คอลัมน์ สกู๊ปพิเศษ
#เปิดกรุส่องดารา #ละครออนไลน์ #ยืนหนึ่งข่าวละคร
เก็บกด I ปลดแอก I ฉีกกฎ ของ "อ้อย-กาญจนา" !
"ถ้าเป็นวัยรุ่นก็อยากจะให้จดจําอะไรที่มันไม่ดีของผู้ใหญ่ไว้ จําไว้แล้วเอาไปแก้ไขเมื่อตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ส่วนคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็อย่านึกว่าตัวเองไม่มีอะไรผิดหรือบกพร่อง ก่อนที่จะว่าเด็กหรืออะไร นึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็กบ้าง ขอให้ทําตัวเป็นเพื่อนด้วย เป็นแม่ด้วย คืออย่าทําตัวเป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งลูกต้องเคารพกราบไหว้อย่างเดียว อย่าให้เป็นอย่างนั้น”
(กาญจนา จินดาวัฒน์ : นิตยสาร แพรว สุดสัปดาห์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 132 วันที่ 1 สิงหาคม 2531)
"อ้อย" กาญจนา (จินดาวัฒน์) รอดเกิด นักแสดงรุ่นใหญ่ แม่ของ "เพลง" กวิตา หรือชื่อปัจจุบันคือ ภตกร สีบุญเรือง ดาราจากช่อง 7 HD กาญจนา จินดาวัฒน์ เกิดเมื่อ 1 ตุลาคม 2501 เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 เวลา 16.47 น.
เธอเป็นนักแสดงที่กล้าเปิดเผยกับสาธารณชนตั้งแต่เข้าวงการว่า มีคนรักชื่อ "โต้ง" สาธิต รอดเกิด ทั้งคู่คบหากันมาตั้งแต่เรียนร่วมชั้น ม.ศ. 3 เขารู้และเห็นทุกอย่างในเรื่องราวของชีวิตเธอ ตั้งแต่ครอบครัว การทำงานในวงการ หลังคบหากันมายาวนานกว่า 12 ปี และแต่งงานกัน อยู่ด้วยกันตราบวาระสุดท้ายของเธอในวันนี้
ชีวิตนางแบบโฆษณา
ช่วงเธออายุ 20 ปี ขณะที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วันหนึ่ง ... เธอไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้าเพลินจิตพร้อมด้วย "โต้ง" สาธิต รอดเกิด แฟนหนุ่ม ซึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยก่อนหน้านี้ ทั้งคู่เรียนมัธยมร่วมกันที่โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ...
วันนั้น มีแมวมองจาก "โมด้า โมเดลลิ่ง" มาขอถ่ายรูปเธอไว้ พร้อมชักชวนไปถ่ายแบบโฆษณา ! งานชิ้นแรกที่เธอปฏิเสธไปคือ "โฆษณาสบู่ปาล์มมี่" แม้คณะทำงานจะอนุญาตให้นางแบบใส่กางเกงลงอ่างอาบน้ำขณะถ่ายทำได้ แต่เบื้องหน้าต้องถ่ายให้ดูเซ็กซี่ตามคอนเซ็ปต์งานชิ้นนั้น เมื่อเธอคิดดูอย่างถี่ถ้วน ถึงทางบ้าน และญาติทั้งหลายที่มีแต่คนหัวโบราณทั้งนั้น จึงตัดสินใจปฏิเสธงานนั้น
มาทำงานชิ้นแรกคือ โฆษณา "ผ้าอนามัยเซลล็อกซ์ แปดสี่" และอื่นๆ จนเธอเริ่มรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมและกลโกงของบรรดาโมเดลลิ่ง และเอเจนซีต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ โมด้า ที่ภายหลังเจ๊ง เพราะเบี้ยวเงินบรรดานายแบบ-นางแบบและทีมงานในช่วงนั้นหลายราย เมื่อรู้ไส้พุงของพวกหากินบนหลังคนแล้ว เธอจึงรับงานเอง โดยไม่ผ่าน "คนกลาง" นั่นทำให้เธอได้รับค่าตอบแทนที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่ "เศษเงิน" แค่ไม่กี่พันบาทที่บรรดาโมเดลลิ่งกินเหลือแล้วโยนให้ !
ละครยุคแรกที่ ช่อง 9 อสมท.
