xs
xsm
sm
md
lg

แฉขบวนการงาบหัวคิว 40% โรงแรมเมืองพัทยาแลกได้รับเลือกเป็น State Quarantine

เผยแพร่:



ศูนย์ข่าวศรีราชา - สุดทนขบวนการหากินบนความเดือดร้อนชาติ นักธุรกิจเมืองพัทยา รวมตัวแฉมีกลุ่มบุคคลอ้างตัวได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสรรหา State Quarantine สำหรับกักตัวคนไทยจากต่างแดน เรียกหักหัวคิว 40% จากโรงแรมในเมืองพัทยาที่อยากผันตัวเป็นโรงพยาบาลสนาม จี้รัฐจัดการด่วน

จากกรณีที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณในการนำคนไทยจากต่างแดนเข้ากักตัวในพื้นที่ State Quarantine เป็นระยะเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรฐานสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้คาดว่ามีคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วกว่า 7-8 หมื่นคน

และที่ผ่านมา รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการคัดเลือกสถานที่กักตัวคนไทยกลุ่มเสี่ยง โดยได้คัดเลือกโรงแรมขนาดใหญ่ภายใต้มาตรฐานที่กำหนด เช่น เป็นโรงแรมที่มีห้องพักมากกว่า 200 ห้อง พื้นไม่ปูพรม มีแอร์แยกแต่ละห้องพัก และมีใบอนุญาตสถานประกอบการโรงแรม

โดยในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวสำคัญซึ่งมีสถานประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ที่เข้าเกณฑ์มาตรฐานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลได้คัดเลือกสถานประกอบการโรงแรมหลายแห่งในพื้นที่เพื่อใช้เป็น State Quarantine แล้วรวมกว่า 1 หมื่นห้องนั้น


ล่าสุด วันนี้ ( 22 พ.ค.) ตัวแทนจากองค์กรภาคธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองพัทยา ไม่ว่าจะเป็นสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี ได้ออกมาแฉกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มบุคคลไม่ทราบว่ามาจากหน่วยงานใดติดต่อมายังสถานประกอบการโรงแรมในพื้นที่เมืองพัทยา และ จ.ชลบุรี เพื่อเสนอตัวเป็นนายหน้าในการคัดเลือกโรงแรมที่ต้องการเป็น State Quarantine เพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัวคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างแดน

ที่จะได้รับค่าตอบแทนการดูแลคนไทยจากต่างแดนจากรัฐบาลรายละ 1,000 บาทวัน แต่ผู้ประกอบการจะต้องจ่ายค่าดำเนินการในอัตรา 40% ของค่าหัวที่รัฐบาลจะจ่ายให้ผู้ประกอบการเพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่บุคคลกลุ่มนี้ พร้อมเสนอแนวทางว่าการได้รับคัดเลือกให้เป็น State Quarantine ย่อมจะสร้างรายได้จากการได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากรัฐ ดีกว่าที่ต้องปิดกิจการโรงแรมหรือแบกรับค่าใช้จ่ายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19


นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เผยว่า ก่อนหน้านี้โรงแรมหลายแห่งในเมืองพัทยา ได้รับการประสานจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งเพื่อนำเสนอแนวทางในการคัดเลือกให้เป็น State Quarantine แต่ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งมองว่าแม้จะได้ค่าใช้จ่ายรายหัวจากภาครัฐรายละ 1,000 บาทต่อวัน แลกกับอาหาร 3 มื้อ

แต่โรงแรมเหล่านั้นจะต้องแบกค่าใช้จ่ายเรื่องค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ การดูแลความสะอาดและอื่นๆ ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 14 วัน จึงเชื่อว่าน่าจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว

