xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ]SONDHI TALK : “สหรัฐฯ” ดึง “ไต้หวัน” เป็นไฟขัดแย้ง “จีน” - ฟันธงแผนฟื้นการบินไทย ไปไม่รอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“สนธิ”ชี้ ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน ใกล้ถึงจุดแตกหัก หลัง “ทรัมป์”พยายามกลบเกลื่อนความล้มเหลวของตัวเองในการป้องกันโควิด-19 จนอาจแพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีรอบ 2 จึงหันไปโจมตีจีนเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากคนอเมริกัน ทั้งกรณีต้นตอไวรัส ตัดซัปพลายเชนจีน และจุดแตกหักคือ ฉวยโอกาสหนุนหลังไต้หวันแยกตัวจากจีน เริ่มจากการให้ไต้หวันเข้าร่วม WHO ซึ่งจีนไม่มีทางยอมได้ และเริ่มออกมาตอบโต้สหรัฐฯ แบบท้าชน ทั้งการซ้อมรบ 70 วัน ห้ามสินค้าของ“แอปเปิล”ขายในจีน ยกเลิกการจองเครื่องบินโบอิ้ง ส่วนกรณีการฟื้นฟู“การบินไทย”พบว่ายังติดรูปแบบราชการ ตั้งทีมบริหารแผนจำนวนมากถึง 15 คน เกินความจำเป็น และเมื่อดูรายชื่อที่หลุดออกมา ฟันธงได้เลยว่าไปไม่รอด


วันที่ 22 พ.ค. เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” และช่องยูทูป Sondhitalk ที่จะมาเล่าเรื่องราวจุดเปราะบางสำหรับสหรัฐอเมริกาและจีน พร้อมที่จะเกิดสงครามได้ทุกเมื่อ และทำไมจีนซ้อมรบยาวนานถึง 70 วัน มีนัยอะไรหรือไม่ รวมถึงสถานการณ์ของการบินไทยตอนนี้เดินไปทางไหน ติดตามรัมชมได้ในรายการ Sondhitalk : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง ep 34 : “สหรัฐฯ” ดึง “ไต้หวัน” เป็นไฟขัดแย้ง “จีน”

คำต่อคำ SONDHI TALK [22 พ.ค.63] : สหรัฐฯ ดึงไต้หวันเป็นเชื้อไฟขัดแย้งจีน

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ก็เหมือนเช่นเคยนะครับ ทุกๆ วันศุกร์เช้า ระหว่าง 09.00 น. กับ 09.00 น.กว่านิดๆ เราจะมาพบกันในรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ วันนี้มีหลายเรื่องที่จะคุยให้ท่านผู้ชมฟัง ในส่วนตัวของผม ผมมีความรู้สึกว่าสนุกสนานมาก แต่ก่อนจะเข้าเรื่องนี้ เราไปดูช่องทางในการเข้ารับชมรายการนี้ดีกว่า

วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังว่าช่องทางการติดต่อของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK ได้ทางไหนบ้าง ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า SONDHI TALK กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"

สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ

สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป



ท่านผู้ชมครับ เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา น่าจะเป็นวันพุธที่ 20 ตอนเช้า ผมได้มีโอกาสพบกับท่านนายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ท่านให้เกียรติแวะเข้ามาคุยด้วยที่บ้านพระอาทิตย์ ก็มีท่านอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการฯ เป็นการบูรณาการการแพทย์หลายๆ แพทย์เข้ามาอยู่ร่วมกัน เป็นคณบดีของมหาวิทยาลัยรังสิต ก็ได้คุยกันหลายเรื่อง ผมสนใจก็เลยได้ถามท่านอธิบดีไปในเรื่องของการแพทย์แผนไทยและยาหลายๆ อย่างซึ่งท่านอธิบดีดูแลรับผิดชอบอยู่ ท่านก็ให้ข้อมูลที่ดี มีประโยชน์ โดยสรุปท่านเล่าให้ฟังว่า ในขณะนี้สิ่งที่ท่านพยายามทำอยู่ คือท่านจะทำอย่างไรที่จะให้มีการบูรณาการหรือมีการใช้ยาที่กำลังจะได้รับการปลดล็อก ไม่ว่าจะเป็นกัญชา หรือใบกระท่อม ให้มีประโยชน์กับประชาชนอย่างมากที่สุด แล้วเราก็เลยได้คุยกันต่อเนื่องไปในเรื่องของโควิด-19 ท่านอธิบดีกรมการแพทย์และแพทย์ทางเลือก ท่านก็บอกว่า มีข่าวดีว่า ทีมวิจัยของรามาธิบดีเขาได้วิจัยสมุนไพรออกมาทั้งหมด 7 ตัว 7 ตัวนี้เป็น 7 ตัวที่สามารถจะรักษาหรือชะลอการเจริญเติบโตของโควิด-19 หรือป้องกันได้


ทีนี้ ท่านอธิบดีท่านบอกว่าท่านไม่ทราบว่า 7 ตัวนั้นมีอะไรบ้าง แต่ที่ท่านทราบแน่ๆ 3 ใน 7 ตัวนั้น อันแรกสุดที่ท่านบอก คือ ฟ้าทะลายโจร ตอนนี้ฟ้าทะลายโจรเป็นที่ต้องการกันมาก ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทย ต่างประเทศก็สั่งเข้ามาเยอะแยะไปหมด แล้วราคาพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนั้นเคยขึ้นจากกิโลกรัมละ 60 บาท กลายเป็น 300-400 บาท ตอนนี้คนก็เลยไปปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกันเยอะแยะไปหมด เข้าใจว่าราคาคงจะตกไปอีก



นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้ว ท่านบอกว่ามีอีกประเภทหนึ่ง สมุนไพรที่ดีกว่าฟ้าทะลายโจร ก็คือกระชายขาว และท่านก็จบลงด้วยระบุว่า คุณสนธิรู้ไหมว่าดีที่สุดคืออะไร ผมบอกไม่ทราบครับ ท่านบอก ขิง ผมก็เลยถอนหายใจโล่งอก เพราะถ้าท่านผู้ชมจำได้ ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมทราบว่า อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เคยแนะนำว่า ในช่วงโควิด-19 น่าที่จะรักษาตัวเองได้ ป้องกันตัวเองได้ ก็คือการดื่มน้ำขิง และถ้าผมจำไม่ผิดผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วว่าให้เอาน้ำขิงมาต้มแล้วก็ใส่มะกรูด เอาลูกมะกรูดมาหั่นครึ่งแล้วก็ใส่ต้มไปด้วย ทานวันละถ้วย หรือวันละสองถ้วยก็ได้ และผมก็ทานมาเป็นประจำ ตอนเช้าพอตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่ผมจะทำก่อนที่ผมจะแปรงฟันทำโน่นทำนี่ ผมจะเอาน้ำขิงร้อนๆ มาตั้ง แล้วก็รอให้มันอุ่นสักนิด ไม่ร้อนมากนัก แต่ความที่มันร้อน มันเผ็ด ผมก็เลยต้องกลั้นหายใจแล้วก็กินไปเลยทีเดียว ใส่ถ้วยกาแฟ 1 ถ้วย พอทานเข้าไปแล้วมันร้อนออกมาทั้งตัวเลย เหมือนอย่างที่อาจารย์ปานเทพพูด คือการเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายของเราให้มันร้อนขึ้น


วันพุธที่ผ่านมา ท่านนายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ ท่านก็ยืนยัน ถูกต้องตามหลักการวิจัยว่าน้ำขิง หรือขิง เป็นยาสมุนไพรที่ระงับหรือป้องกันการเกิดโควิด-19 ค่อนข้างจะดีที่สุด ก็เลยอยากจะมาแชร์หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน



อีกประการหนึ่ง ผมอยากจะเตือนสติท่านผู้ชมนิดหนึ่ง ในขณะนี้รถยนต์เริ่มติดกันมากขึ้นแล้ว เพราะคนเริ่มออกจากบ้านไปที่โน่นไปที่นี่กันมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มากเหมือนแต่ก่อน อย่างเช่นเขาบอกว่า ในห้างสรรพสินค้า มีคนรายงานมาว่า เซ็นทรัลเวิลด์นั้น ธรรมดามีคนเดินประมาณ 100,000 คนต่อวัน ช่วงที่ปลดล็อกระยะ 2 มีคนเดินแค่ 40,000 คน หรือ 40 เปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่จะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมอยากจะกราบเรียนท่านผู้ชมว่า เวลานี้ สำหรับผม ผมถือว่ายังไม่น่าไว้ใจอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วยังคงจะต้องตัวใครตัวมันอยู่ ก็คือว่า เราต้องดูแลรักษาตัวเราเองให้ดีๆ ป้องกันตัวเราเองให้ดีๆ ป้องกันครอบครัวเราให้ดีๆ ป้องกันลูกหลานเราให้ดีๆ วิธีป้องกันก็รู้อยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายกันมาก ยังคงต้องล้างมือกันบ่อยๆ ไม่หยุดยั้ง ในขณะเดียวกัน อย่างที่ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมทราบ เวลาก่อนเข้าบ้าน เท้าเราใส่รองเท้าไปเหยียบย่ำอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ แล้วเดี๋ยวนี้เชื้อโควิด-19 อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบว่า พอมันตกลงบนพื้นแล้ว หรือตกอยู่ในสถานที่ที่เราอาจจะเอามือไปสัมผัส มันจะมีอายุประมาณ 7 ชั่วโมง บางกรณีถึง 14 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นแล้วก่อนกลับเข้าบ้าน เอาขวดสเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดใต้เท้าเรา ก่อนที่เราจะเอารองเท้าเข้าไปในบ้าน หรือถ้าเราจะไม่เอารองเท้าเข้าไปในบ้าน จะทิ้งไว้นอกบ้าน ก็ต้องฉีด ฉีดทั้งพื้น ฉีดทั้งขอบข้างๆ และฉีดทั้งบนพื้น และที่สำคัญที่สุดก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงฝูงชน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าไป


อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า ยุคโควิด-19 นั้น นอกจากจะเป็นยุคแนวโน้มการใช้ชีวิตแบบใหม่ หรือที่เขาเรียกว่า นิวนอร์มัล (New Normal) พยายามอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด ถ้าทำธุรกิจ ทำกิจกรรมใดๆ ก็ทำไปพร้อมกัน เดี๋ยวนี้เขาเปิดแล้วนี่ เขาเปิดสวนลุมพินี เขาเปิดสวนสันติชัยปราการ เขาเปิดสวนสิริกิติ์ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าจะไป ก็ไปกันพ่อแม่ลูก ไปกันเงียบๆ นั่งรถไป ไปถึงแล้วก็เดินออกกำลังกายกัน ไม่ต้องไปมั่วสุมกับใครทั้งสิ้น อย่างนี้เราก็ใช้ชีวิตของเราได้




เรื่องการเข้าไปดูหนัง ไปฟังคอนเสิร์ต ลืมมันไปเลยท่านผู้ชม แล้วก็เรื่องการชอปปิ้ง ถ้าจะเดินเพื่อจะดูเหตุการณ์ จะไปกินแอร์ให้มันเย็นหน่อย เพราะช่วงนี้อากาศมันร้อนเหลือเกิน ก็พยายามเดินไปในที่ๆ มันโล่งๆ ไปดูสินค้า โน่นนี่นั่น และผมก็ยังยืนยันนะท่านผู้ชม อย่าไปเสียเงินซื้อของ ผมพูดอย่างนี้ คนที่เน้นทางด้านเศรษฐกิจเขาก็จะว่าผม ถ้าไม่ซื้อของแล้วเงินจะหมุนเวียนได้อย่างไร ณ เวลานี้ ท่านผู้ชมเชื่อผม เก็บเงินเอาไว้ ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่า การปลดล็อกออกมาไม่ได้แปลว่าจะทำให้เรากลับไปฟุ่มเฟือยเหมือนเดิม จำได้ไหม ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมทราบ ว่าเปิดตู้เสื้อผ้าดูซิ เอาเสื้อผ้ามานับดูซิว่ามีกี่ชุดบ้างที่ใช้จริงๆ อีกกี่ชุดที่ใช้ไม่เกิน 3 ครั้ง แยกมันออกมา เอาของต่างๆ ที่เราซื้อมา สะสมมา เอาลูกมานั่งนับกัน เอารองเท้า เอากระเป๋า เอาเข็มขัด เอาที่ประดับสวยๆ มาวาง แล้วถามว่าจำเป็นไหม ปรากฏว่าท่านผู้ชมจะพบว่ามีสิ่งที่ไม่จำเป็นอยู่ในบ้านเรามากมายมหาศาล แล้วท่านลองบวกตัวเลข ท่านจะเห็นว่าเงินก้อนนั้นที่ท่านผู้ชมเสียไปเป็นเวลา 5 ปี 10 ปี บางคนอาจจะเป็นหลักแสน หรือบางคนที่ใช้ของแพงหน่อยอาจจะเป็นหลัก


