรื่องนื้
ไกรทอง รุ่นคลาสิก ระหว่างปี 2515 - 2525 ก็มีความเซ็กซี่ปะปนอยู่ในระดับหนึ่ง ก่อนจะพัฒนาเข้าสู่รุ่นปี 2544 ในเวอร์ชั่นของ "เมฆ" วินัย ไกรบุตร ที่ดำเนินการสร้างโดย สุภาพร ปรีชาว่องไวกุล ในนามของ "ซอฟท์แวร์ ซัพพลาย อินเตอร์เนชั่นแนล" เรียกได้ว่า เป็นไกรทองที่ถูกปรับบทให้ "ฟาดตะเข้ ... ถึงเนื้อ ถึงตัว และถึงใจ" !
“เมฆ” วินัย ไกรบุตร เข้าวงการในช่วงปี 2535 เล่นหนังในสังกัดของไฟว์สตาร์ เรื่องแรกคือ “หอบรักมาห่มป่า” ของบัณฑิต ฤทธิ์ถกล ครั้งนั้นได้ร่วมงานกับจักรกฤษณ์ อำมรัตน์, จันจิรา จูแจ้ง และแอน ทองประสม ต่อมา ผลงานที่สร้างชื่อจนได้ฉายา “พระเอกร้อยล้าน” คือเรื่อง “นางนาก” ผลงานของนนทรีย์ นิมิบุตร คู่กับ ทราย เจริญปุระ ยังมีผลงานอื่นๆที่สร้างชื่ออีกหลายเรื่อง อาทิ บางระจัน, โรงแรมผี, งูเก็งกอง (ร่วมกับ กัมพูชา), ปล้นนะยะ, ปืนใหญ่ จอมสลัด ส่วนละครโทรทัศน์ อาทิ อตีตา, 7 พระกาฬ, สุรพล (คนจริง) สมบัติเจริญ, เสน่ห์นางครวญ, พยัคฆา, แม่นาก (ช่อง8), อังกอร์, ฝ่าดงพยัคฆ์, เคว้ง (NETFLIX) เป็นต้น
เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ MGR Online เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2549 ว่า
"ตอนที่เล่นในเรื่องบางระจัน(คู่กับตั๊ก บงกช)เนี่ยมันสมบทบาทนะ คือเขาไปรบมาแล้วกลับมาก็เจอเมียมันก็สมเหตุสมผล ด้วยความสมจริงสมจังมันก็ไม่มีอะไรน่าเกลียด ไม่มีเทคนิกนะครับ เอาสมาธินิ่งๆ เป็นหลัก ตามบทเลย บทให้แค่ไหนก็แค่นั้น ปล่อยไปตามบท ที่สำคัญต้องดูด้วยว่านางเอกเรื่องนั้นเป็นใคร แค่ไหนที่เขาเล่นได้"
"เล่นเลิฟซีนมากสุดก็ 2 - 3 เทกไม่เกินจากนี้แน่นอน ที่ไม่ได้ก็ไม่ใช่เพราะพี่นะ มันเป็นเรื่องของมุมกล้องบ้าง ฉากบ้าง คือมันไม่ควรเล่นหลายเทกนะเพราะมันจะไม่อิน แข็ง ทื่อ จะเกร็งไปเลย ตั้งใจให้เทกแรกผ่านไปเลยดีกว่าเรื่องอารมณ์มันปรับลำบาก ถ้ารั่วแล้วกลับมาไม่ได้แล้ว"
เคยตกเป็นข่าวถึงการเล่นนอกบทที่ดูจริงจังอยู่เป็นประจำชนิดที่ว่าผู้กำกับสั่งคัทแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุด กับข้อครหานี้หนุ่มเมฆบอกว่า...