"และหากโรงแรมเหล่านั้นเปิดรับคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางกลับจากต่างประเทศเข้ากักตัวในโรงแรม ก็อาจทำให้โรงแรมเสียสิทธิที่พนักงานจะได้รับเงินช่วยเหลือจากประกันสังคม ที่รัฐจะจ่ายคืนให้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค ทำให้โรงแรมส่วนใหญ่ไม่ได้เปิดรับการเป็น State Quarantine"


อย่างไรก็ดี ทางสมาคมฯ รวมทั้งสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ส่งรายชื่อโรงแรมที่สนใจเข้าร่วมโครงการไปยังหน่วยงานดังกล่าวรวมกว่า 20 แห่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการตรวจสอบ่ตามมาตรฐานที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

"แต่พบว่ามีการนำคนไทยจากต่างแดนเข้าพักในโรงแรมหลายแห่งในเมืองพัทยา ซึ่งไม่ทราบได้ว่ามีการตรวจมาตรฐานเหมาะสำหรับการเป็น State Quarantine ได้อย่างไร ที่สำคัญที่ผ่านมายังมีคนบางกลุ่มที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากหน่วยงานรัฐไม่ทราบสังกัด พยายามเข้ามาติดต่อกับทางโรงแรมและแจ้งว่าจะพิจารณาให้โรงแรมผ่านมาตรฐานและจะได้ค่าใช้จ่ายค่าเข้าพักจากรัฐในอัตรา 1,000 บาทต่อคนต่อ แต่หากทางโรงแรมได้รับงบประมาณตามจำนวนผู้เข้าพักแล้ว จะต้องหักค่าดำเนินการหรือค่าหัวคิวให้ผู้ประสานในอัตรา 40%"

นายธเนศ ยังเผยอีกว่า แต่สุดท้ายโรงแรมทั้งหมดที่อยู่ในเครือการบริหารงานของครอบครัว ได้ตอบปฏิเสธไปเพราะเมื่อพิจารณาแล้วว่ารายได้ที่ควรจะได้ 1,000 ตัวคนต่อวัน เมื่อถูกหักหัวคิวแล้วก็จะเหลือเพียง 600 บาทต่อคนต่อวัน จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่คุ้ม

“ก็ไม่ทราบว่าการกระทำแบบนี้รัฐบาลทราบหรือไม่ว่า ขณะนี้ได้มีขบวนการหากินในลักษณะแบบนี้แล้ว และถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องทั้งการหักหัวคิวในงบประมาณของรัฐ ถือเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ” นายธเนศ กล่าว


เช่นเดียวกับ นายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่ยืนยันว่าขณะนี้มีกลุ่มคนที่เข้ามาหากินกับผู้ประกอบการโรงแรมในลักษณะเรียกรับหัวคิว เพื่อแลกกับการได้รับการพิจารณาให้เป็น State Quarantine ในสัดส่วน 30-40% ซึ่งแม้โรงแรมบางแห่งอาจไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยืนยันว่าสามารถประสานงานให้ และเชื่อว่าน่าจะทำงานกันเป็นทีม

สอดคล้องกับการเปิดเผยของ นายสรรเพ็ชร ศุภบวรเสถียร ที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก บอกว่า ที่ผ่านมาโรงแรมในเครือมีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งและโรงแรมขนาดกลาง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีคนกลุ่มนี้เข้ามาติดต่อเพื่อเสนอตัวเป็นนายหน้าแล้วหลายครั้ง แต่ทางสมาคมฯ ได้ปฏิเสธไปเพราะมองว่าไม่คุ้มค่ากับการเปิดโรงแรม


ด้าน นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร ที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาตรวจสอบการกระทำดังกล่าวว่าเป็นกลุ่มคนใด เพราะถือว่าสร้างความเสียหายต่อภาครัฐและงบประมาณแผ่นดินเป็นอย่างมาก และหากยังปล่อยให้ขบวนการหากินบนความเดือดร้อนของคนทั้งประเทศยังกระทำการในลักษณะนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลเสียหายจากเงินที่จะต้องใช้หมุนเวียนนับ 100 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น