อย่าลืมนะครับ หลังจากปลดล็อกแล้ว พยายามยืนอยู่บนจุดนิวนอร์มัลในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอย ใช้อะไรก็ตาม ใช้ในเรื่องที่จำเป็น และใช้อะไรก็ตาม คิดเสียก่อนที่จะควักเงิน คิดอย่างไร? คิดว่ามันจำเป็นหรือเปล่า และถ้าเราซื้อไป ถ้าเราใช้ไป จะเกิดอะไรขึ้น ฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่า หรือไม่ ผมก็เลยขอเตือนมานิดนะครับ



ท่านผู้ชมครับ ในระหว่างที่ผมกำลังพูดอยู่ในรายการนี้ คุณอัจฉริยะ ซึ่งพวกเรารู้จักกันดี น่าจะไปอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว คุณอัจฉริยะกำลังไปยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดว่าให้รีบเร่งและอย่าดึงเกมในกรณีที่ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องการทุจริตของคุณวิรัช รัตนเศรษฐ ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตอนนี้เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มายังอัยการสูงสุด ในกรณีทุจริตเรื่องจัดสร้างสนามฟุตซอล แล้วเรื่องที่ยื่นมานี้ ไม่ใช่แค่สำนวนเดียว 7 สำนวน โดยที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดของคุณวิรัช 9 ต่อ 0


คุณวิรัช รัตนเศรษฐ คือใคร นานมาแล้ว สมัยคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คุณวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วตอนหลังพอพ้นไป คุณวิรัช รัตนเศรษฐ ก็เป็น ส.ส.ปกติธรรมดาคนหนึ่ง แต่คุณวิรัช รัตนเศรษฐ นั้นต้องถือว่าเป็นขาใหญ่ที่จังหวัดโคราช ท่านผู้ชมคิดตามผม และเห็นด้วยกับผมไหมว่า ส.ส.คนหนึ่งโดน ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 7 คดี 7 สำนวน ไม่ใช่แค่คุณวิรัชอย่างเดียว รวมไปถึงภรรยาด้วย และพรรคพวกอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นบริษัทห้างร้านต่างๆ ในการทุจริตในการก่อสร้างสนามฟุตซอล


7 สำนวน ด้วยมติผิดจริงๆ 9 ต่อ 0 แล้วเรื่องนี้ ป.ป.ช.ก็ส่งไปที่อัยการ สำนวนแรกส่งไป อัยการบอกขาดหลักฐาน ไม่ครบ ป.ป.ช.ก็ทำไปจนกระทั่งครบ ก็ปรากฏว่าชี้มูลมาตั้งแต่ 22 พฤษภาคม แล้วก็ยื่น แล้วปิดสำนวนให้ตามที่อัยการต้องการตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม นี่ 5 เดือนแล้ว อัยการยังไม่ขยับ คนใกล้ชิดในวงการการเมืองเขาบอกว่า คุณวิรัช รัตนเศรษฐ มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับอัยการบางคนที่โคราช ก็เลยดองเรื่องคุณวิรัชเอาไว้ ซึ่งผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงนะ แต่ผมคิดว่าอัยการน่าจะต้องให้คำตอบ เพราะตามกระบวนการพิจารณาความระหว่าง ป.ป.ช. กัยอัยการนั้น มันมีอยู่ว่า ถ้าอัยการเห็นว่าไม่ควรฟ้อง ป.ป.ช.ก็มีสิทธิจะฟ้องโดยตรงเองได้ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นมันมีอยู่ตรงที่ว่า ลักษณะที่มันยืดยาดเป็นเวลาหลายเดือน โดยที่ล่าสุดสำนักงานอัยการสูงสุดอ้างว่าอัยการคนใหม่เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง ขอศึกษาก่อน เอาล่ะ ไม่เป็นไร ข้ออ้างทุกคนมีกันหมด



คำถามก็มีอยู่ว่า ถ้าศึกษาแล้ว จะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ท่านอัยการสูงสุดท่านก็ต้องรู้นะว่าช่วงหลังๆ คณะทำงานของท่านเริ่มมีคำถามที่สังคมไทยตั้งคำถามกับท่านเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกรณีของคุณพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งโดนข้อหาในเรื่องของทุจริตในเรื่องของ KMC กฤษดามหานคร แล้วผู้พิพากษามีอยู่ 2 ท่าน ท่านหนึ่งเป็นเจ้าของสำนวน ท่านบอกว่าคุณพานทองแท้ผิด อีกท่านหนึ่งถูกย้ายมาใหม่ ถูกย้ายมากะทันหัน อีกท่านหนึ่งถูกย้ายออกไปกะทันหันโดยไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงถูกย้าย แล้วจู่ๆ ท่านใหม่นี่ก็มา ท่านบอกว่าคุณพานทองแท้ไม่ผิด ท่านเขียนความเห็นของท่านบอกว่า คุณพานทองแท้มีเงินเยอะเหลือเกิน เงินแค่นี้ไม่เอาไปใช้หรอก ก็เป็นตรรกะซึ่งหลายๆ ท่านก็บอกว่าฟังไม่ขึ้น ตรรกะของผู้พิพากษาท่านนี้ฟังไม่ขึ้น แต่ถ้าท่านยืนยันว่าเป็นดุลพินิจของท่านก็ไม่เป็นไร ก็ปรากฏว่า ... คดีคือว่า ถ้ามี 2 คน คนหนึ่งเห็นว่าผิด คนหนึ่งเห็นว่าไม่ผิด ก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย ก็เลยต้องยกฟ้องคุณพานทองแท้ไป เมื่อยกฟ้องไปแล้วเรื่องก็กลับไปถึงอัยการ ไม่นานนักอัยการก็ให้สัมภาษณ์บอกว่า อัยการไม่อุทธรณ์แล้ว ก็เลยทำให้คนอดคิดไม่ได้ ย้อนกลับไปถึงยุคสมัยที่คุณพจมาน ดามาพงศ์ ซึ่งโดนกรณีเรื่องภาษี แล้วก็ศาลชั้นต้นลง ศาลอุทธรณ์ยก แล้วพอศาลอุทธรณ์ยกปั๊บ อัยการสูงสุดก็บอกว่าไม่ฎีกาแล้ว เอาแค่นั้นพอ ซึ่งปกติธรรมดา พวกเราๆ นี่นะท่านผู้ชม ถ้าเราผิดชั้นต้น อุทธรณ์ยก อัยการ เอาหัวเป็นประกัน 99.99 เปอร์เซ็นต์ อัยการฎีกาแน่นอน เหมือนกัน ถ้าศาลชั้นต้นยก อัยการอุทธรณ์ทันที เหมือนหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็ติดตามเรื่องนี้มาอยู่


ก็ปรากฏว่า ในความเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชำนาญในเรื่องกฎหมาย และในขณะเดียวกัน คนที่เคยอยู่ในแวดวงศาลและอัยการมา ก็บอกว่า เอ๊ะ คดีนี้มันไม่ใช่เอกฉันท์นี่ มีผู้พิพากษาท่านหนึ่งบอกว่าคุณพานทองแท้ผิด อีกท่านหนึ่งบอกว่าไม่ผิด ยิ่งจำเป็นจะต้องอุทธรณ์ แต่ท่านอัยการท่านตัดสินใจไม่อุทธรณ์ จนในที่สุดกระแสสังคมกดดัน เลยทำให้ดีเอสไอ เมื่อรับเรื่องคืนมาจากอัยการ ดีเอสไอก็ทำความเห็นแย้งไป ว่าดีเอสไอไม่เห็นด้วยกับการที่อัยการจะไม่อุทธรณ์ ดีเอสไอขอให้อุทธรณ์ แล้วก็ให้เหตุผลไป




นี่ก็ชี้ให้เห็นว่า บางครั้งข้อบกพร่อง หรือบางครั้งดุลพินิจ มันก็ทำให้เกิดข้อสงสัยได้มาก เพราะฉะนั้นในกรณีคุณวิรัช รัตนเศรษฐ มันก็มีดุลพินิจแบบนี้ขึ้นมา ยังไม่ได้ฟ้องนะ แต่ถ้าอัยการตัดสินใจไม่ฟ้อง มันก็มีปัญหาว่าแล้วที่ ป.ป.ช.ชี้มูลมา 9 ต่อ 0 ว่าคุณวิรัช รัตนเศรษฐ ทุจริตจริง แล้วไม่ใช่แค่คุณวิรัช รัตนเศรษฐ ภรรยาของคุณวิรัช รัตนเศรษฐ และพรรคพวกของคุณวิรัช รัตนเศรษฐ ด้วย เพราะฉะนั้นแล้วอัยการจะหาเหตุใดที่จะไม่ฟ้อง แล้วทำให้ ป.ป.ช.ต้องฟ้องเอง แต่หาเหตุนั่นเรื่องหนึ่ง แต่กระบวนการล่าช้านี่ชวนให้สงสัยไม่ได้


เอาล่ะ นั่นคือทางกฎหมาย แต่ทางจริยธรรม ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะตั้งคำถามบรรดา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หรือรัฐบาลชุดนี้ที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำรัฐบาล คุณไม่มีใครแล้วหรือที่จะเอามาเป็นวิปรัฐบาล แต่คุณดันเอาคนที่โดน ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 9 ต่อ 0 มาเป็นวิปรัฐบาล ผมไม่ทราบว่ามาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองของพวกคุณมีแค่ไหน แล้วคุณวิรัช รัตนเศรษฐ ก็อยู่ในกลุ่มของคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งเพิ่งย้ายกลุ่มไปอยู่กับกลุ่มคุณวิรัช รัตนเศรษฐ อยู่ในกลุ่มของคุณอนุชา นาคาศัย ไปอยู่ในกลุ่มของคุณสุชาติ ชมกลิ่น แล้วก็ไปอยู่ในกลุ่มของคุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งเป็นอดีต กปปส. ทำให้ผมสับสนไปหมดเลยว่า กปปส. มาร่วมกับอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะว่าอย่างไรเรื่องนี้ แล้ว ส.ส.เพื่อไทย คนนี้โดน ป.ป.ช.ชี้มูล 9 ต่อ 0 แล้วก็ยังสุมหัวร่วมกันเพื่อที่จะมีการปรับ ครม. ผมก็เลยไม่เข้าใจการเมืองเมืองไทย จริงๆ แล้ว ตำแหน่งวิปรัฐบาลคุณเอาใครเป็นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณวิรัช รัตนเศรษฐ หรือว่ามีข้อตกลงอะไรกันเป็นพิเศษ นี่ไงที่ผมไม่เข้าใจ


ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าการเมืองมันเน่า การเมือง นักการเมือง ตอนนี้กำลังถูกคนนินทา หมาดูถูก ว่าไม่มีคุณภาพเลย หาที่เป็นคุณภาพยาก เพราะว่านักการเมืองสะท้อนสันดานของนักการเมืองออกมาอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องไปทำนายทายทักว่าคนนี้เป็นนักการเมืองหรือเปล่า ดูกิริยา ดูการกระทำ ดูสันดานแล้วดูออกเลยว่านี่คือนักการเมืองไทย แต่มันกลับสะท้อนกลับมาอีกที่หนึ่ง ท่านผู้ชมครับ มันสะท้อนมาว่าอย่างไร มันสะท้อนว่าระบบการเมืองเมืองไทยมันเน่าเฟะ เน่าเฟะจริงๆ แล้วผมก็อดคิดไม่ได้ ผมเป็นคนที่ชอบคิดเรื่องเก่าๆ ผมอดคิดไม่ได้ว่าสมัยที่คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ประชุม กปปส. เดินขบวน



พาคนออกมาเป็นล้าน ยืนยันจะต้องปฏิรูปตำรวจ วันนี้ก็ยังไม่มีปฏิรูปการเมือง จะต้องมีปฏิรูปการเมือง วันนี้ก็ยังไม่มีปฏิรูปการเมือง และคุณสุเทพก็เอา ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ซึ่งเป็นทีมงานของ กปปส.เก่า และเอาคุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กปปส.เก่า เข้ามานั่งกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมันเละเทะไปหมดแล้วในเรื่องของการเรียนออนไลน์ ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง วันนี้มันไม่มีเทพ ไม่มีมารแล้วนะ มันมีแต่เทพที่เป็นมารแอบแฝงมา แล้วสร้างภาพว่าตัวเองเป็นเทพ