ปี 2520-2527 อารีย์ นักดนตรี ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าว , นักร้อง, นักแสดง และผู้จัด ตั้งแต่สมัยช่อง 4 บางขุนพรหม มาผลิตละครให้กับสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสี ช่อง 9 อสมท. (หรือ ช่อง 4 บางขุนพรหม เดิม) ปลุกปั้นดาราใหม่หลายคน นอกจาก "กาญจนา จินดาวัฒน์" แล้ว ยังมีคนอื่นๆทั้งหญิงและชาย อาทิ รัชนู บุญชูดวง, เดือนเต็ม สาลิตุล, อุทุมพร ศิลาพันธ์, ลินดา ค้าธัญเจริญ, นวลปรางค์ ตรีชิต, วุฒิ คงคาเขตร, อนุสรณ์ เดชะปัญญา, ปรัชญา อัครพล และ อัศวิน รัตนประชา เป็นต้น ทุกรายนามแจ้งเกิดทุกคน !
ระหว่างปี 2524-2525 แจ๊ค หลานชายของอารีย์ นักดนตรี ที่ไม่เคยสนใจและพูดถึงละครเรื่องใดเลย ก็เริ่มมีคำถาม มาเลียบๆเคียงๆ ถามว่า
"น้ารีย์ฮะ ไม่คิดจะสร้างนางเอกใหม่ๆบ้างเหรอ แจ๊คเบื่อหน้าเก่าๆ กี่เรื่องก็คนนี้"
วันแรกเริ่มต้นอย่างนั้นทิ้งไว้แค่นั้น อีก 2-3 เดือนถัดไป ก็ถามว่า "เอาเพื่อนแจ๊คมั้ย ?"
แจ๊ค หลานชายของอารีย์ นักดนตรี เป็นเพื่อนร่วมชั้นของสาธิต รอดเกิด ซึ่งเป็นคนรักของอ้อย กาญจนา แม้แจ๊คจะบอกว่า อ้อยมาที่ธรรมศาสตร์บ่อยก็ตาม ! เข้าใจว่า ประโยคนี้แฝงนัยยะว่า นัดดูตัวมั้ยล่ะ ใกล้แค่นี้เอง เพราะบ้านของอารีย์ นักดนตรี อยู่หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ. ราชดำเนิน แต่เมื่ออารีย์รู้ว่า ยังเรียนไม่จบ เดี๋ยวมาทำงานจะมีปัญหา ! จึงไม่เอา
อีกไม่กี่วันต่อมา หลานชายตัวดีเลยให้ "แม่" มาช่วยพูดกับน้องสาว !
ดัน ! ถึงขนาด แจ๊ค ติดสินบนลูกสาวของอารีย์ว่า ถ้าโทรทัศน์ โฆษณา "แป้งพอนด์สแองเจิลเฟซ" ที่กาญจนา จินดาวัฒน์แสดงแบบ ให้ชักชวนคุณแม่อารีย์มาดูและเชียร์ !
ไหนๆให้พี่สาวเป็นทัพหน้ามาขนาดนี้ เลยขอดูตัวว่า หน้าตา กิริยา ท่าทาง ซุ่มเสียง เป็นยังไง !?
อารีย์ นักดนตรี บอกกับ "ละครออนไลน์"ว่า
"ไอ้เราก็ช่างสังเกตและดูอะไรๆที่เป็นส่วนประกอบหลายๆอย่าง โดยเฉพาะบุคลิกท่าทางที่นางเอกต้องมี สังเกตดูตั้งแต่ลงจากรถจนเดินมาขึ้นบ้าน"
รูปร่างดี สมส่วน เหมาะที่จะเป็นนางเอก !
อารีย์ไม่อ้อมค้อม แจงว่า จุดอ่อนของอ้อย กาญจนามีตรงไหนบ้าง ?
