xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงสุชล” คนต้นแบบ ใช้เศรษฐกิจพอเพียงพลิกชีวิต จากคนหนี้ล้นพ้นตัว สู่ “เกษตรกรเงินล้าน” !

เผยแพร่:



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ลุงสุชล” ซึ่งเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานนับสิบปี เคยมีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่สุดท้ายหันมาทำเกษตร โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง จนกลายเป็น “เกษตรกรเงินล้าน” ได้

ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่อาจเลือกที่จะเป็นและประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกับลุงสุชล สุขเกษม ชาวสมุทรสงคราม ที่แม้ฐานะทางบ้านจะไม่เอื้อให้เรียนสูงๆ จึงจบแค่ ป.6 และตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ ทำงาน หลังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่นานนับสิบปี ได้กลับไปบวชทดแทนคุณให้เตี่ย(พ่อ)-แม่


หลังแต่งงานมีครอบครัว เตี่ยได้ให้ที่ 100 ตรว. เพื่อไปทำมาหากิน จะได้มีบ้านอยู่ของตนเอง และนั่นเองจึงเป็นที่มาของหนี้ก้อนแรก ก่อนตามด้วยก้อนสอง

“ลุงต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา มาปลูกบ้าน หมดไป 9 หมื่นบาท พ.ศ.2529-2530 แล้วก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาอีก มาเช่าที่เตี่ย 1 ไร่ ทำมาหากิน ใน 1 ไร่นี่ เริ่มแรกเลย ลุงเลี้ยงปลาช่อนในร่องสวน แล้วก็มาเลี้ยงไก่ในกรงตับ มาเลี้ยงเห็ดหูหนู มาเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง 4 อย่างนี่ภายใน 2 ปี หนูเคยได้ยินคำว่า เจ๊งไหม เจ๊งหมดเลย”


หลังทำเกษตรแล้วเจ๊งไม่เป็นท่า จนเป็นหนี้เกือบครึ่งล้าน ลุงสุชลต้องหาวิธีปลดหนี้ เมื่อเพื่อนมาชวนไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ลุงสุชลจึงตัดสินใจไป เพราะคิดว่านั่นอาจเป็นทางเดียวที่ช่วยปลดหนี้ได้


หวังไปขุดทองที่ซาอุฯ แต่กลับเจอสงครามอ่าวเปอร์เซีย!!

“ลุงไปได้ 9 เดือนเอง เกิดสงครามอิรัก-คูเวต อ่าวเปอร์เซีย เขาเลยส่งคนงานกลับหมดเลย แต่เขาวงเล็บนะ ใครไม่กลับก็ได้ เขาให้เซ็นชื่อไว้ เซ็นไว้ทำไม เผื่อโดนลูกระเบิดตาย จะได้มีหลักฐานว่า คุณไม่ยอมกลับเอง ลุงต้องยอมเซ็นชื่อไว้ เพราะเพิ่งไปได้ 9 เดือนเอง หลังจากสงครามสงบ โรงงานก็เริ่มเปิดทำมาหากิน ทำไปได้ประมาณ 8 เดือน ยิ่งกว่าสงครามอิรัก-คูเวตอีก เกรียงไกร เตชะโม่งขโมยเพชรซาอุฯ จบชีวิตในประเทศไทย เขาปิดวีซ่าเลยไง ลุงทนอยู่ 8 ปี จากหนี้สินที่บอกว่า 4 แสนกว่าบาท เหลือแค่ 4 หมื่นบาท ลุงก็มานั่งนึกนะ แค่ 4 หมื่นบาท ไม่ตายคงหาได้ในประเทศไทย ก็เลยลาออกกลับมา”


ลุงสุชลกลับเมืองไทยพร้อมด้วยเงินเดือนและสวัสดิการก้อนสุดท้าย ที่สามารถมาปลดหนี้ที่เหลือได้สำเร็จ ตอนแรกลุงกะจะกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง แต่เนื่องจากเจอวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 พอดี จึงต้องหันมารับจ้างทำงานแถวบ้านไปวันๆ


กระทั่งเตี่ยยกที่ดินให้ 1 ไร่ ลุงสุชลจึงได้โอกาสที่จะยึดอาชีพทำการเกษตรอีกครั้ง คราวนี้ ลุงสุชลตั้งปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะทำการเกษตร ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9