"แหมสั่งคัทปุ๊บจะให้มันเอาปากออกจากกันปั๊บมันไม่ใช่นะ ตามเรื่องมันก็ค่อยๆ เอาออกเราจะผลักออกไปเลยได้อย่างไร เขียนไปเองมากกว่า จริงๆ ผมไม่เคยคิดนอกบทนะ ตามบทมาอย่างไรไปอย่างนั้นเลย คิดตลอดว่ามันคือหน้าที่ไม่ใช่ชีวิตจริง"
“ไกรทอง” (2544) กำกับการแสดงโดย สุทัศน์ อินทรานุปกรณ์ นำแสดงโดย วินัย ไกรบุตร (ไกรทอง), เจ็ท ผดุงธรรม (ชาละวัน), วรรณษา ทองวิเศษ (ตะเภาทอง) , ปรายฟ้า สิริวิชชา (ตะเภาแก้ว), แชมเปญ เอ็กซ์ (วิมาดา), ชุติมา เอเวอรี่ (เลื่อมลายวรรณ)
แค่ “เมฆ” วินัย ไกรบุตร คนเดียวก็อาจจะไม่ขลัง ! ไม่อาจเรียกผู้ชมได้มากเท่าที่ควร เพราะงั้น หนังเรื่องนี้ก็เลยพาเอาสาวเซ็กซี่อย่าง แชมเปญเอ็กซ์ และ ชุติมา เอเวอรี่ เข้ามาทำให้แม่น้ำสายเก่าแก่แห่งเมืองพิจิตรได้กระเพื่อมสมใจคนทำหนัง
โครงเรื่อง ไกรทอง กล่าวว่า ชาละวันพาตัวนางตะเภาแก้วลงถ้ำทอง ใช้เวทมนตร์ให้ตกเป็นเมีย เช่นเดียวกับไกรทองก็มีจิตพิศวาสในจระเข้ตัวเมีย อย่างวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ และได้นางทั้งสองเป็นเมีย !
เรื่องของ "คน" กับ "จระเข้" เลยฟัดกันนัว !
ย้อนกลับไปวันนั้น ไม่ว่าจะแชมเปญ เอ็กซ์, ชุติมา เอฟเวอรี่ ทุกคนยังสด ซิงในวงการ
แชมเปญ เอ็กซ์เป็นสาวไทย ชื่อ "จันทร์เพ็ญ อินทรจักร" สมัยเด็กชาวเยอรมันคนหนึ่งเคยเลี้ยงเธอในฐานะลูกบุญธรรม และชื่อจันทร์เพ็ญ ออกเสียง เรียกยาก เลยเปลี่ยนให้เรียกง่ายๆว่า “แชมเปญ”
เธอเข้าวงการมาในปี 2538 เริ่มต้นจากการถ่ายมิวสิกวิดีโอ ก่อนจะมาเล่นหนัง “2499 อันธพาลครองเมือง” และ “ฝัน บ้า คาราโอเกะ” ทั้งหนังและละครควบกันไป
ตอนที่เล่นหนังเรื่องนี้ อายุประมาณ 31 ปี เรียกว่า สามสิบยังแจ๋วว่างั้นเถอะ ผลงานการถ่ายแบบเซ็กซี่ของเธอนั้นได้รับการยอมรับในวงการมากคนหนึ่ง ในยุคนั้น เธอเคยถ่ายแบบได้เงินถึง 3 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าจ้างถ่ายแบบ 2 ล้านบาท และอีก 1 ล้านเป็นค่าเดินสาย แจกลายเซ็นประมาณนี้ ถึงบอกว่า ไม่ธรรมดา ! ปัจจุบัน เธอออกจากวงการมาหลายปีแล้ว มีครอบครัวอยู่กับสามี และทำไร่ในพื้นที่ 200 ไร่ อยู่ที่จังหวัดสระแก้ว มีผลงานการเล่นหนังและละครจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มาก ! หนังเรื่อง “ไกรทอง” ถือว่า หวือหวา ! ใช้ความเป็นเซ็กซี่สตาร์ของเธอเป็นจุดขายได้เป็นอย่างดี
อีกคนที่เล่นหนังเรื่องนี้คือ "แคนดี้" ชุติมา เอฟเวอรี่ ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หลังจากหนังเรื่อง “ไกรทอง” แล้ว เธอก็ไปถูกกล่าวถึงอีกครั้งกับบทแรงๆใน “ผู้หญิง 5 บาป”
ปีนี้เธออายุ 41 ปีแล้ว และถ้าย้อนกลับไป เธอเข้าสู่วงการมานานมากพอดู ! เพื่อนของพ่อซึ่งเป็นโมเดลลิ่งชวนเธอมาถ่ายโฆษณา จากนั้นก็ขยับไปสู่งานถ่ายแคตตาล็อกเสื้อผ้าให้กับนิตยสารวัยรุ่นในยุคนั้น จากเงินค่าขนมตามประสาเด็กๆ กลายเป็นเงินที่มีค่า ในช่วงที่เศรษฐกิจทรุด ธุรกิจส่งออกของพ่อมีปัญหา พ่อเริ่มคิดมาก จนส่งผลกับร่างกาย ทำให้พ่อกลายเป็นอัมพฤกษ์ ด้วยความต้องการเงินเพื่อมารักษาพ่อ และจุนเจือครอบครัว ทำให้เธอต้องทำงานทุกอย่าง รวมถึงการขึ้นทำเนียบ "เซ็กซี่สตาร์" ด้วย
เธอเคยขึ้นปก นิตยสาร ''เพนท์เฮาส์'' ภาษาไทยฉบับพิเศษครบรอบ 16 ปีด้วย
ทุกอย่างเบื้องหน้า ไม่ใช่ตัวเรา ! งานทำให้เธอได้เงิน เพื่อแก้ปัญหาในครอบครัว !