คุณวิรัช รัตนเศรษฐ นี่เป็นตัวอย่างให้เห็นชัดเจนเลย ดึงดันกัน เอาคนที่โดน ป.ป.ช.ชี้อมูล 9 ต่อ 0 มานั่งเป็นวิปรัฐบาล พวกคุณสบายดีกันอยู่หรืออย่างไร พวกคุณมีความสุขอยู่ดีหรืออย่างไรที่คุณดูถูกประชาชน คุณดูถูกประชาชนมากๆ นะ คุณอาจจะอ้างว่าตอนนี้เรื่องยังไม่ถึงศาล ศาลยังไม่พิพากษา ถือว่าไม่ผิด เอาล่ะ ไม่ผิด ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยที่สุด จริยธรรม จริยธรรมนี่สำคัญมาก จริยธรรมที่สังคมรู้ว่าหน่วยงาน ป.ป.ช. คือหน่วยงานที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ชี้มูลความผิดของคุณวิรัช รัตนเศรษฐ ไม่ใช่ 8 ต่อ 1 หรือ 7 ต่อ 2 หรือ 5 ต่อ 4 แต่เป็น 9 ต่อ 0 ก็หมายความว่าเป็นเอกฉันท์หมด 9 คนที่นั่งประชุมอยู่ บอกว่าคุณวิรัช รัตนเศรษฐ ภรรยาของแกและพรรคพวกของแก ที่มาทุจริตในเรื่องการสร้างสนามฟุตซอลนั้น ผิด 9 ต่อ 0 นี่คือจริยธรรม ความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี ผมถามว่า นักการเมืองเมืองไทยหาให้หน่อยได้ไหม รัฐบาลมีหน่อยได้ไหม เพราะฉะนั้นแล้ว ผมถึงบอกว่าผมผิดหวังกับการเมืองทุกวันนี้ และผมแทบจะไม่อยากจะไว้ใจเลยว่าการเมืองเมืองไทยมันจะเป็นอย่างนี้ต่อไป แล้วประเทศชาติจะเดินอย่างไร ผมถึงไม่ประหลาดใจว่าทำไมคนถึงเบื่อการเมือง แล้วผมดูหน้านักการเมืองแต่ละคน เป็นนักการเมืองเก๋า ไดโนเสาร์ ไดโนอาทิตย์กันทั้งนั้น ได้โนจันทร์ เพราะฉะนั้นแล้วคนพวกนี้ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นเลย


คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน กลุ่มสามมิตร จับมือกับคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือว่าคุณอนุชา นาคาศัย จับมือกับคุณสันติ พร้อมพัฒน์ คุณสันติ พร้อมพัฒน์ ทุกวันนี้ก็ยังมีความใกล้ชิดสนิทสนม ติดต่อกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแล้วการเมืองมันวนอยู่เพียงแค่นี้ วนอยู่เพียงแค่นี้จริงๆ ไม่ได้หนีไปไหนเลย เมื่อไรเราถึงจะมีการเมืองที่มีความโปร่งใส มีจริยธรรม และประชาชนสามารถตรวจสอบได้ และเมื่อไรนักการเมืองถึงมีความสำนึก รู้ผิดรู้ชอบรู้ชั่วรู้ดีกันเสียที ก็ฝากกันไว้เพียงแค่นี้นะครับ




ท่านผู้ชมครับ เมื่อวานซืนนี้ผมได้เขียนโพสต์ของผมลงไปในเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ เรื่องของ "พี่เตี้ย" ท่านผู้ชมที่ไม่รู้เรื่องนี้ ผมจะเล่าให้ฟัง "พี่เตี้ย" คือหมาพันธุ์ทางที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าเป็นแมสคอต (Mascot) ของ มช. เพราะเด็กนักเรียนเชียงใหม่รักพี่เตี้ยทุกคน พี่เตี้ยเป็นหมาที่แสนรู้มาก เวลาเขารับน้องใหม่ เดินขึ้นไปบนยอดดอยสุเทพ พี่เตี้ยนี่จะเดินนำหน้าเลย เด็กรุ่นหลัง เด็กรุ่นเก่า เด็กรุ่นใหม่ จะรู้จักพี่เตี้ยกันหมด บางทีในชั้นเรียนนักศึกษากำลังฟังอาจารย์เล็กเชอร์อยู่ พี่เตี้ยก็หมอบอยู่บนพื้น นั่งฟังอาจารย์ ใน มช.ไม่มีใครที่ไม่รู้จักพี่เตี้ย พี่เตี้ยคือจิตวิญญาณของ มช. ทุกคนรักพี่เตี้ย ทุกคนรู้ว่า มช.มีพี่เตี้ย และทุกคนจะทักทายพี่เตี้ยกันหมด ซื้ออาหารการกินให้พี่เตี้ย แล้วก็มีการระดมทุน ก่อนที่พี่เตี้ยจะเป็นอะไรไป เพื่อเอาเงินมาดูแลรักษาหมาจรจัดซึ่งอยู่ใน มช.


โพสต์ของผมบอกว่า จู่ๆ วันหนึ่งพี่เตี้ยเกิดหายตัวไป คนก็ตกใจกันหมด หายไปไหน หายเป็นวันๆ แล้วในที่สุดคนก็ไปเจอศพพี่เตี้ย คือหมา ตายอยู่บนริมทาง เหมือนกับว่ามีแผลถลอก มีการชันสูตรศพพี่เตี้ยเหมือนกับมนุษย์คนหนึ่งเลย สืบไปสืบมาจนกระทั่งเจอตัวคนที่เอาพี่เตี้ยออกไปจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นตำรวจตระเวนชายแดน สิบตำรวจโท เอาขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป ตำรวจนั้นก็อึกอักๆ ให้การว่าเอาไปเพื่อจะเอาพี่เตี้ยไปเที่ยว แล้วพี่เตี้ยตกจากรถ โดนรถทับตาย แต่คนไม่เชื่อ กลุ่ม Watch Dog ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็บอกว่าไม่เชื่อ แล้วก็หาหลักฐานมา


ทีนี้ เรื่องมันเกิด เหมือนกับน้ำผึ้งหยดเดียว เผอิญผมเห็นข่าวว่าท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้รองโฆษก พ.ต.อ.กฤษณะ เป็นคนมาแถลงข่าว บอกว่าเรื่องนี้ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ความสนใจมาก แล้วท่านก็สั่งลงไปอย่างจริงจังว่าเรื่องนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ว่าสิบตำรวจโทคนนี้มันทะลึ่งอะไรถึงเอาพี่เตี้ยไปเที่ยว ขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วรู้สึกจะเอาไปตอนกลางคืนด้วย มันต้งอมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน จริงๆ มันเป็นเรื่องหมาตายเพียงตัวเพียว แต่ทำไมทำเป็นเรื่องใหญ่ ผมต้องชมท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าท่านดูเกมแล้วมันดูได้ลึกซึ้งมาก เพราะว่ามันอาจจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะผมเองเมื่อฟังเหตุการณ์แล้ว ผมอ่านเรื่องราวต่างๆ แล้ว ผมมีความรู้สึกว่าสิบตำรวจโท ตชด.คนนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน การที่เอาหมาซึ่งเป็นแมสคอตออกไป แล้วเอาออกไปตอนกลางคืน แล้วขี่มอเตอร์ไซค์เอาออก อุ้มอย่างไรบนมอเตอร์ไซค์ผมไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าคุณทะลึ่งเอาหมาออกไปตอนกลางคืนทำไม แล้วคุณอ้างว่าคุณจะเอาหมาไปเที่ยว ไม่มีเหตุไม่มีผลเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าในสถาบันการศึกษาปัจจุบันนี้พอจะพูดได้ว่าแทบจะทุกสถาบันในประเทศไทย ไม่มีใครชอบรัฐบาล ไม่มีใครชอบทหาร ผมก็เลยกลัวว่าเรื่องนี้มันจะเป็นการจุดชนวนกันขึ้นมา เพราะฉะนั้นแล้ว แค่พี่เตี้ยตายไปตัวเดียว ทำให้ความเกลียดชังที่นักศึกษาเขามีต่อรัฐบาล และมีต่อทหาร ซึ่งมีอยู่แล้วดั้งเดิม จะต้องเกลียดชังมากขึ้นกว่าเก่าอีก เกลียดชังถึงขนาดที่เรียกว่าด่าพ่อล่อแม่ แม้กระทั่งหมา มันยังเอาไปฆ่า โน่นนี่นั่น ผมก็เลยเห็นว่าการที่ท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ท่านเป็นคนที่แพรวพราวมาก แสดงว่าท่านมองเกมออก ท่านไม่ได้กะจะช่วยใคร แต่ท่านกำลังจะทำความจริงให้ปรากฏ ถามสิบตำรวจโทว่า ลื้อรับงานใครมา หมอนี่ก็ยังปากแข็ง บอกว่าไม่ได้รับใครมา ไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งสิ้น มันตกจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วรถทับตาย แต่ปรากฏว่ากลุ่ม Watch Dog ก็ไม่ยอมแพ้ ก็ยังยืนยันว่าได้ยินเสียงปืน แล้วที่คอพี่เตี้ยก็รู้สึกว่าจะมีรูกระสุนปืนด้วย


เรื่องนี้ก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่ประเด็นไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก ประเด็นก็คือว่า ถ้าเป็นปกติธรรมดา ผบ.ตร.คนอื่น ก็ หมาตาย ไปยุ่งอะไร เผลอๆ อาจจะบอกว่าไปสนใจมันทำไม คนตายยังแก้ปัญหาไม่ได้ จะเอาเรื่องหมาตายเข้ามาอีก แต่เผอิญหมาที่ตายตัวนี้มันโยงใยไปหลายๆ เรื่อง มันโยงใยไปถึงความไม่สงบ ความไม่เรียบร้อย มันโยงใยไปถึงความไม่พอใจ อุปมาอุปไมยเหมือนกับว่าตอนนี้ความไม่พอใจของนักศึกษาที่มีต่อรัฐบาลและทหารมีมากพอแล้ว พี่เตี้ยก็คือไม้ขีดไฟจุดหนึ่งที่โยนลงไปแล้วลุกพรึ่บขึ้นมาทันที


สมมุติว่าท่าน ผบ.ตร.ไม่ลงไปจัดการและกำชับให้หาความจริงให้ปรากฏ ผมเรียนถามท่านผู้ชมว่าตำรวจท้องถิ่น สภ.ช้างเผือก จะสนใจไหม ก็บอกว่าโดนรถทับตาย ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรนี่ เตี้ยเป็นหมาที่เด็กนักเรียน มช.ทุกคนเป็นเจ้าของ ท่านผู้ชม ไม่ใช่หมาจรจัด ไม่ใช่หมาวัด เป็นหมาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเด็กมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทุกคน ทั้งศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่า เป็นเจ้าของพี่เตี้ยนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว โชคดีที่ ผบ.ตร.เป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เรื่องนี้ก็เลยดูว่ามันจะต้องออกมาในรูปแบบที่เอาความจริงมาตีแผ่ และตำรวจมีหน้าที่เค้นสิบตำรวจโทคนนี้ และผมอยากเห็นการพักราชการสิบตำรวจโทคนนี้ เหตุผลจากการที่ทำให้หมาตาย 1 ตัว ผมว่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากท่านผู้ชม อย่างน้อยที่สุดก็จะชี้ให้เห็นว่าแม้กระทั่งหมา 1 ชีวิต ก็ยังมีความหมายในโลกมนุษย์ แล้วผมจะพยายามติดตามข่าวเรื่องนี้มาแล้วจะมาเล่าเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ให้ท่านผู้ชมฟัง



ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรากำลังจะพูดเรื่องโควิด-19 แต่ไม่ใช่แค่เรื่องโควิด-19 เพราะว่าเรื่องโควิด-19 มันนำพาไปสู่ความขัดแย้งระหว่างอเมริกาและประเทศจีน และความขัดแย้งนี้มันกำลังจะเริ่มเป็นสงครามเย็นที่เข้มข้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลัง หลังจากที่โดนสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นคนโจมตีประเทศจีนมาตลอด วันนี้ถึงคราวที่ประเทศจีนจะต่อยกลับแล้ว แล้วไม่ใช่ต่อนกลับอย่างเดียว ความขัดแย้งระหว่างประเทศสองประเทศนี้มันถูกแทรกด้วยความทะเยอทะยานของนายทรัมป์ ที่ต้องการจะเป็นประธานาธิบดีรอบสอง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ ตอนปลายปี ความต้องการ ความทะเยอทะยานตรงนี้ก็เลยทำให้นายทรัมป์ ซึ่งปกติธรรมดาก็เป็นคนที่สติไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว กลายเป็นคนที่บ้าคลั่งไปเรียบร้อย และเมื่อผมอธิบายเรื่องราวนี้ต่อไป ท่านผู้ชมจะเห็นด้วยกับผมว่าตอนนี้ความเปราะบางของการเกิดสงครามอีกครั้งหนึ่ง มันยิ่งเปราะบางมากกว่าเก่า ผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่วันนี้ผมมีข้อมูลเพิ่มเติมมากมาย และชี้ให้เห็นจุดเปราะบางซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน




ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของโควิด-19 ล่าสุดก่อน โควิด-19 ล่าสุดอันดับ 1 ก็ยังเป็น America First อยู่ อเมริกามาอันดับ 1 อเมริกาตอนนี้มีคนติดเชื้อนี้อยู่ประมาณ 1.6 ล้านคน อันดับ 1 จริงๆ ไม่มีใครแซงได้ และคนที่ตายไปแล้วอีกไม่กี่พันก็ครบ 100,000 คน ผมเชื่อว่าไม่เกินอีกสักประมาณ 1 เดือน ยอดคนตายน่าจะขึ้นเป็นประธาน 150,000 คน และต่อไปจนถึง 200,000 กว่าคน ตามที่เขาคาดคะเนกันเอาไว้ และที่น่าสมเพชเวทนาที่สุด นายทรัมป์เห็นยอดคนตายขณะนี้ ยอดคนติดเชื้อขณะนี้ มันทะลึ่งพูดบอกว่า It's a badge of honor มันบอกว่าถือว่าเป็นเกียรติยศของมัน ท่านผู้ชมที่เคยเป็นติ่งอเมริกาและติ่งนายทรัมป์ ท่านจะว่าอย่างไรล่ะครับ ท่านเป็นติ่งคนที่สติสัมปชัญญะไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ สายพันธุ์อะไรผมก็ไม่รู้ แล้วท่านก็ยังเชียร์มัน ชมมัน แล้วก็มาด่าหาว่าผมอคติกับอเมริกา ไม่เป็นไรครับท่านผู้ชม




ที่มาแรงมากและแนวโน้มที่จะมาแรงมากๆ ที่สุดก็คือประเทศบราซิล บราซิลขณะนี้คนติดโควิด-19 กว่า 300,000 คนแล้ว ตายเฉียด 20,000 ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันพุ่งสูงขึ้นถึง 21,000 คน เท่าๆ กับอเมริกาแล้ว แล้วคนตายบางวัน อย่างเช่นเมื่อวานซืน ตายไป 1,000 คน ผมเชื่อว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แล้วถ้ายังเป็นประธานาธิบดีของบราซิลคนนี้ต่อไป บราซิลกับอเมริกาจะชิงที่ 1 ที่ 2 กันอย่างใกล้ชิด แล้วมันก็สมเหตุสมผล สมน้ำหน้า สมน้ำหน้าเพราะอะไร เพราะประธานาธิบดีบราซิลคนนี้เลียนแบบนายทรัมป์ โอหังและยะโส บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องป้องกันอะไรทั้งสิ้น ไม่ใส่หน้ากาก ไม่ทดสอบโน่นนี่นั่น ไม่มีการ keep เก็บระยะห่างทางสังคม Social Distancing ตามสบาย ใช้ชีวิตตามปกติ ท่านผู้ชมก็รู้ว่าคนบราซิลเป็นคนรื่นเริง ร่าเริง จะมีกิจกรรมสนุกสนานเยอะแยะไปหมด




ก็ปรากฏว่าประธานาธิบดีบ้าคนนี้ เป็นคนที่เดินตามนโยบายนายทรัมป์เป๊ะเลย แล้วตอนนี้บราซิล อีกหน่อยก็จะชิงกับอเมริกา เพราะฉะนั้นลักษณะตอนนี้ โควิด-19 เท่าที่เป็นไป อยู่ตรงนี้ ส่วนที่เหลือก็มีการติดเชื้อระบาดรอบที่สอง แต่เป็นรอบที่สองที่ระบาดขึ้นมาปั๊บ ก็ควบคุมเหตุการณ์ได้ทันที เพราะฉะนั้นแล้วไม่ร้ายแรงนัก เหมือนอย่างเกาหลี พอเปิดโรงเรียนปั๊บ มีโรงเรียนหนึ่ง มีเด็กติดเชื้อโควิด-19 เขาปิดโรงเรียนทันทีเลย ที่ผมกำลังกังวลคือประเทศไทยมากกว่า เพราะว่าถ้าเริ่มเปิดวันที่ 1 กรกฎาคม แล้ว ผมเห็นระบบของจีนที่ออกมาทางคลิปต่างๆ เขาระมัดระวังรักษามาก เด็กเดินไปที่หน้าโรงเรียน เด็กอนุบาล ต้องยกเท้า อาจารย์เอาแอลกอฮอล์พ่นเท้า พ่นรองเท้า เดินเข้าไป ถอดหน้ากากตัวเองออกแล้วทิ้งใส่ถังขยะ ใส่หน้ากากอันใหม่ แล้วเอามือแหย่เข้าไปในเครื่องมือที่ล้างมือ คือเขาทำอย่างนี้กับเด็กทุกคน คำถามคือว่า เราสามารถจะทำอย่างนี้กับเด็กทุกคนได้หรือเปล่า


เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับท่านผู้ชม ในขณะนี้ เอานายทรัมป์ก่อน ทำไมต้องพูดถึงนายทรัมป์ เพราะจะพูดถึงนายทรัมป์เพื่อจะโยงว่าทำไมนายทรัมป์ถึงทำเช่นนี้ แล้วจะเล่าให้ฟังว่า แล้วความขัดแย้งของมันเริ่มระอุขึ้นมามากน้อยแค่ไหน


นายทรัมป์เป็นคนที่ ... ผมให้คำจำกัดความกับคนๆ นี้ยากมาก เพราะถ้าจะบอกว่าเขาบ้า ผมว่ายังดูเบาไป มันเกิดเขตขอบของความบ้าไปแล้ว มันจะเป็นอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก คือไม่รู้จะให้คำจำกัดความของนายทรัมป์บ้านี้ว่าเป็นมนุษย์ประเภทไหน




ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ หมอนี่ ครั้งหนึ่งเคยให้ตรรกะกับสังคมอเมริกันว่า ถ้ายาเดทตอล (Dettol) หรือไลโซล (Lysol) ยาที่เราใช้ล้างห้องน้ำ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ถ้าน้ำยาพวกนี้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ทำไมเราไม่ฉีดไลโซลเข้าไปในตัวเองเพื่อให้มันไปฆ่าเชื้อโควิด-19 นายทรัมป์พูดอย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา แล้วก็ซีเรียส จนกระทั่งโดนก่นด่าทั่วอเมริกา แม้กระทั่งสาวกนายทรัมป์เองก็เหวอไปหมด พูดไม่ออกที่มีผู้นำแบบนี้ ทั่วโลกก็ด่า จนกระทั่งนายทรัมป์ต้องออกมาแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ แบบหน้าหนาๆ ว่าเขาล้อเลียน เขาล้อเล่นกับสื่อมวลชน เขาไม่ได้ล้อเล่นหรอกครับ เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ และจนทุกวันนี้นายทรัมป์ก็ยังกินยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) ก็คือยาแก้ไข้มาลาเรีย กินอยู่ทุกวัน ทั้งๆ ที่ อย.ของสหรัฐอเมริกา และนายแพทย์ชั้นนำ บอกว่ารักษาไม่ได้ นายทรัมป์ก็ยังกัดฟันกินอยู่ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า นี่คือบุคลิกลักษณะของนายทรัมป์


ผมเคยเล่าเรื่องของนายทรัมป์มาในอดีตแล้ว ใน EP.2-3 ครั้งที่แล้ว ผมจะไม่ทวนอีกครั้งว่าหมอนี่สับปลับอย่างไร โกหกอย่างไร โน่นนี่นั่น เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเรื่องสงครามเย็นระหว่างจีนกับอเมริกา ตอนนี้สงครามเย็นระหว่างจีนกับอเมริกามันเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ





ทั้งหมดนี้ตั้งแต่นายทรัมป์ชมสี จิ้นผิง ว่าจัดการกับโรคโควิด-19 ได้ดี เพราะนายทรัมป์ไม่คิดว่าในอเมริกาจะมี ก็เลยชมสี จิ้นผิง แต่พออเมริกาเริ่มมี แล้วพอเริ่มมีตั้งแต่เดือนมกราคม แล้วนายทรัมป์ไม่ทำอะไรเลย มกราคม-กุมภาพันธ์ สองเดือนเต็มๆ มารอถึงเดือนมีนาคม ถึงเริ่มขยับ นี่คือจุดอ่อนที่ทำให้นายทรัมป์โดนโจมตีมาตลอด แม้กระทั่งสาวกของนายทรัมป์เองก็ไม่สามารถจะแก้ต่างให้นายทรัมป์ได้ เพราะฉะนั้นพอเข้ามีนาคมแล้ว นายทรัมป์ ตายล่ะสิ คนที่ติดโควิด-19 เยอะเหลือเกิน มหานครนิวยอร์ก คนตายเป็นร้อยเป็นพัน เป็นแสน หลักแสน แล้วคนก็พูดถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ ทำไมถึงไม่ทดสอบ ไม่เทสต์ ไม่ตรวจสอบ โรงพยาบาลมีไม่พอ ชุดเครื่องช่วยหายใจมีไม่พอ คือไม่ได้เตรียมตัวอะไรไว้เลยแม้แต่นิดเดียว นายทรัมป์ ก็คือนายทรัมป์ สันดานดิบเกิดขึ้น ก็คือว่าต้องหาแพะรับบาป วันๆ ก็เลยออกมาด่าจีน ด่าจีนตลอดเวลาว่า Chinese Virus บ้าง Wuhan Virus บ้าง ด่าจนกระทั่งจีนก็ค่อยๆ ตอบโต้อย่างสุภาพไปเรื่อยๆ



นายทรัมป์ทำเช่นนี้เพราะอะไร นายทรัมป์ทำเช่นนี้ก็เพราะว่านายทรัมป์ต้องการที่จะโยนความผิดไปให้คนอื่น แล้วตัวเองก็จะได้คะแนนเสียงในการได้รับการเลือกตั้ง แต่เผอิญเขาโชคร้าย เพราะเขามีคู่แข่งชื่อไบเดน และเขาพูดจาโกหกมาตลอด ก็เลยทำให้คะแนนของนายทรัมป์ในการทำประชามติ ทำโพลออกมาครั้งหลังสุด คะแนนนายทรัมป์ตามนายไบเดนอยู่ 8 จุด ในการรับสมัครแข่งขันการเลือกตั้ง ถ้าตามอยู่ 8 จุด ต้องถือว่าตามอยู่มาก ห่างกันพอสมควร ธรรมดาเขาจะแพ้-ชนะกันไม่เกิน 2-3 จุด หรือ 4 จุด นี่ตามอยู่ 8 จุด เพราะฉะนั้นนายทรัมป์เมื่อโจมตีทางจีนแล้วไม่พอ ก็เลยเอาจีนเป็นศัตรูทันทีเลย ด้วยการออกมาตรการต่างๆ ก็โจมตีว่าไวรัสชนิดนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เกิดขึ้นในห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย แต่นายทรัมป์ และนายไมค์ พอมเพโอ ก็ยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนว่ามีหลักฐานเยอะแยะไปหมด ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า Enormous คือมหาศาล เป็นหลักฐานมหาศาลที่พิสูจน์ได้ว่าไวรัสนี้เกิดจากห้องแล็บในอู่ฮั่น แต่ว่าพูดออกมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ไม่แสดงหลักฐานอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แม้แต่อย่างเดียว เพราะฉะนั้นตอนนี้นายทรัมป์ก็เลย ... เมื่อเอาจีนเป็นแพะรับบาปแล้ว ก็ต้องกระทืบจีนต่อไป นี่ผมพูดตามข้อเท็จจริง ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้พูดเพื่ออวยใคร หรือไม่ได้พูดเพื่อทำลายใคร นายทรัมป์มันบ้า และมันก็บ้าจริง จีนโดนกระทืบ จีนก็โดนกระทืบจริง ตอนนี้ก็เลยไปกระโดดเหยียบองค์การอนามัยโลก หาว่าองค์การอนามัยโลกร่วมมือกับจีน แล้วก็ออสเตรเลีย กับอเมริกา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อเมริกาเป็นนายอำเภอโลก ออสเตรเลียก็เป็นผู้ช่วยนายอำเภอ ก็ร่วมมือกันยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบ องค์การอนามัยโลกต้องตรวจสอบว่าโคโรนาไวรัสมีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อจีน แต่เข้าใจตรงกันว่าเป็นการโยนไปที่จีน และคนที่เริ่มเกมนี้ก็คือออสเตรเลีย




