xs
xsm
sm
md
lg

“รุจ” ทำใจล่วงหน้า 2 เดือน ย้อนความทรงจำพ่อเป็นส.ส.6 สมัย ช่วยเหลือบ้านเมืองจนตัวเองไม่เหลืออะไร ต้องเป็นหนี้

เผยแพร่:



“รุจ เดอะสตาร์” เผยทำใจล่วงหน้า 2 เดือน สูญเสียคุณพ่อจากโรคมะเร็งปอด มีอาการสโตรก เกล็ดเลือดต่ำ เสมหะป็นเลือด ต้องเจาะทั้งตัว ผอมจนติดกระดูก เข้าใจความเป็นความตาย ต้องจากกันเป็นเรื่องธรรมชาติ จัดงานเรียบง่ายตามเจตนารมณ์คุณพ่อ ยึดการดำเนินชีวิตด้วยความดี เป็นบรรทัดฐานให้ตัวเอง เล่าย้อนอดีต เป็นส.ส.6 สมัย ช่วยเหลือบ้านเมืองจนตัวเองไม่เหลืออะไร 

สูญเสียคุณพ่อจากโรคมะเร็งปอด หลังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 2 เดือน เสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ล่าสุด “รุจ เดอะสตาร์” ศุภรุจ เตชะตานนท์ ได้ออกอีเวนต์เป็นครั้งแรกในงานThailand I Miss You ณ ร้านเมลโล่การ์เด้นท์ เกษตร-นวมินทร์ ยอมรับว่าเสียใจ แต่ทำใจล่วงหน้ามา 2 เดือนแล้ว  
“ใช่ครับ ก็ธรรมดาครับต้องมีเศร้าเสียใจอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เราได้มีโอกาสที่จะดูแลท่านอยู่ประมาณ 2 เดือนในช่วงที่ท่านอยู่ไอซียู มันก็เป็นข่วงเวลาที่เราได้ทำใจไว้แล้วส่วนนึง เพราะวันแรกที่ท่านเข้าโรงพยาบาลหมอก็บอกอยู่แล้วว่าโอกาสรอดชีวิตต่ำมาก ก็เลยมีการทำใจกันมาแล้ว ทั้งผม ทั้งแม่ ทั้งพี่ชายครับ

เราก็ได้ดูแลท่านเต็มที่ แต่มันอาจจะไม่ได้ดีมาก เพราะว่าตอนก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลท่านมีอาการสโตรก ก็คือเส้นเลือดในสมองตีบ เท่ากับว่าการรับรู้ของท่านมันลดต่ำลงมาก ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างที่เราไปเยี่ยม เขารับรู้มากน้อยแค่ไหน จะบอกว่าเราได้ดูแลเต็มที่มันก็อาจจะไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่ จริงๆ เราควรจะมีเวลามากกว่านี้"

เผยพ่อผอมแทบจะติดกระดูก มะเร็งดูดไปหมด แต่อินดี้ไม่ยอมบอก
“คือคุณพ่อจะเป็นคนที่ค่อนข้างอินดี้นิดนึง เขาจะไม่ค่อยบอกอะไร และเป็นคนที่ไม่กลัว จะไม่ค่อยตรวจ ไม่ค่อยทำอะไรเลย คนสมัยเก่าเขาก็จะกลัวการไปหาหมอ กลัวการที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่สัญญาณมันก็มีมาบ้าง เช่น ผอมแห้งมาก คืออาการบางส่วนเราไม่สามารถทราบได้ เพราะท่านไม่ได้บอก ปกติท่านจะชอบใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแลค เราก็เลยจะไม่เห็นว่าข้างในท่านเป็นยังไง พอวันที่เช็ดตัวให้ถึงเห็นว่าท่านผอมมาก ผอมแทบจะติดกระดูก มันคืออาการของการถูกมะเร็งดูดไปหมดเลย

ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นมะเร็ง มันเริ่มจากสโตรกก่อน แกก็ให้พี่ชายพาไปหาหมอบ้างแล้วล่ะ แต่บางทีจะพาไปสแกนก็ไม่ไป พอวันที่แกสโตรกเราก็ส่งโรงพยาบาลช้าด้วย เพราะเราอยู่นอกเมืองมันก็ค่อนข้างไกลที่จะส่งเข้าโรงพยาบาลขอนแก่น ก็ใช้เวลาไปประมาณคืนนึง เลยทำให้อาจจะช้าไปนิดนึง พออยู่ไอซียูท่านก็ทานข้าวไม่ค่อยได้ ก็รักษาตัวในไอซียูยาวเลย

