เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 กระทรวงสาธารณสุขเผยมติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่องการอนุญาตให้ประชาชนใช้กัญชาและกัญชง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพตามวิถีพื้นบ้านได้โดยไม่ถือเป็นยาเสพติด ย้ำชัดว่าเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพตามวิถีพื้นบ้านเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้ใช้เพื่อสันทนาการ
โดยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ได้มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ และมีมติเห็นว่า วิถีภูมิปัญญาด้านสุขภาพของไทยมีการนำส่วนของใบ กิ่ง ก้าน ลำต้น ราก ของกัญชาและกัญชงมาใช้ จึงปลดส่วนนี้ออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น โดย อย. จะเสนอร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป
สาระสำคัญของร่างฉบับนี้ คือ กำหนดให้ส่วนต่าง ๆ ของกัญชาและกัญชง เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ปลูก ผลิต หรือสกัดในประเทศไทย ไม่ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ได้แก่
1. เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก
2. ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย
3. สารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (CBD) เป็นส่วนประกอบ และมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก
4. เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือสารสกัดจากเมล็ดกัญชง
ทั้งนี้ กัญชาและกัญชงที่ประชาชนจะครอบครองและใช้ได้อย่างถูกต้อง จะต้องเป็นผลผลิตที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ที่สำคัญคือยังไม่อนุญาตให้นำไปใช้สันทนาการ โดยสามารถตรวจสอบผู้ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ อย. http://cannabis.fda.moph.go.th
เมื่อประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว จะสามารถส่งเสริมให้กัญชาและกัญชงก้าวสู่พืชเศรษฐกิจทางสุขภาพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และสร้างความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนต่อไป