อเมริกาโยนความผิดให้จีนก็ยังไม่พอ ตอนนี้อเมริกาเริ่มก้าวไปสู่การเมืองระหว่างประเทศ ความขัดแย้งระหว่างประเทศจีนกับไต้หวัน โดยอเมริกาจะหนุนเพื่อให้เกิดความขัดแย้งที่ช่องแคบไต้หวันให้รุนแรงหนักขึ้น ก็คือว่าจะทำทุกอย่าง จะสร้างเรื่องขึ้นมาที่ช่องแคบฮอร์มุซ ที่อ่าวเปอร์เซีย จะสร้างเรื่องมาที่เมืองเวเนซุเอลา จะสร้างเรื่องมาที่ไต้หวัน จะสร้างเรื่องมาที่เกาะสแปรตลีย์ ก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้คนละทิ้งเรื่องไวรัสโคโรนา แล้วหันมาสนใจในเรื่องนี้ ความสนใจความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ นายทรัมป์ทำอย่างไร นายทรัมป์ก็รู้อยู่แก่ใจว่าประเทศจีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน เรื่องอะไรคุยกับจีนได้หมด ยกเว้นเรื่องเดียว เป็นเรื่องที่คอขาดบาดตาย ที่จีนไม่มีวันยอมก็คือ การที่จะไปหนุนให้ไต้หวันประกาศตนเป็นเอกราช เผอิญจังหวะพอดีที่นางไช่ อิงเหวิน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีครั้งที่ 2 แล้วก็โชคดีที่เผอิญมีมาตรการควบคุมโควิด-19 ได้ดีมาก จนกระทั่งไต้หวันเป็นตัวอย่างของโลกประเทศหนึ่ง ต้องถือว่าเป็นอันดับ 1 ในการแก้ไขโควิด-19 ได้อย่างเด็ดขาด



นางไช่ อิงเหวิน ก็เลยได้ผลประโยชน์อีกตัวหนึ่งจากการประท้วงกันที่ฮ่องกง นางไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวัน ก็เลยชี้ให้โลกเห็นว่าฮ่องกงคือ 1 ประเทศ 2 ระบบ โดยที่จีนเป็นคนกำหนด ไม่เวิร์ก เพราะฉะนั้นไต้หวันไม่เอาด้วย นายทรัมป์ได้จังหวะ เห็นไช่ อิงเหวิน กำลังได้สาบานตนแล้วเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก็เลยเริ่มส่งสัญญาณว่าจะผลักดันให้ไต้หวันเข้าไปเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้น ถ้าสมมุติได้หวันได้เข้าไปจริง และเป็นสมาชิกจริง จุดต่อไปก็คือ ไต้หวันก็จะถูกผลักดันเข้าไปเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ก็เท่ากับว่า จีนจะมีสองประเทศ ซึ่งผมจะเรียนให้ท่านผู้ชมฟัง เรียนด้วยความสัตย์จริงว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่จีนไม่ยอม และจีนพร้อมที่จะยกพลขึ้นบก หรือถล่มไต้หวัน หรือใช้กำลังเข้ายึดไต้หวันอย่างแน่นอนที่สุด และนี่คือที่มาของการซ้อมรบของจีน


จีนซ้อมรบที่ทะเลป๋อไห่ โดยใช้อาวุธจริง มีทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน มีทั้งเรือฟรีเกต มีขีปนาวุธ มีทั้งเรือรบ มีการยกพลขึ้นบก ท่านผู้ชมรู้ไหมจีนซ้อมรบใช้เวลาตั้งเป้าไว้กี่วัน? 70 วัน ท่านผู้ชมเคยเจอการซ้อมรบอะไรไหมที่นานถึง 70 วัน เบื้องหลังที่แท้จริงนั่นคือการเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งที่จะถูกพลิกผันให้กลายเป็นสงครามได้ โดยที่อเมริกาอยู่ที่ไต้หวัน ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าเรื่องนี้มันเปราะบางมาก และในขณะเดียวกัน อเมริกาก็ส่งเรือพิฆาต ชื่อ ยูเอสเอสแบร์รี ผมเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วใน EP. ที่แล้ว หรือ 2 EP. ที่ผ่านมา เข้าไปล่วงละเมิดเขตของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งจีนถือว่าเป็นเกาะของเขา จีนก็เลยประท้วงสหรัฐอเมริกาอย่างรุนแรงที่สุด ค่อนข้างจะรุนแรง นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ


นอกจากนั้นแล้ว เป็นครั้งแรกที่อเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มก้าวเข้าไปสู่การค้าที่รุนแรงกว่าเก่า สมัยก่อนนั้น ทุกวันนี้อเมริกาเก็บภาษีสินค้าจีน 25 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้นายทรัมป์มาพูดแล้วว่า น่าจะเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ จะสูงกว่านั้น คือจะเก็บสูงเท่าไรไม่สำคัญ ปรากฏว่าคนที่โชคร้ายคือบริษัทอเมริกาต่างหาก ซึ่งสั่งสินค้าจีนเข้ามา ก็ต้องขาดทุนมากขึ้น หรือจะไปสั่งสินค้าจากที่อื่น ก็ไม่มีแหล่งผลิตที่จะผลิตมาป้อนความต้องการของอเมริกาได้ แม้กระทั่งสินค้าเวชภัณฑ์ ที่นายทรัมป์ประกาศว่าจะให้ประเทศอเมริกายืนบนลำแข้งของตัวเอง แทนที่จะสั่งจากจีน ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ยาแอนติไบโอติก เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ อเมริกาสั่งจากจีนทั้งสิ้น เพราะว่าอเมริกาสร้างโรงงานผลิตยาแอนติไบโอติกแล้วไม่คุ้ม แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชภัณฑ์ในอเมริกากลับออกมาเตือนประเทศของตัวเองว่า กว่าคุณจะมีโรงงานแบบนี้แล้วผลิตสินค้าเข้ามาทดแทน สินค้าเวชภัณฑ์เข้ามาทดแทนการไม่สั่งเข้าจากจีน คุณต้องใช้เวลา 5-8 ปี แล้วช่วงนี้คุณจะใช้อะไร นายทรัมป์บ้าก็เลยคิดแผนออกมา คิดแผนที่จะตัดห่วงโซ่อุปทาน



ผมอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังแล้วนะ ห่วงโซ่อุปทาน ก็คือ Supply Chain ก็คือแหล่งที่ผลิตสินค้าองค์ประกอบต่างๆ เพื่อส่งกลับไปประกอบ โดยที่อเมริการะบุชัดเจนเลยว่าจะต้องตัดห่วงโซ่อุปทานที่ไปตั้งโรงงานที่จีน ไปยังประเทศต่างๆ ดังต่อไปนี้ มีออสเตรเลีย มีนิวซีแลนด์ มีเกาหลีใต้ มีเวียดนาม เพราะฉะนั้นแล้ว 4-5 ประเทศนี้ซึ่งใกล้ชิดกับสหรัฐฯ คือพูดง่ายๆ ว่า ตอนนี้กูทะเลาะกับมึง กูขึ้นภาษีมึง มึงไม่กลัว ตอนนี้กูจะทำลายเศรษฐกิจของมึงให้พังหมดเลย วิธีทำลายเศรษฐกิจที่กูจะทำก็คือว่า โรงงานต่างๆ ซึ่งผลิตทุกอย่างนี่้ ให้ถอนออกมา แล้วก็ร่วมมือกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นถึงกับประกาศว่าจะให้เงินทุน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 30,000 กว่าล้านบาท เพื่อจะเอาเงินทุนก้อนนี้ให้กับบริษัทญี่ปุ่นที่จะย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนออกมา


ท่านผู้ชมครับ ทันทีที่มีข่าวนั้นออกมา โตโยต้า มอเตอร์ส ซึ่งมีโรงงานอยู่ในประเทศจีน ยืนยันว่า จะไม่ออกจากประเทศจีน และก็ประธานหอการค้าอเมริกัน-จีน ซึ่งเป็นคนฝรั่ง ก็ยืนยันมาชัดเจนว่าหลังจากมีนโยบายนี้ออกมาปั๊บ จากนายทรัมป์ ความเคลื่อนไหวของบริษัทอเมริกันที่ไปลงทุนในเรื่องของการผลิตในประเทศจีน เพื่อเข้าสู่วงจรห่วงโซ่อุปทาน แทบจะไม่มีการขยับเคลื่อนไหว ก็คือว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังอยู่ในประเทศจีนเหมือนเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว


น่าสนใจอย่าง ข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจมาก ในช่วงเหตุการณ์ของการส่งออกไตรมาสที่ผ่านมานี้ ปรากฏว่ายอดส่งออกของจีนสูงขึ้นกว่าเก่า 50 เปอร์เซ็นต์ ใครซื้อรู้ไหม? ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ ซื้อของจีนจากมากขึ้นกว่าเก่า


ทีนี้นายทรัมป์ทำอย่างไร สเตปต่อไปที่นายทรัมป์จะทำก็คือ นายทรัมป์ก็ประกาศเลย บอกว่าจากนี้ไปไมโครชิปที่ประเทศจีนต้องซื้อมา ไมโครชิประดับสูงที่แพงๆ ซื้อมาใส่ในอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นนู่นเป็นนี่ ห้ามส่งออกไปประเทศจีนเด็ดขาด เพราะว่าอเมริกาต้องการจะบล็อกหัวเว่ย ท่านผู้ชมเคยสงสัยไหมว่าทำไมอเมริกาถึงต้องบล็อกหัวเว่ย ผมจะเล่าให้ฟัง



ท่านผู้ชมเคยสงสัยไหมว่าทำไมกูเกิล แอปเปิล เฟซบุ๊ก ถึงยอมเปิดบริการหลายบริการฟรี GPS เดี๋ยวนี้ให้ใช้ฟรีแล้ว นี่คือการสะสมข้อมูลของประชากรทั่วโลก เมื่อสะสมข้อมูลของประชากรทั่วโลกแล้ว จะได้เรียนรู้ถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ แล้วก็จะได้กำหนดได้ว่าประเทศนี้ชอบใช้แบบนี้ แล้วจะขายของอะไรให้ดี รวมทั้งสะสมข้อมูลส่วนบุคคลด้วย ทีนี้ถ้าหัวเว่ยเกิดขึ้นมา แสดงว่าอะไร? แสดงว่าในที่สุดแล้ว เนื่องจาก 5G ทำงานได้เหมือนกับไว-ไฟ ในระดับซูเปอร์แม็กซ์ มันก็จะกลายเป็นว่า 5G จะเป็นคู่แข่งกับการสะสมข้อมูลของอเมริกา ซึ่งอเมริกาผูกขาดอยู่คนเดียว ในที่สุดแล้วข้อมูลที่ผูกขาดนี้ก็จะถูกแบ่งปันไปให้หัวเว่ยในระบบ 5G นั่นคือเหตุผลว่าทำไมอเมริกาถึงกระฟัดกระเฟียด ฟาดฟันหัวเว่ย ว่าไม่ให้ประเทศโน้นติดตั้ง เพราะถ้าหัวเว่ยเกิดขึ้นที่อังกฤษ หัวเว่ยเกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส หัวเว่ยเกิดขึ้นที่สิงคโปร์ หัวเว่ยเกิดขึ้นที่เอเชีย ก็หมายความว่าหัวเว่ยเป็นคู่แข่งในการสะสมข้อมูลของคนที่ใช้กิจการพวกนี้ มาแข่งขันกับอเมริกาแล้ว


ทีนี้ หัวเว่ยทำอย่างไร? หัวเว่ยก็ต้องเร่งพัฒนาชิปของตัวเอง ในเรื่องชิปนั้น จีนยังสู้อเมริกาไม่ได้ อเมริกายังมีชิปที่เขาเรียกว่าชิปไฮเอนด์ (hi-end) ระดับสูงอยู่ แต่หัวเว่ยก็พยายามที่จะพัฒนาต่อไป ซึ่งผมคิดว่าอีกไม่กี่ปีหัวเว่ยก็ทำได้ หรือประเทศจีนก็ทำได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงอุปสรรคชั่วคราว แต่ผมจะชี้ให้เห็นว่าสงครามเย็นมันระบาดจากกำลังทหารมาเป็นการค้า และมาเป็นเทคโนโลยี โดยมีการบล็อกหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมจะเห็นได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มากในขณะนี้ เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ เรื่องจีนซ้อมรบที่ทะเลป๋อไห่ ตลอดจนจีนเตรียมพร้อมซ้อมรบด้วยอาวุธจีน ของจริง อเมริกา นายทรัมป์ทำอย่างไรต่อ นายทรัมป์ก็เลยออกมาประกาศ คุยโวโอ้อวดถึงเรื่องอาวุธตัวใหม่ของอเมริกา นั่นก็คือว่า ทรัมป์เป็นคนพูดว่าอเมริกาสามารถผลิตขีปนาวุธซึ่งมีความเร็วเรียกว่า ไฮเปอร์โซนิค ไม่ใช่ซูเปอร์โซนิคแล้วนะ คือมีความเร็วกว่าเสียง 27 เท่า 27 เท่าแปลว่าอะไร? แปลว่าขีปนาวุธอะไรก็ตามที่เคยยิงแล้วไปในระยะทาง 25,000 กิโลเมตร 27 เท่าก็คือใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เพราะฉะนั้นแล้วอเมริกากำลังบอกว่าถ้าฉันยิงจรวดจากอเมริกามาถึงประเทศจีน ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว สมัยก่อนขีปนาวุธต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง จึงจะไปถึงที่ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งมีเวลาเตรียมตัว