“ปี 2547 เตี่ยยกที่ให้ไร่หนึ่ง ลุงก็เลยใช้ 1 ไร่นี่ ไปเอาโจทย์ของในหลวงมาทำ 1 ไร่ 1 แสน (1 ไร่ สร้างรายได้ 1 แสนต่อปี) แต่ก่อนที่จะทำ ตอนนั้นไม่มีความรู้ จบแค่ ป.6 ก็ออกไปหาความรู้ก่อน ไปหาความรู้ที่ไหน ลุงเดินทางไปเองนะ อบรมกับท่าน อ.ยักษ์ ที่มาบเอื้อม ชลบุรีมา 3 วัน อ.วิวัฒน์ ศัลยกำธร เป็นอาจารย์ผมเลย ไปเรียนรู้เรื่องดิน ทำยังไงให้ปลูกพืชได้ และไปฟัง ดร.สุเมธ (ตันติเวชกุล) บรรยายที่ศูนย์ราชการ กรุงเทพฯ แจ้งวัฒนะ เขามีการโฆษณาในทีวี ประกาศว่า ดร.สุเมธ จะบรรยายเศรษฐกิจพอเพียง ลุงนั่งรถเมล์ไปตั้งแต่ตี 5 กลัวไม่ทัน...”


หลังขวนขวายหาความรู้จนเพียงพอแล้ว ลุงสุชลจึงเริ่มพลิกพื้นผืนดินเพื่อปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง รวมทั้งนำผลผลิตที่ได้มาแปรรูปด้วย กระทั่งประสบผลสำเร็จสามารถทำให้ที่ดิน 1 ไร่ สร้างรายได้ 1 แสนบาทต่อปี ก่อนจะพัฒนาและต่อยอด จนที่ดิน 1 ไร่ สามารถสร้างรายได้ 2 แสนบาทต่อปี


แม้จะประสบผลสำเร็จ แต่ลุงสุชลไม่เก็บความสำเร็จไว้คนเดียว จึงเปิดสวนของตนเองเป็น “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านสารภี” เพื่อให้ผู้สนใจได้เข้าชมและศึกษาดูงาน โดยในสวนของลุงมีฐานการเรียนรู้ถึง 70 ฐานเลยทีเดียว!!


เปิดสูตรสำเร็จ “ปลูกพืชอย่างไรให้งาม”

“พอพูดถึงปลูกพืช เชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจจะปลูกแล้วมันไม่โต ไม่งอกงาม มันขาดอะไร ทำไมเห็นคนอื่นปลูกกันงาม ถ้าคนเรียนรู้มา ก็จะรู้ว่า ถ้าพืชนี่ต้องการธาตุอาหาร NPK เช่น ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม ไนโตรเจน พืชถ้าขาดของพวกนี้มันจะไม่โต บางคนปลูกมาตั้งนาน ไม่ยอมโต ทีนี้วิธีการทำยังไงให้มีของพวกนี้ เราเลี้ยงสัตว์ ไปด้วย ก็เอามูลสัตว์มาใส่ เขาเรียก ขี้หมูกระทุ้งหัว ขี้วัวกระทุ้งใบ ขี้ไก่กระทุ้งดอก ถ้าเราปลูกพืช ขี้หมู ขี้วัว รองก้นหลุม โดยเฉพาะพวกหัวๆ มันเทศ มันแกว มันสำปะหลัง ขี้หมูรองก้นหลุม รวมทั้งขี้วัวด้วย ขี้วัวทำให้แตกใบ เจริญเติบโตได้ดี พอใกล้จะออกดอก เราก็เอาขี้ไก่ไปใส่ ก็จะออกลูก”


“เกษตรผสมผสาน” ทำอย่างไรให้ถูกต้อง!!

“คำว่าผสมผสาน ผมเชื่อได้เลยว่า 80% เข้าใจว่าปลูกปนกันหมด ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เคยได้ยินนะ แต่คำว่าผสมผสานที่แท้จริง ไม่ใช่ปลูกปนกันหมด เพราะพระองค์บอกว่า ให้ปลูกพืชเป็นขั้นบันได คำว่าขั้นบันไดหมายถึง เช่น พื้นที่ลุงเป็นร่องสวน ทำไม่ได้หรอก เป็นขั้นบันได ต้องไปแถวเชียงใหม่ เชียงราย ตีนเขา แต่จริงๆ แล้วพระองค์ไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ตัวดิน ท่านบอกว่าอยู่ที่ตัวพืช พืชที่ต้นเตี้ยๆ ท่านให้ปลูกทางทิศตะวันออก พืชสูงปลูกทิศตะวันตก มันจะเป็นขั้นบันไดแบบนี้ ...ถามว่าทีแรกลุงเข้าใจไหม ก็ไม่เข้าใจ ลุงก็ปลูกปนกันหมดตามที่พระองค์บอก พอปลูกเสร็จแล้ว พืชตัวไหนที่ไม่โดนแดด มันก็ไม่มีลูกไม่มีดอก มีแต่ใบ ก็เลยได้โจทย์ออกมาว่า สำหรับปลูกพืชที่ไม่โดนแสงแดด จะมีอยู่ 3 ด.คือ ถ้าไม่มีแดด มันก็ไม่มีดอก ก็เลยไม่มีแดก เป็นสัจธรรมเลย”


เมื่อที่ดินมีแค่ 1 ไร่ ลุงสุชลจึงต้องใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด สังเกตได้จาก “ไก่ตะกร้า-ไก่ชิงช้าสวรรค์” ซึ่งนอกจากเป็นเอกลักษณ์ของสวนลุงสุชลแล้ว ยังโด่งดังไปทั่วโลก ใครเห็นก็ต้องทึ่ง!!