หนึ่ง. เดินหลังค่อม
สอง. หน้าคว่ำตลอดเวลา ถ้าไม่อมยิ้ม
สาม. พูด-คิด-ตัดสินใจ ดูช้าไปนิดนึง
ถ้าเป็นนักแสดง ต้องแก้ไข 3 ข้อนี้
"หนูอ้อย เวลาเข้าฉากต้องหลังตรงนะ หลังค่อมไม่ได้ เล่นละคร บทพูดต้องเร็วกว่านี้หน่อย"
ตอนมาดูตัว ! อารีย์ถามว่า "ชอบเล่นละครมั้ย" เธอตอบว่า "คิดว่าชอบค่ะ"
"ถ้าคิดว่าชอบก็แสดงว่าไม่แน่ใจ - งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เล่นดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจทีหลัง ถ้าหนูจะเอาดีทางนี้ก็บอกแล้วกัน"
กาญจนา จินดาวัฒน์ ผ่านบทตัวประกอบถึง 3 เรื่อง ก่อนจะเป็น "นางเอก" เต็มตัวในเรื่องที่ 4
3 เรื่องที่ว่านี้คือ สาวแก่, พรหมไม่ได้ลิขิต และอีสา เรื่องแรก แค่การฝึกเดินเหินผ่านฉาก เรื่องที่สองขยับมารับบท "ใจสว่าง" ซึ่งเป็นบทตัวรอง และเรื่องที่สาม เล่นเป็น หม่อมราชวงศ์หญิงโสภิตพิไล รวีวาร แล้วถึงมารับบท "ปานวาด" นางเอกของเรื่อง "ประทีปอธิษฐาน" คู่กับนิรุตต์ ศิริจรรยา ดังเปรี้ยง ! เรื่องนี้แหละ พ่อเพิ่งรู้ว่า ลูกสาวเป็นนางเอกดัง !
ที่ผ่านมา ความเห็นต่างของพ่อกับลูกในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ทำให้เธอทั้งเก็บกดและกดดันไม่น้อย ! ถึงขั้นลุกขึ้นต้านหลายครั้ง การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถ่ายโฆษณา เล่นละคร เธอพยายามโกหก ปิดบังมาตลอด เช่น นัดถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ไม่ให้ตรงกับตารางเรียน หรือหากสุดสิสัย จำเป็นจริงๆ ก็อาจจะโดดเรียน ซึ่งน้อยครั้งมาก
ละครช่อง 9 ต้องอัดตอนกลางคืน อาทิตย์ละ 3 วันคือ อังคาร พุธ และพฤหัส ตัวประกอบอย่างเธอต้องรอ ให้ตัวเอกเล่นเสร็จก่อน เมื่อต้องกลับบ้านดึก การโกหกพ่อจึงเกิดขึ้น ... คืนนี้ เพื่อนเลี้ยงวันเกิด , งานแต่งงาน , สวดศพพ่อแม่ปู่ย่าตายายเพื่อนมีหมด เพื่อที่จะอำพรางการทำงานในวงการให้สะดวก ไม่ให้พ่อรู้ จนวันหนึ่ง เธอบอกกับอารีย์ว่า "ขออ้อยอัดก่อนเถิด ระหว่างรอตัวเอก !" เพราะถ้าได้ลงคิวแล้ว ย่อมหมายความว่า เธอจะกลับดึกน้อยลง !
ก่อนหน้านี้ เคยมีเรื่องกันใหญ่โตครั้งหนึ่ง เพราะชื่อ-นามสกุลที่ปรากฏในนิตยสาร "ดิฉัน" ที่เธอไปถ่ายแบบ ! เมื่อพ่อไม่อ่านหนังสือพวกนี้ นอกจากหนังสือพิมพ์ บรรดาญาติผู้ปรารถนาดี แต่ประสงค์ร้ายก็รีบรุดมารายงาน และกรอกเรื่องทั้งหลายใส่หู จนการทำงานโดยสุจริตของเธอดูแย่ในสายตาของผู้ใหญ่
ครั้งนี้ เมื่อเธอเป็นนางเอก "ประทีปอธิษฐาน" ดัง และมีชื่อเสียงแล้ว พ่อก็เลยอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ตกกระไดพลอยโจน สั่งลูกสาวได้แค่ "ต้องเรียนให้จบ" เท่านั้น !