แต่ว่าเมื่อเราเช็กเข้าไปในเว็บไซต์เรื่องอาวุธ เรื่องเทคโนโลยีทางการสงครามแล้ว ก็ปรากฏว่ามีรายงานข่าวมานานแล้วว่าจีนและรัสเซียมีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคมานานแล้ว พอสมควร หลายปีแล้ว และขีปนาวุธของจีนและรัสเซียนั้นเร็วกว่าเสียง 17 เท่า เพราะฉะนั้นแล้ว คนเขียนบทวิเคราะห์ซึ่งเป็นฝรั่ง ค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่นายทรัมป์พูดว่า 27 เท่า นั้นคือการโม้ เพราะฉะนั้นก็เอาเป็นว่าเท่าจีน เท่ารัสเซีย 17 เท่า เพราะฉะนั้นแล้วต่างฝ่ายต่างมีอาวุธที่ฆ่าคนตายได้หมด อเมริกาจะทำอย่างไรตอนนี้



ทีนี้ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวจีนเหมือนอย่างที่ผมติดตาม จะเห็นว่าจีนธรรมดาเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ออกมาซี้ซั้วทะเลาะกับใคร ไม่เคย อย่างมาก็ออกมาตอบโต้เฉยๆ อย่างเช่นมากล่าวหาว่าจีนจะต้องชดใช้ค่าเสียหายอันโน้นอันนี้ ชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากจีนเป็นต้นเหตุของโควิด-19 จีนก็ออกมาตอบโต้แบบนิ่มๆ ว่าแล้วโรคเอดส์ (HIV) มันเกิดที่อเมริกา แล้วโรค H1N1 เกิดที่อเมริกาแล้วระบาดไปทั่วโลก ถามว่าอเมริกาไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โลกเหรอ นี่คือวิธีการตอบโต้ของจีน หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ทางการเงินอเมริกาที่มันล่มสลาย ทำให้ระบบการเงินในโลกพลอยล่มสลายไปด้วย จีนก็ถามว่า อเมริกาไม่ต้องชดใช้หรือ นี่คือวิธีการตอบโต้ แต่ล่าสุด จีนเปลี่ยนสถานภาพการตอบโต้ใหม่แล้ว เป็นการตอบโต้แบบแข็งกร้าว แข็งกร้าวอย่างไร? จีนพูดชัดเจน เป็นครั้งแรก โดยนายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กระทรวงต่างประเทศจีนถ้าแถลงออกไปแล้ว นั่นคือนโยบายของรัฐบาล นั่นคือข้อคิดเห็นของ Politbureau นั่นคือความเห็นและได้รับการอนุมัติ ไฟเขียวมาจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง



นายเกิง ชวง พูดอย่างไรรู้ไหม? เขาพูดท้าทายอเมริกา เป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาท้าทายอเมริกา เขาท้าทายอย่างไร? เขาบอกว่า กองทัพจีนมีกำลังพล 2 ล้านคน ไม่ใช่ไม้ประดับ ส่วนขีปนาวุธตงเฟิงของจีนไม่ได้พัฒนามาเพื่อโอ้อวดใคร เป็นขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคเร็วกว่าเสียง 17 เท่า ติดอยู่ชายฝั่งทะเลจีนหมด จำนวนไม่รู้ แต่มากพอจะถล่มกองเรือที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่โอกินาวา และเกาะกวม ให้ราบคาบได้ หลังจากนั้น นายเกิง ชวง ก็พูดต่อ เรือดำน้ำจีนไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อท่องเที่ยวใต้ทะเล แต่ถูกสร้างมาเพื่อต่อกรกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ


ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนอ่านหนังสือกำลังภายใน สำนวนที่นายเกิง ชวง พูดนั้น ถ้าแปลเป็นสำนวนจอมยุทธ์ในกำลังภายในก็คือว่า มึงแน่จริง มึงก็ไสม้าเข้ามา ก็คือบอกนายทรัมป์ บอกทหารอเมริกันว่า มึงแน่จริง มึงมา เป็นครั้งแรกที่กระทรวงการต่างประเทศจีนพูดจาท้าทายจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัด ถ้าถามว่าจีนพร้อมจะรบ พร้อมจะปะทะอเมริกาไหม ผมยืนยันได้ว่าเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้


ซ้อมรบ 70 วัน ทะเลป๋อไห่ อาวุธทุกอย่างพร้อมหมด ขีปนาวุธตงเฟิง ซึ่งเป็นไฮเปอร์โซนิค ติดอยู่ริมชายฝั่งของจีน สามารถยิงจากริมชายฝั่งจีนไปถล่มเกาะกวมและไปถล่มโอกินาวา ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพของอเมริกา หรือกองเรือที่ 7 หรือกองเรือที่ 7 ของอเมริกาพอขยับเคลื่อนมาก็โดนอย่างแน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าสมมุติว่าอเมริกาแสดงทีท่าที่จะยุยงส่งเสริมให้ไต้หวันเป็นกบฏต่อจีน ท่านผู้ชมเชื่อผมสิ ผมพนันได้เลยว่าถ้าวันนั้นเกิดขึ้น จีนแค่กดปุ่มเฉยๆ ขีปนาวุธทั้งหลายก็มาถล่ม แต่ไม่ใช่ทั้งเกาะไต้หวันนะ จะถล่มที่มั่น ที่ตั้ง สนามบิน ไม่ว่าจะสนามบินจงซาน เป่ยโถว สนามบินของไต้หวัน และที่จอดเครื่องบิน ที่พักทหาร ค่ายพักทหาร ค่ายต่างๆ ของทหาร ของไต้หวัน คือทำลายให้หมดทีเดียวเลย โดยอาจจะไม่ต้องยิงเข้าไปสู่เมือง จีนพร้อมอยู่แล้วตอนนี้ รอว่าอเมริกาทำอะไร และไช่ อิงเหวิน ก็รู้ นายทรัมป์ก็รู้ แต่มันเป็นคนเฉาฉุ่ย ปากเสีย ชอบคุยโวโอ้อวด มันยังไม่พอเท่านี้ จีนก็เลยตบหน้าอเมริกาด้วยการสั่งห้าม ไม่ให้โทรศัพท์แอปเปิลเข้ามาขายในประเทศจีนอีกต่อไป แอปเปิลเจ๊กอั๊ก เพราะว่ายอดขายแอปเปิล 17 เปอร์เซ็นต์ ขายอยู่ในจีน



ส่วนห้ามชิปควอลคอมม์ ก็คือว่า คนที่ผลิตไมโครชิปที่เคยขายให้ตลาดจีน ก็ไม่ต้องขายแล้ว เพราะจีนไปเอาจากที่อื่น และที่เจ็บปวดที่สุด จีนประกาศไม่สั่งซื้อโบอิ้ง จีนเป็นประเทศเดียวในโลกนี้ที่สั่งซื้อโบอิ้งล่วงหน้าเป็นพันเครื่อง หลายร้อยเครื่องจนถึงพันเครื่อง โบอิ้งเป็นอุตสาหกรรมการบินที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา กำลังจะล้มละลาย งานนี้ได้ล้มละลายอย่างแน่นอน




นอกจากนั้นแล้ว จีนก็ได้รุกมาอีกก้าวหนึ่ง ตบหน้าออสเตรเลียที่ไปเป็นผู้ช่วยอเมริกาในการยุยงส่งเสริมให้มีการตรวจสอบจีน ให้องค์การอนามัยโลกมาตรวจสอบจีนในเรื่องจุดเริ่มต้นของโควิด-19 ด้วยการสั่งระงับการนำเข้าของเนื้อวัวของออสเตรเลีย เนื้อวัวประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ของยอดผลิตเนื้อวัว ยอดส่งออกเนื้อวัว 20-30 เปอร์เซ็นต์ในออสเตรเลีย ส่งมาที่จีน ก็เท่ากับว่าออสเตรเลียตลาดเนื้อวัวหายไปแล้ว แล้วยังไม่พอ เพิ่มภาษีอีก 80 เปอร์เซ็นต์ กับข้าวบาเลต์ของออสเตรเลีย ท่านผู้ชมสังเกตอะไรไหม ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวต่างประเทศ ท่านผู้ชมจะเห็นว่าเมื่อจีนตบหน้าออสเตรเลียด้วยเรื่องการค้าแบบนี้ ออสเตรเลียต้องพึ่งจีนมาก ท่านผู้ชมครับ นักการเมืองออสเตรเลียปิดปากเงียบสนิท ไม่กล้าพูดมาสักแอะ จากกาลสมัยก่อนวิจารณ์จีนมาก วิจารณ์ซ้าย วิจารณ์ขวา ด่าจีนโน่นนี่นั่น วันนี้พอเจอของจริงเข้ามา ท่านผู้ชมครับ ไม่มีอะไรสำคัญกับฝรั่งเท่ากับเงินในกระเป๋าหายไป เงินที่เคยได้ก็หายไป ตอนนี้ท่านผู้ชมจะเห็นว่าจุดแตกหักของอเมริกากับจีนเริ่มมาแล้ว



อีกจุดหนึ่งที่ผมไม่พูดไม่ได้ จะต้องเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง คือ ตะวันออกกลาง อเมริกาในขณะนี้ อิหร่านได้ส่งเรือบรรทุกน้ำมัน 5 ลำ ส่งมาเพื่อให้เวเนซุเอลา เวเนซุเอลาก็เป็นประเทศที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอเมริกา อเมริกาพยายามล้มล้างประธานาธิบดีมาดูโรมาหลายครั้งแล้ว ทำไม่สำเร็จสักที โดยได้รับความช่วยเหลือจากประเทศโคลัมเบียซึ่งอยู่ติดเวเนซุเอลา โคลัมเบียนี่ก็คือลูกไล่ของสหรัฐอเมริกา ถ้าจะพูดไปอย่างหยาบๆ หน่อยก็คือไข่ใบหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้ว โคลัมเบียก็เลยเป็นฐานผู้ก่อการร้ายที่เข้ามาก่อกวนในเวเนซุเอลา ถึงกับล่าสุด ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวจะเห็นว่าอเมริกา โดย CIA อยู่เบื้องหลัง ส่งทหารรับจ้างเข้ามาขึ้นฝั่งที่เวเนซุเอลาเพื่อไปลอบสังหารมาดูโร แล้วโดนจับได้หมดเลย แล้วใน 2-3 คนที่ขึ้นมานั้น อดีตเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งแน่นอนที่สุดก็ต้องปฏิเสธกันไป แต่เวเนซุเอลาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในอเมริกาใต้ เพราะว่าในอเมริกาใต้นั้น จะมีเวเนซุเอลา มีคิวบา ซึ่งเป็นหนามยอกอกของอเมริกาในขณะนี้



เอาล่ะ เรือบรรทุกน้ำมัน 5 ลำ ที่จะมาถึง ตอนนี้ออกมาจากช่องแคบยิบรอลตาร์แล้ว อีกไม่เกิน 5 วัน หรือ 7 วัน หลังจากที่ผมออกรายการวันนี้แล้ว อาทิตย์หน้าเป็นช่วงที่วิกฤตที่สุด คืออยากจะรู้ว่าอเมริกาจะไปยึดเรือน้ำมันของอิหร่านหรือไม่ เหมือนกับที่อังกฤษเคยทำมา งวดนี้อิหร่านรู้ตัวเอง ฟ้องสหประชาชาติก่อน ว่าอเมริกาจะทำตัวเป็นโจรสลัดโดยเข้าไปยึดเรือน้ำมันบนเส้นทางเดินเรือในมหาสมุทร ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของอิหร่านที่จะเดินเรือ อิหร่านตอบอย่างนี้ครับท่านผู้ชม ว่า ถ้าอเมริกายึดจริง สงครามเกิดแน่ ท่านผู้ชมครับ ระหว่างอิหร่าน อเมริกา เมื่อสงครามเกิดขึ้นแล้ว อิหร่านแพ้แน่นอน แต่อเมริกาจะบาดเจ็บสาหัส ผมเชื่อว่าด้วยขีปนาวุธที่อิหร่านเตรียมตัวมาแล้ว ท่านผู้ชมจำคำพูดผมไว้อย่างหนึ่ง อิหร่าน จีน รัสเซีย เตรียมรบกับอเมริกามาเป็นปีแล้ว ฝึกซ้อมมาตลอด ฝึกซ้อม เช็กมาหมดเลย อเมริกาอยู่ที่ไหน อเมริกาเวลามียุทธการแล้วจะใช้กองเรือเดินมาอย่างนี้ ฉะนั้นควรจะตั้งขีปนาวุธที่ไหนๆๆ เขาทำมาเป็นปีแล้ว เพราะเขารู้ว่าสงครามที่จะเกิดขึ้นกับอเมริกานั้นมันเป็นสิ่งที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นเตรียมตัวเอาไว้ก่อนดีกว่า