“ที่คนมาเห็นแล้วก็ว้าว ก็เป็นไก่ชิงช้าสวรรค์ ที่ต่างประเทศบอกว่า all the world no have like this ไง เขาเห็นแล้วอึ้ง ทึ่ง เสียว เลี้ยงแบบไหน ทำไมมันขึ้นไปอยู่แบบนั้นได้ คำถามเยอะมาก (ถาม-ทำไมต้องเอาไปไว้ตรงนั้น?) พื้นที่ลุงมันน้อย แต่มองไปบนอากาศ มันเป็นพื้นที่ของเราทั้งหมด เราเลยทำขึ้นไป เลยออกมาเป็นรูปแบบไก่ชิงช้าสวรรค์ ใช้เนื้อที่อย่างประหยัด เอาขี้มาทำแก๊ส นี่บ่อแก๊สของลุง เก็บไข่ ให้อาหาร ล้างขี้ ก็ได้ไข่ด้วย”


หลายคนที่ไม่เข้าใจอาจมองว่า การเลี้ยงไก่ในตะกร้าแบบนี้ เป็นการทรมานสัตว์หรือไม่ ลุงสุชลชี้แจงว่า ไก่ที่จะเลี้ยงในตะกร้าแบบนี้ได้ มีพันธุ์เดียวเท่านั้น คือ พันธุ์โร๊ดไอส์แลนด์เรด ซึ่งปกติไก่พันธุ์นี้มักเลี้ยงในกรงตับ (แคบกว่าตะกร้า) ลุงสุชลบอกว่า เลี้ยงไก่ในตะกร้า ไก่สามารถยืนได้เต็มตัว กินได้เต็มอิ่ม และนอนได้เต็มตื่น ไก่ก็จะไม่เครียด


...ความสำเร็จของลุงสุชลในการทำเกษตร ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง นำมาซึ่งเกียรติบัตรและรางวัลมากมายเรียงรายเต็มบ้าน

“ลุงทำไม่ได้หวัง(รางวัล)ตรงนี้ หวังเพื่อให้ตัวเองอยู่ดีมีกิน อยู่ดีมีสุข อันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เขาให้ เพื่อยกระดับ เพื่อความภาคภูมิใจที่เราเดินทางมาถึงทุกวันนี้ แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่ภาคภูมิใจมากที่สุด คือ จากเบื้องบน ไม่ใช่หน่วยงานรัฐเล็งเห็นอย่างเดียว เบื้องบนก็เล็งเห็นด้วย โดยเฉพาะปริญญาโท มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาการจัดการอุตสาหกรรม ไปรับจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา รับจากรัชกาลที่ 10 และปริญญาโทอีกใบ รับกับท่าน ดร.สุเมธ (ตันติเวชกุล) และเงินรางวัลจากกรมสมเด็จพระเทพฯ 2 รางวัล”


16 ปีที่เดินตามศาสตร์พระราชา “ลุงสุชล” ได้อะไรกลับมาบ้าง?

“สิ่งแรกที่ได้รับ เงินก็ไม่สามารถซื้อได้ คือความสุข ...แต่ทีนี้ทำยังไงให้เรามีความสุขตลอดชีวิต หายากนะ แต่โจทก์ของพระองค์ มีความสุขตลอดชีวิต ลุงกล้าการันตีได้เลย ที่ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตอนนี้ยั่งยืนแล้ว อยู่บันไดขั้นที่ยั่งยืนแล้วไง ถึงได้ว่า คนที่จะเดินตามรอยพระองค์ท่าน ไม่ต้องอะไรเลย ไม่ต้องใช้ความรู้เยอะแยะมากมาย เพราะพระองค์ท่านไม่เคยบอกนะว่า อายุเท่าไหร่ทำไม่ได้ ถึงแม้ความรู้เราจะน้อยนิด ก็อาจพิชิตความยากจน หากดำรงตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เท่านี้ทุกคนอยู่ได้แบบสบายๆ เลย”


หากท่านใดสนใจอยากทำการเกษตรให้ได้ผลผลิตไร่ละ 2 แสนบาทต่อปี สามารถแวะไปที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านสารภีของลุงสุชลได้ ลุงพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยออกแบบพื้นที่ให้ โดยศูนย์ฯ อยู่ที่ ต.จอมปลวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 086-178-4157


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos


กำลังโหลดความคิดเห็น