เธอไม่ค่อยอยากพูดถึง หนังเรื่อง "ไกรทอง" และ "ผู้หญิง 5 บาป" แต่ไม่อาจปฏิเสธว่า "ความแรง" ทำให้เธอยืนได้ในช่วงหนึ่งเป็นที่ต้องทำงานในวงการ เพื่อหาเงินไปคลี่คลายเรื่องต่างๆในครอบครัว
ทั้ง "เมฆ" วินัย, แชมเปญ เอ็กซ์, แคนดี้ ชุติมา ทำให้ไกรทองถูกพูดถึง และ "ร้อน" ! ขึ้นมาทันที
เชื่อกันว่า ไกรทอง เป็นคนมีตัวตนจริง พื้นเพเป็นคนนนทบุรี ! มาอาชีพเป็นพ่อค้า ค้าขายทางน้ำ ได้ข่าวว่า จระเข้ที่เมืองพิจิตรอาละวาดหนัก จึงมุ่งหน้าไปไปปราบ
พ.ศ. 2385 สมัยรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ได้เดินทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ และได้เขียนนิราศพระประธม ความตอนหนึ่งว่า
"บางนายไกร ไกรทองอยู่คลองนี้
ชื่อจึงมีมาทุกวันเหมือนมั่นหมาย
ไปเข่นฆ่าชาละวันให้พลันตาย
เป็นเลิศชายเชี่ยวชาญผ่านวิชา
ได้ครอบครองสองสาวชาวพิจิตร
สมสนิทนางตะเข้เสน่หา
เหมือนตัวพี่นี้ได้ครองแต่น้องยา
จะเกื้อหน้าพางามขึ้นครามครัน ฯ
พบกับ “เปิดกรุส่องดารา” ลำดับต่อไป วันศุกร์หน้า
ภาคผนวก
หนังเรื่องนี้ บ้างก็ชื่อ “ไกรทอง” หรือ บางทีก็ใช้ชื่อ “ชาละวัน”
ไกรทอง 2501 - จัดสร้างโดย กองสวัสดิการกรมตำรวจ โดย พ.ต.ท. อรรถ อรรถจินดา เป็นผู้กำกับการแสดง เป็นหนังสี 16มม. นักแสดงหลักได้แก่ ชนะ ศรีอุบล (ชาละวัน), อดุลย์ ดุลยรัตน์ (ไกรทอง), สวลี ผกาพันธ์ (ตะเภาแก้ว), แขไข สุริยา (ตะเภาทอง), ประภาพรรณ นาคทอง (วิมาลา), วงทอง ผลานุสนธ์ (เลื่อมลายวรรณ)
ชาละวัน 2515 – จัดสร้างเป็นเรื่องแรกของไชโยภาพยนตร์ โดย สมโภชน์ แสงเดือนฉาย นำแสดงโดย ปรีดา จุลละมณฑล (ไกรทอง), ดามพ์ ดัสกร (ชาละวัน), ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี (ตะเภาทอง), ร่วมด้วยสุพรรณ บูรณพิมพ์, มาลาริน บุนนาค , จอมใจ จรินทร์
ไกรทอง 2523 – ไชโยภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดน เนรมิต และ ฉลวย ศรีรัตนา นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี (ไกรทอง), สมบัติ เมทะนี (ชาละวัน), อรัญญา นามวงศ์ (วิมาลา), ดวงชีวัน โกมลเสน (เลื่อมลายวรรณ), อำภา ภูษิต (ตะเภาแก้ว), สุพรรษา เนื่องภิรมย์ (ตะเภาทอง)
ไกรทอง 2 : 2528ทีมงานเดียวกับปี 2523 โดยสร้างตัวละครคือ ไอ้เคี่ยม (จระเข้ ฝั่งใต้) นำแสดงโดย ลักษณ์ อภิชาต
ไกรทอง 2544 คือ ผลงานที่กล่าวไว้ในเบื้องต้น
พบกับ "เปิดกรุส่องดารา" วันศุกร์หน้า