ถามว่าเสียใจไหมที่รู้ช้า จริงๆ มันมีสัญญาณมาสักพักแล้ว แต่ถึงผมจะไปบอกให้ป๊าไปตรวจ เขาก็ไม่ไปอยู่ดี คุณแม่ก็เป็น มันก็พูดยาก พอเขาไม่ยอมเราก็ไม่อยากไปบังคับ ถ้าบังคับก็ต้องทะเลาะกัน มันมีบางคนที่ตรวจถ้าเจอก็กลายเป็นว่าดาวน์ไปเลย จากที่เคยมีกำลังใจ แต่พอตรวจเจอกลายเป็นไปเร็วกว่าเดิมอีก มันก็มีคนคิดแบบนี้เหมือนกัน”

“ด้วยความที่ทุกคนศึกษาธรรมะมาประมาณนึงอยู่แล้ว ทุกคนก็จะเข้าใจเรื่องความเป็นตายมาบ้างว่าวันนึงก็ต้องจากกันเป็นเรื่องธรรมดา ที่บ้านตอนนี้ก็ค่อนข้างโอเคครับ เพราะมีเวลา 2 เดือนให้เราได้ทำใจล่วงหน้าแล้ว เราก็เต็มที่แล้วล่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่า 2 เดือนในโรงพยาบาลมันค่อนข้างทรมาน เพราะแกเป็นหลายโรค ทั้งเกล็ดเลือดต่ำ สโตรกด้วย แถมมะเร็งปอด เสมหะเป็นเลือดอีก มันเลยต้องมีการเจาะ การแทงตามตัวเยอะมาก เวลาเราไปเยี่ยมทุกครั้งก็จะรู้สึกว่าเราทำถูกไหมที่เราจะรักษาเต็มที่ เพราะมันจะมีความก้ำกึ่งอยู่ว่าถ้าเรารักษาเต็มที่ไปเลย มันก็จะเจ็บมาก แต่หมอก็จะบอกว่ามันรักษาไม่ได้แล้ว” 

แม่เข้มแข็งมาก
“ที่สุดแล้วล่ะ เข้มแข็งมาก แกเป็นคนที่เข้าใจ เพราะตอนที่คุณพ่อสโตรกก็เป็นต่อหน้าแม่เลย ผมเลยเชื่อว่าแม่น่าจะเข้าใจและทราบอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้ก็ค่อนข้างโอเคครับ”

พยายามบอกแม่ให้ไปตรวจบ้าง แม้จะไม่ยอมไป เหลือให้พระมาพูดให้
ก็ยังไม่ยอมเหมือนเดิม (หัวเราะ) เราก็พยายามจะบอกว่าไปตรวจไหม ท่านก็ไม่ยอม เราก็เอาตามความสมัครใจของเขาแล้วกัน ถ้าเขาไม่ไปก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้หลอกพาไป วางยานอนหลับไปก็คงไม่ได้อยู่ดี โดนด่าแน่นอน ผมก็พยายามมาหลายครั้งแล้วนะ ทั้งให้คุณหมอพูดให้ ให้ญาติผู้ใหญ่พูดให้ ตอนนี้เหลือแต่ให้พระมาพูดให้แล้วครับ (ยิ้ม) ก็ไม่เป็นไร เราก็พยายามดูแลในเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องออกกำลังกาย เรื่องอาหาร ทำได้แค่นี้ครับ”

พ่อดำเนินชีวิตด้วยความดี เป็นบรรทัดฐานให้ตน
“แกเป็นคนที่ไม่ได้มีคำพูดอะไรพิเศษ แต่จะเป็นไลฟ์สไตล์ของแกในการดำเนินชีวิตมากกว่า เพราะตอนที่ป๊าเป็นส.ส.มา 6 สมัย ตั้งแต่ผมเกิดปี 27 แกก็จะช่วยเหลือบ้านเมืองตลอด ช่วยจนตัวเองแทบจะไม่เหลืออะไร เป็นหนี้เป็นสิน ก็ทำให้เรารู้สึกว่าตรงนี้เป็นอุดมการณ์ที่เขาทำเต็มที่ ชาวบ้านก็บอกเสียดาย เพราะป๊าเป็นส.ส.ที่ดีมาก เราก็รู้สึกว่านี่และคือสิ่งที่เขาสร้างเอาไว้ และเป็นบรรทัดฐานให้เราด้วย

