ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ปกริช กี่สิ้น” ลูกชาย “เปี่ยน กี่สิ้น” อดีตนายกเมืองป่าตอง นำลูกทีมกลุ่ม “รักป่าตอง” ประกาศความพร้อมสู้ศึกชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีและสมาชิกเทศบาลเมืองป่าตอง รู้ปัญหา ทำทันที ทำให้ดีที่สุด พาป่าตองพ้นวิกฤต
เริ่มมีการเคลื่อนไหวกันแล้วสำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองป่าตอง หลังทาง กกต.กำหนดเวลาในการเลือกตั้งชัดเจนแล้ว ในวันที่ 28 มี.ค.2564 นี้ โดยเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (24 ม.ค.) กลุ่มรักป่าตอง นำโดย นายปกริช กี่สิ้น หรือ “ปืน” ลูกชาย นายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลป่าตองหลายสมัย ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นำลูกทีมว่าที่ผู้สมัครสมาชิกเทศบาลเมืองป่าตอง (ส.ท.) ทั้ง 3 เขต เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรม เดอะรอยัล พาราไดซ์ โฮเต็ล แอนด์ สปา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมี สื่อมวลชน และประชาชนชาวป่าตองร่วมให้กำลังใจ
นายปกริช กี่สิ้น ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ทีม “รักป่าตอง” กล่าวว่า กลุ่มรักป่าตองเป็นกลุ่มการเมืองที่นายเปี่ยน กี่สิ้น (บิดา) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง เป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 ตั้งแต่ยังเป็นเทศบาลตำบลป่าตอง โดยกลุ่มรักป่าตอง เป็นกลุ่มการเมืองทางเลือกให้แก่พี่น้องชาวป่าตอง ที่ต้องการการเมืองที่เข้าใจปัญหาของคนตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงนักธุรกิจ ซึ่งตนมองว่าเมืองป่าตองต้องการผู้นำที่มีมุมมองในระดับสากล มุมมองที่ว่าไม่ใช่แค่การมีวิสัยทัศน์หรือวางนโยบายและสั่งการลงมาเท่านั้น แต่จะต้องรู้ความต้องการของพี่น้องประชาชนด้วย
“ที่ตัดสินใจลงชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองป่าตองในครั้งนี้ เพราะปัจจุบันเมืองป่าตองมีปัญหามากมายรุมดเร้า และอยู่ในขั้นวิกฤต โดยเฉพาะยิ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยแล้ว ป่าตองบอกช้ำอย่างหนัก สถานการณ์ในครั้งนี้เรียกร้องให้กลุ่มรักป่าตองต้องกลับมาแก้วิกฤต” ว่าที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวถึงการตัดสินใจลงสมัครในครั้งนี้
ส่วนสาเหตุว่าทำไมต้องเป็นตนที่ลงมาเล่นการเมืองแทนที่จะเป็นนายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น (ปราบ กี้สิ้น) ซึ่งเป็นพี่ชาย เรื่องนี้ขอเรียนว่า คุณปราบ มีหน้าที่ต้องดูแลธุรกิจในครอบครัวเป็นหลัก ตนจึงต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของบิดาในการลงเล่นการเมืองเพื่อช่วยเหลือประชาชน จริงๆ แล้วตนไม่ได้ทำงานการเมืองเฉพาะช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้งเทศบาลในครั้งนี้เท่านั้น แต่ได้ติดตามบิดาลงพื้นที่แก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนตลอดระยะเวลาที่ท่านเป็นนายก จนถึงวาระสุดท้าย จึงไม่อยากให้ความตั้งใจของบิดาสูญเปล่า เหมือนคำที่ท่านมักพูดอยู่เสมอว่า “นายกหน้าดำ ประชาชนหน้าใส” การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ตนจึงอาสาเข้ามาทำงานในจุดนี้เพื่อนำพาป่าตองให้พ้นวิกฤต ปัญหาป่าตองจะต้อง “ทำทันที และจะทำให้ดีที่สุด”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่และจะต้องได้รับการบรรเทาโดยเร่งด่วนที่สุด ความเป็นอยู่พื้นฐานของพี่น้องประชาชน เรื่องของปากท้อง เรื่องของอาชีพก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะขณะนี้ป่าตองเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ชาวป่าตองมีรายได้เข้า ถ้ามีโอกาสได้เข้าไปบริหารสิ่งที่คิดว่าสามารถทำได้เลย คือ การทำให้พี่น้องชาวป่าตองมีพื้นที่ในการค้าขาย ลดเรื่องของค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การจำหน่ายสินค้าราคาถูกโดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นไข่ หรือสินค้าอุปโภคบริโภค
ส่วนเรื่องของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการนำพาการท่องเที่ยวไปสู่ระดับสากล โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวนั้นในอนาคต ถ้าเปิดประเทศได้ก็จะต้องมีการออกไปทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเชิญชวนชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามา แต่ในช่วงที่ยังไม่สามารถเปิดประเทศได้ก็จะต้องทำให้คนไทยเดินทางมาเที่ยวป่าตองให้มากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าไปได้ โดยการประสานกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกัน
สำหรับว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองป่าตอง กลุ่มรักป่าตอง ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายมาโนด ทองหอม นายวสันต์ ชายสิทธิ์ นายจรวย เพ็ชรหึง นายสมชาย ขวัญยืน นายประสิทธิชัย พัฒกอ นายมานะ พันธ์ฉลาด เขต 2 นายธานินทร์ อรรถทรัพย์ นายสหัตถ์ ตามชู นายวิรัช ประทีป ณ ถลาง นายบัญญัติ สมนาม นายสุทธิกาญจน์ วันยนาพร นายบุญแทน ภิรมย์ฤทธิ์ และเขต 3 นายมานิจ อยู่เย็น นายพฤษภาคม เศรษฐ์ทอง นายพงศ์พิสุทธิ์ กิจก่อทรัพย์ นายเมธาสิทธิ์ กาญจนะ นายษณกร กี่สิ้น และนายสายชล สมบัติ