ด้วยเหตุนี้ อิหร่านบอกเลย ชัดเจนว่า ถ้ามีสงครามกับอเมริกาเมื่อไร อิหร่านเจ็บตัวแน่ เจ็บหนักด้วย แต่กองเรือที่ 5 ของอเมริกาที่อยู่ในตะวันออกกลาง ก็จะพังทลาย และถ้ากองเรือที่ 7 อยู่ในเอเชียแปซิฟิกพัง กองเรือที่ 5 อยู่ในตะวันออกกลางพัง เท่ากับอเมริกาสูญเสียกองเรือ แล้วอเมริกาในขณะนี้ การแผ่ขยายอำนาจก็คือพึ่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินพวกนี้ กองเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกามีอยู่ 3 ตัว 5-6-7 6 อยู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถูกรัสเซียเช็กเอาไว้ ขยับไม่ได้ 5 จะถูกอิหร่านเช็ก 7 จะถูกจีนเช็ก มันก็เลยทำให้ผมเชื่อว่าถ้าอเมริกายึดเรือพวกนี้ แล้วความขัดแย้งเกิดสงครามขึ้นเมื่อไร สิ่งที่อิหร่านจะทำคือ อิหร่านจะยิงขีปนาวุธไปทำลายฐานทัพอเมริกาในตะวันออกกลางทั้งหมด รวมจนถึงฐานทัพอากาศอเมริกาที่อยู่ในเมืองบาห์เรน จะต้องถูกถล่มทลายหมดเลย และถ้าตุรกีแหยมขึ้นมา อิหร่านก็จะยิงเข้าไปสู่ฐานทัพอเมริกาที่อยู่ในตุรกีเช่นกัน เพราะอะไรผมจะเล่าให้ฟัง ด้วยความเคารพในศาสนาอิสลาม



ในนิกายชีอะฮ์ พระผู้เป็นเจ้าท่านเขียนเอาไว้เลยว่า อิหร่านจะต้องล่มสลายก่อน ต้องมีการตายเป็นเบือก่อน แล้วอิหม่ามมะฮฺดี ซึ่งเปรียบเสมือนพระผู้เป็นเจ้าของนิกายชีอะฮ์ จะเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และจะมาโปรดคนอิสลาม เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าคนอิหร่านตอนนี้อยากตายกันทุกคน พวกทหาร พวกที่เชื่อในคัมภีร์โบราณว่าอิหม่ามมะฮฺดีจะเกิดมาหลังจากที่มีการตายและการล่มสลายของอาณาจักรเปอร์เซีย ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมสู้อะไร สู้เรื่องศรัทธาไม่ได้นะ จิตใจของคนอิหร่านที่สู้กับอเมริกาน่ะ พร้อมตาย ยินดีที่จะตาย เพราะรู้ว่าถ้าตายแล้วอิหม่ามมะฮฺดีจะต้องเกิดขึ้น และเขาเชื่อของเขาอย่างนั้นจริงๆ ผมถามท่านผู้ชมว่า ทรัมป์รู้เรื่องนี้บ้างไหม เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นความเปราะบางของเรื่องราวต่างๆ พวกนี้เกิดขึ้น โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นมันค่อนข้างจะสูงมาก


ท่านผู้ชมครับ อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นสงครามกำลังสู้กันก็คือเรื่องเงินหยวน ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วใช่ไหมว่าอเมริกามันอยู่ได้เพราะความกว้างใหญ่ไพศาลของเงินดอลลาร์ แต่ช่วงหลังผมเรียนท่านผู้ชมแล้วว่าเงินดอลลาร์กำลังจะกลายเป็นแบงก์กงเต็ก เพราะเดี๋ยวนี้การซื้อน้ำมัน การซื้อสินค้า ประเทศจีนมีข้อตกลงกับบริษัทบางบริษัทในออสเตรเลีย อย่างเช่นบริษัท BHP Billiton ซึ่งขายแร่ธาตุให้กับทางจีน และอีก 2-3 บริษัท บริษัท Tinto ในออสเตรเลีย หลายบริษัทตกลงซื้อขายกับจีนโดยใช้เงินสกุลหยวน ไม่ได้ใช้ดอลลาร์แล้ว แล้วหลายประเทศที่ซื้อน้ำมันกับอิหร่านก็ใช้สกุลหยวน แม้กระทั่งซาอุดีอาระเบีย ตอนนี้ก็เริ่มยินดีที่จะรับเงินหยวน



เพราะฉะนั้น Petrodollar ซึ่งแต่ก่อนบังคับว่าใครจะซื้อน้ำมันต้องใช้ดอลลาร์ซื้อ เมื่อใช้ดอลลาร์ซื้อแล้วตัวนี้จะเป็นฐานที่จะรองรับไม่ให้เงินดอลลาร์อ่อน ก็จะเริ่มคลายหายไปๆๆ มันจะไม่เกิดขึ้นทันที แต่มันกำลังพิสูจน์ว่าเงินดอลลาร์ไม่ใช่เงินเจ้าโลกอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เงินหยวนในขณะนี้จีนก็รุกแบบนี้ อเมริกาก็รุกกลับ จีนก็รุกกลับ คำถามคือ แล้วจะมีการรบกันหรือไม่ นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมอธิบายให้ฟังว่าทุกอย่างตอนนี้มันเปราะบางมาก มันเปราะบางจริงๆ


และที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมครับ มันมีหน่วย Think tank ชื่อ RAND มีชื่อมาก เป็นสำนักนักคิดที่มีผู้ที่มีองค์ความรู้ต่างๆ มีอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมเข้ามานั่งเป็นกรรมการและคิด เขามีการประชุมกันที่อเมริกา โดย RAND Corporation ตัวนี้ โดยเขาทำ simulation ทำเหตุการณ์จำลองสงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างอิเมริกาฝั่งหนึ่ง จีนและรัสเซียฝั่งหนึ่ง เหมือนกับ simulation ในเครื่องบิน คุณเป็นกัปตัน คุณไม่ต้องฝึกบินจริง คุณเข้าไปในห้อง simulation คุณนั่งแล้วก็เหมือนคุณบินขึ้น บินลง จอดบ้าง มีพายุมา เหมือนกัน simulation สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ทดสอบทำมาเรียบร้อยแล้ว 3 ครั้ง ว่าถ้าเกิดสงครามจีนกับอเมริกา โดยจีนจับมือกับรัสเซีย อเมริกาจะเป็นอย่างไร ท่านผู้ชมเชื่อหรือไม่ นี่ไม่ใช่จากปากผมนะ จากผลของ RAND Corporation ปรากฏว่าผลออกมาว่า simulation ทั้ง 3 ครั้ง อเมริกาแพ้ราบคาบทั้ง 3 ครั้ง แพ้หมด ถึงแม้อเมริกาจะมี F-35 ซึ่งเป็นเครื่องมือเจ้าเวหา เครื่องบินที่ยิ่งใหญ่ มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ว่า similation บอกว่า F-35 ยังไม่ทันขึ้นเลย ก็ถูกทำลายหมดเลยทันที


นี่ก็เป็นเรื่อง RAND Corporation ได้มีการทำ simulation แล้วในข้อเท็จจริงมีแค่จีน รัสเซีย ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้มีอิหร่านเข้ามาผสม แล้วเอาพี่คิมของผมไปอยู่ไหน คิม จอง-อึน พี่คิมนี่น่ากลัวที่สุด ท่านผู้ชม เงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แต่จู่ๆ ออกอาวุธเมื่อไร ก็เตรียมตัวรับเอาไว้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือเรื่องราวที่พัฒนามาจากโควิด-19 และพัฒนามาจากความเฉาฉุ่ยของนายทรัมป์ และความที่อยากจะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดี เพราะฉะนั้นแล้วเลยต้องโยนขี้ให้คนอื่น กลั่นแกล้งทุกคน ตั้งภาษีสูงขึ้นมา เสร็จเรียบร้อยแล้วกีดกันไม่ให้มีการส่งออกไป ทุกอย่าง มาจนกระทั่งถึงพยายามยุยงให้ไต้หวันแยกออกมาจากจีน ประกาศตัวเป็นเอกราช โดยอเมริกาอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นว่านี่คือหายนะที่กำลังมา ผมหวังว่าจะไม่มา แต่ว่ามีอะไรผิดพลาดเพียงนิดเดียว แล้วเราจะได้เห็นอะไรที่เกิดขึ้น และตอนนี้เป็นช่วงวิกฤตที่สุด เพราะผมว่าอีกไม่เกิน 5 วัน เรือบรรทุกน้ำมันอิหร่าน 5 ลำ ก็จะใกล้เวเนซุเอลาแล้ว ถ้าอเมริกาจะไปขัดขวางเมื่อไร ท่านผู้ชมอย่ากระพริบตา



ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนที่พูดเรื่องการบินไทยมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ก็จะพูดอีกตอนสุดท้ายนี้ และผมกำลังรวบรวมข้อมูลเบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆ ว่าการตัดสินใจของใคร ทำร้ายการบินไทยอย่างไรในอดีต การยกเลิก เปิดน่านฟ้าเสรี การที่นายกฯ ทักษิณมีถูกระเบิดจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 ระหว่างที่จะบินไปเชียงใหม่แล้วตัวเองรอดมา แล้วการแต่งงานกันระหว่าง พล.อ.อ.คงศักดิ์ กับคุณลูกน้ำ ซึ่งเป็นคนสนิทของคุณหญิงอ้อ หรือคุณพจมาน ดามาพงศ์ นั้น เบื้องหลังที่แท้จริงเป็นอย่างไร หลายอย่าง แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังเป็นตอนพิเศษตอนหนึ่ง อาจจะไม่ยาวนัก เร็วๆ นี้ แต่วันนี้เอาเรื่องแผนฟื้นฟู


ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมเคยพูดว่าการฟื้นฟูการบินไทยคือการยืดเวลาเจ๊ง ผมยังยืนยันตรงนี้อยู่ ทำไมผมถึงยืนยันตรงนี้ เพราะเงื่อนไขของการฟื้นฟูนั้นมันหินมหาโหด


หินมหาโหดเริ่มแรกสุด ข้อแรก การบินไทยจะทำอย่างไรกับหนี้ 250,000 ล้าน ที่เป็นหนี้ของผู้ให้เช่าเครื่องบินที่อเมริกา และเป็นหนี้ที่อยู่กับสถาบันการเงินในเมืองไทย ผมเคยเรียนให้ทราบใน EP. ที่แล้วว่าการบินไทยจะอยู่รอดได้นั้น หนี้ต้องลดไป 70 เปอร์เซ็นต์ อย่างต่ำ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ของหนี้ ต้องเปลี่ยนเป็นหุ้นบุริมสิทธิ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Preferred stock ก็สรูปง่ายๆ ว่า convert หนี้ทุกอย่างจากการ hair cut ให้ลดไปเลย และอีก 30 เปอร์เซ็นต์นี้ให้เป็นหุ้นกู้ หรือเป็นหนี้บุริมสิทธิ ด้วยเหตุนี้ ถ้าหนี้ตรงนั้นหมดไปโดยที่ไม่ต้องจ่ายอะไรแล้ว ก็จะเหลือปัญหาอยู่ 2 ปัญหาที่จะต้องทำ