อีกเรื่องก็จะเป็นเรื่องความสมถะ ความเรียบง่าย อย่างตอนที่จัดงานศพ ปกติด้วยยศของพ่อเดิมทีเป็นส.ส.ถึง 6 สมัย ปกติจะต้องมีการพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งเขาก็ส่งมานะ ส่งไลน์มาถามว่าจะเอาไหม เขาจะเตรียมมาให้เลย เราก็บอกว่าไม่เอาดีกว่า เหตุผลไม่ใช่เพราะเราไม่อยากวุ่นวายอะไร แต่เราเคยได้ยินจากพี่ชายว่าแกเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากยุ่งวุ่นวาย ชอบเงียบๆ

ถ้าสังเกตคือผมจะไม่มีลงเลยว่าวันไหนสวด วันไหนฌาปนกิจ จะบอกแค่ว่าเราจัดที่วัดป่าธรรมอุทธยาน ก็เป็นวัดป่าจริงๆ วันที่ผมไปถึงตรงเมรุ ก็คือไม่มีอะไรเลย เราต้องทำเองหมด กวาดลาน เก็บใบไม้ ถูพื้น แต่มันก็เป็นเจตนาของแกแหละ เพราะแกอยากจะได้แบบนี้ ซึ่งมันก็ออกมาดี เพราะได้เห็นความตั้งใจของคนในบ้าน ทั้งพี่สะใภ้ พี่ชาย หม่าม๊า ทุกคนก็ทำกันเอง ไม่ได้จ้างออแกไนซ์เลย”

โอดงานที่ญี่ปุ่นแคนเซิลหมด
“กระทบอยู่แล้ว เพราะก่อนที่จะเกิดโควิด ผมมีทำทัวร์ด้วย เป็นทัวร์แฟนคลับที่อยากจะไป เราก็จะพาไป ก็จะเป็นทริปถ่ายภาพที่ผมเป็นคนนำทริปเอง ขับรถพาเที่ยว จริงๆ เรามีแพลนจะไปเดือนก.ค. และ ต.ค. ด้วย ก็แคนเซิลไปเลย แต่ที่เสียดายที่สุดก็คือการร่วมงานกับทางญี่ปุ่น เพราะจริงๆ ปีนี้ผมมีการร่วมงานกับทางญี่ปุ่นเยอะ ทั้งในลักษณะของการโปรโมตที่เป็นภาพลักษณ์ของเราด้วยนะ ซึ่งก็แคนเซิลหมดเลย รวมถึงเอ็มวีด้วย เอ็มวีที่เพิ่งปล่อยออกมา 4 เพลงนี่จริงๆ ต้องไปถ่ายที่ญี่ปุ่น ก็กลายเป็นพระราม 2 แทน (หัวเราะ)

เราได้ตำแหน่งเป็นทูตการท่องเที่ยวของเขาด้วย อันนึงที่ผมเสียดายมากคือรถไฟ JR เป็นบริษัทเอกชนที่ใหญ่มากที่ญี่ปุ่น ดูรถไฟทั้งหมดของญี่ปุ่น ตอนแรกเรามีโอกาสจะได้ไปท่องเที่ยว ไปโปรโมตว่าการเที่ยวด้วยรถไฟมันดียังไง ซึ่งก็มีการดีลไว้เรียบร้อยแล้ว 2 ครั้งแล้วนะ ก็แคนเซิลหมดเลย เพราะว่ารายได้ของ JR เขากระทบ ผมว่าบ้านเราน่ะโอเค แต่ที่ญี่ปุ่นดูหนัก เพราะเหมือนผู้ติดเชื้อก็จะเยอะขึ้น แต่ถ้าหากกลับมาเหมือนเดิม มีวัคซีน เราก็พร้อมอยู่แล้ว ก็เที่ยวไทยไปก่อนครับ”


กำลังโหลดความคิดเห็น