หลังเป็นนางเอกละครช่อง 9 อสมท. เธอไปอยู่กับช่อง 3 ร่วมงานกับวรยุทธ พิชัยศรทัต กับ วรายุฑ มิลินทจินดา และผู้จัดคนอื่นๆ ต่อมาได้มีโอกาสร่วมงานกับช่อง 7HD นับรวมผลงานด้านละครช่องต่างๆ ราว 100 เรื่อง และภาพยนตร์อีก 4 เรื่อง (รับเชิญ 2 เรื่อง)
เรื่องที่ถูกพูดถึงมากคือ "ด้วยรักและผูกพัน" ของท่านทิพย์ (หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย) ซึ่งพระเอกคือ "เบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย์ ก่อนหน้าหนังเรื่องนี้ เธอรับบท "ปารมี" เล่นคู่กับเบิร์ดมาตั้งแต่ละครของอารีย์ นักดนตรี เรื่อง "ขมิ้นกับปูน" เมื่อปี 2528 โดยประกบกับพระ-นางอีก 2 คู่คือ เดือนเต็ม สาลิตุล-นิรุตต์ ศิริจรรยา และลินดา ค้าธัญเจริญ-วิวัฒน์ ผสมทรัพย์
นอกจากนี้ เธอยังเป็นนางเอกคนแรกของละครเรื่อง "นาคี" และ รับบท "เมขลา" ในละครเวทีเรื่อง "แม่เบี้ย" คู่กับลิขิต เอกมงคล โดยการกำกับของอาจารย์มัทนี รัตนิน อีกด้วย
เก็บกด-ปลดแอก-ฉีกกฎ !
นิตยสาร แพรวสุดสัปดาห์ (ปีที่ 6 ฉบับที่ 132) วันที่ 1 สิงหาคม 2531กาญจนา จินดาวัฒน์เคยให้สัมภาษณ์เปิดเรื่องที่ลูกสาว "น้องเพลง" เนื่องจากเป็นฉบับเดือนสิงหาคม ทั้งยังมี หลายเรื่อง หลายราว และประเด็นหนึ่ง ซึ่งทำให้เรารู้ว่า ชีวิตของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เช่น ดารา - นางแบบ คนอื่น แต่ถูกบีบคั้นด้วยกฎระเบียบของทางบ้าน จนเธอต้องต่อต้าน ให้รู้ว่า " ดื้อเพราะอยากให้รู้ว่าเราไม่ใช่คนอ่อนแอ ทำอะไรเองได้แล้ว และจะไม่ให้ใครมาขีดเส้นชีวิตให้เดิน ! "
พ่อและแม่ของเธอเป็นข้าราชการในกรมศุลกากร มีลูก 4 คน ซึ่งอ้อยเป็นลูกสาวน้องเล็ก
กฎระเบียบของพ่อกับเธอในครอบครัวคือบทเรียนสำคัญ ซึ่งเธอจะไม่ยอมส่งต่อให้กับลูกสาวและลูกชายของเธออย่างเด็ดขาด !
@ โรงเรียนเลิกบ่าย 3 รอรถถึง 5 โมงเย็น !
บ่าย 3 โมงครึ่ง เลิกเรียน เพื่อนทุกคนจูงมือขึ้นรถเมล์กลับบ้าน สำหรับเธอต้องนั่งรอ จนถึง 5-6 โมงเย็น พ่อกับแม่ถึงขับรถมารับ ยิ่งช่วงสอบเลิกเที่ยง ทำไมต้องรอ... ถึงเย็น ! จนวันหนึ่ง เธอหนีขึ้นรถเมล์กลับบ้านกับเพื่อน เพื่อนรู้ว่า เธอขึ้นรถเมล์ครั้งแรกก็ดันให้ขึ้นรถก่อน เดี๋ยวตกรถ ! บนรถ ถ้ามีผู้โดยสารลุกจากที่นั่งเตรียมลง เพื่อนจะให้อ้อยนั่งก่อน ไม่เคยขึ้นรถเมล์ เดี๋ยวรถเบรก หกล้ม ที่ "กลับบ้านเอง" เพื่อยืนยันว่า เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ และอยากทำอะไรด้วยตัวเอง" !
@ เมื่อแขกมาบ้าน
ห้ามเดินออกมายุ่มย่าม ห้ามส่งเสียงดัง ทีวีต้องหรี่เสียงหรือปิดเลย !
@ ข้อแนะนำจากเพื่อน "ฮาและอย่าได้แคร์"
เพื่อนก็มีวิธีการอะไรแปลกๆ เช่น ขอแล้วไม่ให้...จัดกระเป๋าเดินทางออกมาเลย , เก็บกระเป๋าเสร็จ บอกไปแล้วนะ ! ไปเที่ยวกับเพื่อน จังหวัดไกลๆก็ต้องโกหกเป็นจังหวัดใกล้ๆ ไม่งั้นไม่ได้ไป อ้างว่า "เป็นห่วง" !