ปัญหาข้อแรกที่จะมีก็คือว่า ที่สำคัญที่สุดก็คือว่าจะทำอย่างไรกับพนักงานการบินไทยที่มีอยู่ 22,500 คน เพราะว่าการบินไทยต้องลดต้นทุน การที่การบินไทยล่มสลายมาถึงทุกวันนี้เพราะต้นทุนสูงมาก เพราะฉะนั้นต้นทุนสูงมากในเรื่องนี้ การบินไทยต้องลดคนลง และคนที่การบินไทยควรจะลดมากที่สุด ไม่ใช่แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ 40 เปอร์เซ็นต์ การบินไทยต้องลดพนักงานที่มีเยอะ ยอดถึง 22,500 คน ให้เหลือต่ำกว่า 10,000 คน อาจจะแค่ 9,000 คนเท่านั้น ถึงจะอยู่ได้ เหตุผลเพราะอะไร เพราะธุรกิจการบินไทยมันเคยแค่นี้ ตอนนี้มันแคบลงมาแค่นี้ เครื่องบินเคยมี 103 ลำ วันนี้เหลือ 60 ลำ บ้างก็ว่าเหลือ 38 ลำ เอาล่ะ เมื่อเหลือน้อยลงขนาดนี้แล้ว กัปตันก็ต้องตกงาน ลูกเรือก็ต้องตกงาน นายช่างก็ต้องตกงาน พนักงานต้อนรับก็ต้องตกงาน อาจจะแผนก LP แผนก LP ซึ่งคอยดูแลผู้โดยสารชั้น VIP ก็ไม่ต้องดูแลแล้ว VIP ก็ยุบไปเลย แผนก LP กราวนด์การบินไทยที่คอยเช็กอินก็ต้องทำหน้าที่เป็น LP แทน คนหนึ่งทำได้หลายหน้าที่ ฉะนั้นเมื่อยอดคนขนาดนี้ มันต้องลดลงมาขนาดนี้ นั่นข้อแรก


ข้อที่สอง เมื่อจะลดคนแบบนี้เพื่อให้ต้นทุนมันอยู่ได้ คำถามว่า การบินไทยจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเงินค่าชดเชยให้เขา นั่นข้อแรก ข้อที่สอง และการบินไทยในช่วง 2-3 เดือนต่อไปข้างหน้านี้ ระหว่างที่ทำแผนฟื้นฟู จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเงินเดือน นี่คือคำถามที่สำคัญที่สุด เพราะว่ารัฐบาลเมื่อตัดสินใจไม่ค้ำประกันเงินกู้การบินไทยแล้ว การบินไทยมีศักยภาพพอไหมที่จะไปกู้เงินใหม่ แต่ความจริงแล้ว ในข้อเท็จจริง ผมจะเรียนให้ท่านผู้ชมทราบ ถึงรัฐบาลไทยจะขายหุ้นน้อยลงไปให้ถือต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ในข้อเท็จจริงรัฐบาลก็ยังเป็นเจ้าของ เพราะกองทุนวายุภักษ์ก็เป็นของรัฐบาล เมื่อรวมหุ้นกองทุนวายุภักษ์ และรวมหุ้นของที่กระทรวงการคลังถือ ก็ยังเป็นของรัฐบาล



เพราะฉะนั้นการเจรจาลดหนี้ครั้งนี้ รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ต้องเป็นเจ้าภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องเป็นเจ้าภาพ เมื่อท่านลดทุน ลดหุ้นแล้ว ท่านต้องอธิบายให้กับผู้ถือหุ้นหรือสถาบันการเงินฟังว่ารัฐบาลค้ำประกันไม่ได้ แต่คุณเชื่อเถอะการฟื้นฟูครั้งนี้ถ้าคุณลดคนเหลือต่ำกว่า 10,000 แล้วคุณลดเครื่องบินลงไป แล้วคุณปรับปรุงต้นทุนทุกอย่างหมด เอาคนเงินเดือนสูงๆ ที่เป็นปลวกเกาะกินการบินไทย ที่นั่งอยู่ตึกข้างหน้าริมถนนวิภาวดีฯ โละออกไปให้หมด แล้วทำโครงสร้างให้มันแคบ ให้มันผอมลง ไม่ต้องมีโครงสร้างหลายโครงสร้างที่มันซับซ้อน ถ้าอย่างนั้นการบินไทยอยู่ได้ 2-3 ปีจะเริ่มมีกำไร เพราะฉะนั้นแล้วขอร้องให้สถาบันการเงินปล่อยเงินกู้ชั่วคราวให้โดยรัฐบาลไม่ต้องค้ำประกัน อาจจะทำได้ แต่ผมคิดว่าทำยาก


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมฟังรายการผมมาแล้ว ผมเน้นมาตั้งแต่ต้น คุณทำธุรกิจอะไรก็ตาม ถ้าอุปสงค์ไม่มี demand น้อยลง คุณต้องลดทุนลงทันทีเลย ท่านผู้ชมจำได้ไหมผมเคยบอก การบินไทยเปรียบเป็นคน ตอนนี้เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว การบินไทยเหลือกางเกงในตัวเดียวแล้ว อย่าซ่า อย่าไปคิดว่าตัวเองเคยยิ่งใหญ่มาในอดีต และอย่าไปคิดฟื้นฟูบนพื้นฐานของความยิ่งใหญ่ในอดีต อย่าไปคิดฟื้นฟูว่า เมื่อมี DD มันต้องมี DN ต้องมี D โน่น D นี่ ไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว



ผมเคยยกตัวอย่างเจแปนแอร์ไลน์ นายคาซึโอะ อินาโมริ ก็คืออดีตประธานของบริษัทเคียวเซร่า บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ อายุ 78 เข้ามาฟื้นฟูเจแปนแอร์ไลน์ วิธีการเขาทำง่ายนิดเดียว เขาดูฟังก์ชันของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ การบินไทยก็ดูอย่างนี้ได้ แล้วจัดเป็นหน่วยธุรกิจ จัดเป็นหน่วยเลย เขาคิดแล้วมีประมาณ 600 หน่วย แล้วมีผู้นำหน่วยคนหนึ่งคอยบริหารหน่วยตรงนี้ แล้วบริหารด้วยสิทธิที่มอบอำนาจให้ ด้วยเป้าหมาย มิชชันที่เหมือนกัน คือต้องทำกำไร ต้องประหยัดต้นทุน ต้องลดค่าใช้จ่าย ทุกหน่วย แต่ละหน่วยก็จะมาประชุมกันเดือนละครั้งๆๆ ถ้าอย่างนี้แล้ว โอกาสที่จะลดต้นทุนของการบินไทยมีสูง แต่ผมก็ไม่เชื่อว่าคณะกรรมการฟื้นฟูที่เข้ามาชุดใหม่จะทำได้ ผมจะเรียนให้ท่านนายกฯ ทราบนิดหนึ่ง ผมดูลิสต์รายชื่อที่โผล่ออกมาแล้วนะ ผมฟันธงลงไปได้เดี๋ยวนี้เลยว่าไปไม่รอด เพราะแต่ละคน บางคนอยู่ในธุรกิจที่ผูกขาดมาก่อน ท่านเอาอดีตผู้ว่าฯ ปตท.มาถึง 2 คน เอาอดีต ดีดี การบินไทย ชื่อคุณจรัมพร โชติกเสถียร มา ผู้ว่าฯ ปตท.ท่านทำธุรกิจในองค์กรที่ผูกขาดมาตลอดชีวิต ท่านอยู่ในองค์กรที่มันมีการรองรับทุกอย่าง มีมือมีตีน การบินไทยควรจะมาฟื้นฟูจริงๆ คนที่จะเข้ามาบริหารจริงๆ ต้องเป็นคนที่ตีนติดดิน ต้องลงไปคลุกฝุ่น คลุกดิน ไปร่วมทำงานกับเด็ก ไปรับทราบปัญหา และหาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่นั่งอยู่บนหอคอยเหมือนเดิม


แล้วการทำแผนฟื้นฟู ทำไมถึงต้องมีตั้ง 15 คน ใครเป็นคนเสนอ ไอเดียใคร บ้าไปแล้ว การทำแผนฟื้นฟูนะ เอานักบัญชีเก่งๆ มา 1 คน เอานักการตลาดเก่งๆ มา 1 คน เอานักกฎหมายเก่งๆ มา 1 คน 3 คนพอแล้ว สูงสุดไม่เกิน 5 คน เอามาทำไมตั้ง 15 คน เอามาประดับหรืออย่างไร นี่คือปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ นี่คือปัญหาระบบราชการ เหมือนท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ท่านถาวร เสนเนียม ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการทุจริตของการบินไทย ตั้งมาตั้ง 33 คน ท่านตั้งมาทำไม ไม่เกิน 5 คน เอาท่านอดีต ผบช.น.ทั้ง 2 คน มานั่งคู่ ไม่เป็นไร เอานักกฎหมายมาสัก 1 คน อีก 3 คน เอาใครก็ได้ที่มีความสามารถ ทำไมต้องมีตั้ง 33 คน เป็นพวกท่านเหรอ เป็นพวกอดีตพรรคประชาธิปัตย์เหรอ ท่านถาวรครับ ท่านต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของความเป็นจริงดีกว่า ตอนนี้มันเป็นวิกฤตที่ไม่ใช่เวลาจะมาตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เอาแค่คณะกรรมการชุดเล็กแต่ตั้งใจทำงาน



เรื่องแรก คณะกรรมการฟื้นฟู ผมถามหน่อย ท่านจะจำกัดสิทธิไหม สิทธิต่างๆ ที่นักบินมี สิทธิต่างๆ ที่พนักงานการบินไทยชั้นสูงมี ถ้าท่านเป็นพนักงานชั้นสูง ท่านก็มีสิทธิบิน First Class เมียท่านมีสิทธิ รวมไปถึงลูก แล้วลูกมีสิทธิบินจนถึงอายุ 35 ท่านพร้อมจะตัดทิ้งไหม ให้เท่ากันทุกคน ให้เท่าเทียมกันหมดเลย ก็คือ 1 ปี บินฟรีได้ 1 ครั้ง เอาล่ะ ท่านเป็นผู้บริหารระดับสูง ท่านอาจจะดีหน่อย ท่านบินฟรีได้ที่ Business Class แต่ถ้าระดับต่ำลงมา ก็บินแค่ Economy ครั้งเดียว ต่างประเทศ 1 ครั้ง ในประเทศ 1 ครั้ง ให้มันเท่าเทียมกันหมด ผมคิดว่าการตัดสิทธิ ยกเลิกอภิสิทธิ์พวกนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ ความจริงใจในการเข้ามาฟื้นฟู แต่ท่านไม่แตะเรื่องพวกนี้เลย ก็แสดงว่าท่านก็คือเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ ผมก็ยังยืนยันว่าท่านตั้งมาทำไม 15 คน เพื่ออะไร สูงสุดไม่ควนเกิน 5 คน แค่นั้น และไม่มีความจำเป็นต้องเอาผู้ที่เชี่ยวชาญทางการบินเข้ามา คุณจรัมพร อยู่ DD ปีหนึ่ง นั่นก็คุยโม้ ผมยังจำได้ท่านโม้ว่าจะดีขึ้นภายใน 1 ปี โน่นนี่นั่น ก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นเอาคนที่บริหารเป็น เอาคนที่ตีนติดดินและพร้อมจะลงไปคลุกฝุ่นกับพนักงาน ทำงานร่วมกับพนักงาน แสดงน้ำจิตน้ำใจ แสดงความจริงใจว่าต้องการที่จะเข้ามาเพื่อฟื้นฟูกิจการ ถ้าอย่างนั้นค่อยมีโอกาส แต่ผมมองไม่เห็น ผมมองไม่เห็นอนาคตการบินไทย ตอบผมหน่อยสิ 3-4 เดือนข้างหน้านี้ การบินไทยจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ แล้วถ้าเอาคนออก มีเงินไหมที่จะจ่ายค่าชดเชยให้เขา




รัฐบาลพูดได้อย่างเดียวว่าไม่ใช่รัฐวิสาหกิจแล้ว เพราะถือหุ้นต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ข้อเท็จจริงก็คือรัฐบาลยังเป็นเจ้าของ เพราะกองทุนวายุภักษ์ก็เป็นของรัฐบาล เพราะฉะนั้นแล้ว รัฐบาล จะอย่างไรก็ตาม ต้องสอดมือเข้ามาช่วยทีมผู้ฟื้นฟูนี้ ซึ่งผมหวังว่าคงไม่เกิน 5 คน เพื่อที่จะเจรจาหนี้กับสถาบันการเงินต่างๆ แล้วขอร้องสถาบันการเงินให้เงินกู้การบินไทยในช่วงชั่วคราวขณะนี้แล้วค่อยเพิ่มทุนมาอีกทีเพื่อมาชดเชย แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีคณะกรรมการฟื้นฟูตั้ง 15 คน แล้วชื่อแต่ละคนที่โผล่ออกมา ผมเห็นแล้วผมก็ได้แต่ส่ายหน้า อามะภันเต อนิจจังสังขารา ท่านผู้ชมครับ


เอาไว้ แล้วคอยดูรายการเบื้องหน้าเบื้องหลังการบินไทยที่ไม่เคยมีใครพูดมาก่อน แล้วผมจะออกเป็นไลฟ์พิเศษสักครั้งหนึ่ง แต่ผมยังไม่บอกเวลา


วันนี้ก็ยาวพอสมควร ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งได้ แต่หวังว่าวันนี้คงจะสนุกสนาน เอาไว้เจอกันวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น