@ ไม่ให้เป็นลีดเดอร์
พ่อจะไม่ให้เป็นลีดเดอร์ เพราะต้องใส่กระโปรงสั้นๆ โตขึ้นมา ใส่กางเกงตลอด มีกระโปรงแค่ 2 ชุดเอง ... พ่อกลัวใครเห็นขาลูกสาว ส่วนแม่ไม่ให้ใส่กระโปรง เดี๋ยวขาไม่สวย ขาดำ ขาถลอก !
@ แอบฟังโทรศัพท์-จดหมายแกะอ่าน
วันหนึ่ง พ่อแอบฟังโทรศัพท์ ที่เธอบอกโต้งว่า เดี๋ยวซ้อมอิเลกโทนเสร็จไปดูหนังกัน พ่อแอบฟังอีท่าไหนไม่รู้ กลายเป็นว่า ไม่ซ้อม จะไปดูหนัง หาว่าโกหก เธอโกรธมาก นับจากวันนั้นเลิกเรียนอิเลกโทนไปเลย ทั้งที่ชอบมาก ทำไมต้องแอบฟังโทรศัพท์ จดหมายมาบ้าน ทำไมต้องแกะอ่าน !
@ เมื่อมีลูก "เพลง-พิณ" !
"อ้อย" กาญจนา จินดาวัฒน์ กับ "โต้ง" สาธิต รอดเกิด คบหากันมาตั้งแต่ชั้น ม.ศ. 3 ของโรงเรียนสาธิต ประสานมิตร เขาและเธอไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทางบ้านเธอทราบดี แม้จะเคยห้าม ! โดยอ้างว่า อาจทำให้เธอเรียนหนังสือไม่จบ แต่เธอก็ยังยืนยันการคบด้วยความสุจริตใจ เมื่อเธอทำงานโฆษณาและละคร ช่วงแรกๆ เธอพาโต้งไปด้วย ! โดยเหตุผลว่า เพื่อให้เขารับรู้และเห็นขั้นตอนการทำงานต่างๆ จะได้ไม่เป็นห่วง เพราะอาชีพสจ๊วต ต้องบินอยู่ตลอดเวลา , ทั้งบอกกับผู้ร่วมงานและคนทั่วไปว่า เธอมีคนรักแล้ว จะได้ไม่มีใครมาวุ่นวายกับเธอ ทั้งคู่คบหาดูใจกันนานถึง 12 ปีถึงแต่งงาน และมีลูกชาย-หญิง ชื่อ "เพลงและพิณ"
บทเรียนจากอดีตในชีวิตเธอ กลั่นกรองเป็นข้อความนี้
"ถ้าเป็นวัยรุ่นก็อยากจะให้จดจําอะไรที่มันไม่ดีของผู้ใหญ่ไว้ จําไว้แล้วเอาไปแก้ไขเมื่อตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ส่วนคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็อย่านึกว่าตัวเองไม่มีอะไรผิดหรือบกพร่อง ก่อนที่จะว่าเด็กหรืออะไร นึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็กบ้าง ขอให้ทําตัวเป็นเพื่อนด้วย เป็นแม่ด้วย คืออย่าทําตัวเป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งลูกต้องเคารพกราบไหว้อย่างเดียว อย่าให้เป็นอย่างนั้น”
จะมีใครสักกี่คนที่ผ่านเรื่องราวกดดันที่เสมือนกับ "แอก" ซึ่งเทียมกดทับเธอไว้ด้วยขนบและกฎเกณฑ์อันโบราณ คร่ำครึ จนเธอต้องลุกขึ้นมาฉีกกฎเกณฑ์ทั้งปวง เพื่อประกาศให้รู้ว่า " เด็กดื้อคนนี้ มีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่ และพร้อมที่จะยืนหยัดด้วยลำแข้งและหยาดเหงื่อแรงงานของตนเองได้แล้ว" และเมื่อเธอเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ เธอได้สร้างวิถีการเลี้ยงลูกในแบบอย่างของเธอ โดยที่ไม่เอา "อดีต" ไปกดทับ "พิมพ์" แห่งอนาคต !
..........
ขอบคุณพิเศษ
นิตยสาร ดิฉัน ปีที่ 9 ฉบับที่ 205 วันที่ 15 กันยายน 2528
นิตยสาร แพรวสุดสัปดาห์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 132 วันที่ 1 สิงหาคม 2531
เพจ แต้ว บอกอ Model
และรูปอื่นๆ บางส่วนจากอินเตอร์เน็ต