xs
xsm
sm
md
lg

แกนนำ 3 นิ้วโดดลงมา “เปิดศึกกันเอง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



แกนนำราษฎรโดดร่วมวงความขัดแย้งภายใน ประกบคู่สวนคนในที่เห็นต่าง ไมค์-สมบัติ โตโต้-กาณฑ์ เฮียบุ้ง-หมออั้ม บางรายเจอมากกว่า 1:1 ด่าทอ เหยียดหยาม ข่มขู่ทำร้าย แจ้งความดำเนินคดี สาวกสุดโต่งดาหน้าถล่มตามแกนนำเสื้อแดงถอย ลามไปป่วนทักษิณ ด้าน WEVO ทำกราฟิกแซะสู้ไปกราบไปจนกระแสตีกลับ เยาวชนปลดแอกลงสนามครั้งใหม่ 28 กุมภาพันธ์

ยิ่งนานวันความขัดแย้งภายในม็อบราษฎรยิ่งปะทุออกมาให้บุคคลภายนอกได้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าที่จะยุติหรือลดน้อยลง แต่กลับขยายวงของความขัดแย้งเพิ่มมากกว่าเดิม การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ของนายสมบัติ ทองย้อย หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง ต่อการทำหน้าที่การ์ดที่เป็นฝ่ายใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ย่อมทำให้เกิดผลเสียต่อม็อบเอง แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมที่ชื่นชอบแกนนำ เพราะมองว่าเป็นการให้ร้ายม็อบและลดความน่าเชื่อถือของม็อบลง จนตามมาถล่มทุกโพสต์ที่ตำหนิการชุมนุม

แม้แกนนำยุบการ์ดทั้งหมดไปเมื่อ 11 ธันวาคม 2563 แต่พบว่ายังมีทีมเดิมอย่าง WEVO ของนายปิยรัฐ จงเทพ เข้ามาทำหน้าที่ดูแลผู้ชุมนุม ซึ่งมีการ์ดอาชีวะบางส่วนเข้าไปร่วมทีม และการ์ดอีกชุดในนาม Mayhem ประกบตัวแกนนำ

เมื่อมองจากภายนอกก็เห็นชัดเจนว่าแกนนำต้องการเลือกคนของตัวเองไว้ และตัดทีมอื่นออก จนผู้ที่เคยร่วมงานกันมาต้องหลุดออกมาจากขบวน และเมื่อวิจารณ์การทำงานของม็อบก็จะมีทีมปกป้องแกนนำตามถล่ม


“ไมค์” เปิดศึกเอง

การโพสต์ของ สมบัติ ทองย้อย นับได้ว่ามีน้ำหนักมาก เพราะเคยเป็นคนในที่ร่วมชุมนุมด้วยกันมา แม้จะถูกตามถล่มทุกครั้งแต่สมบัติก็ออกหน้างานตลอด การวิจารณ์เป็นไปตามภาพที่คนทั่วไปเห็น เป้าหมายเป็นไปเพื่อให้ม็อบเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความชอบธรรม ไม่ใช้ความรุนแรง ทำให้ผู้ที่เห็นต่างจากการชุมนุมเข้ามาติดตามในเฟซบุ๊กของสมบัติ ทองย้อย เป็นจำนวนมาก

เมื่อฝ่ายที่ออกมาปกป้องม็อบไม่สามารถหยุดยั้ง สมบัติ ทองย้อย ได้ แม้จะมีข้อความเชิงข่มขู่จากแนวร่วมหลายคน จึงเริ่มมีแกนนำกลุ่มราษฎรอย่าง ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ออกมาเปิดศึกกับสมบัติเองโดยตรง

“อยากเห็นพี่สมบัติ จัดม็อบครับ อยากรู้ว่าทำได้แบบที่พูดไหม” ข้อความดังกล่าวโพสต์ที่หน้าเฟซบุ๊กของไมค์และขึ้นที่เฟซบุ๊กของสมบัติ ทองย้อย

ไม่เพียงแค่ไมค์เท่านั้น แต่ นายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือเฮียบุ๊ง ทีมสนับสนุนม็อบ ยังได้โพสต์เกี่ยวกับนายสมบัติ “เพิ่งนั่งดูคลิปที่สมบัติ ทองย้อย ไปออกรายการเสรีจริงๆ จังๆ ดูจบปุ๊บ ก็คิดว่าต่อไปนี้ถ้าเจอคนคนนี้เดินปะปนในกลุ่มผู้ชุมนุม คงต้องให้ทีมสตาฟเดินเข้าไปค้นตัวละ ฟังที่พูดในรายการ มันคล้ายๆ เข้ามาในม็อบเพื่อตามจับผิดกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วเราไป blackmail ทีหลังชัดๆ”

สมทบด้วย ฟอร์ด เส้นทางสีแดง “ใครอวดอ้างตัวเองเป็นเสื้อแดงหิวแสงม็อบนักศึกษา โพสต์เลอะเทอะ ไม่มีความจริง เรียกเรตติ้งจากสลิ่ม มีเด็กมาถามจะทำยังไง ตอบว่าก็แบนเลย สะเออะเข้าไปตีกระบาลแยก สร้างความวุ่นวายแตกแยกดีนัก”

เฟซบุ๊กของทั้งบุ๊ง และไมค์ ต่างโพสต์ภาพบุคคลชูป้าย ตามหา...สมบัติ ทองย้อย ไม่เพียงเท่านั้น ไมค์ยังได้โพสต์ภาพสติกเกอร์เตือนตนเองไว้ “อย่าหิวแสง” ที่มีการ์ดเมเฮม (Mayhem) เป็นผู้ทำจำหน่าย


“สมบัติ” สวนแต่ละดอก-เจ็บ

นับเป็นการเปิดศึกโดยตรงกับ สมบัติ ทองย้อย จากบุคคลระดับแกนนำการชุมนุม ระหว่างนั้นสมบัติเงียบหายไปจากเฟซบุ๊ก จนในที่สุดได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นอีกครั้ง

“ในเมื่อเงียบมาหลายวัน เพื่อให้ทุกอย่างเงียบสงบ แต่ถ้าไม่อยากจบ ได้ ยินดี นี่เหนือคือม็อบปัญญาชน คนมีการศึกษา ล่าแม่มดกันแบบนี้ ระดับแกนนำลงมาเล่นกับการ์ดแก่ๆ กระจอกๆ ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย เป็นเพียงแค่มวลชนคนธรรมดาคนหนึ่ง


เพียงแค่คิดต่าง เห็นต่างกับการกระทำของม็อบและตักเตือนด้วยความหวังดี แล้วนี่หรือการเคารพสิทธิคนอื่น นี่หรือคนเท่ากัน นี่หรือที่บอกว่าเราจะส่งประชาธิปไตยที่สวยงามสู่คนรุ่นหลัง

การกระทำแบบนี้มันใช่สินะ บอกเลยนะ กูเลิกไปม็อบนี้เด็ดขาด แล้วไม่ต้องขึ้นป้ายตามหากู ไม่ต้องมาท้ากูจัดม็อบ ใครอยากไปเชิญ กูไม่ไป เลิกไปม็อบ”

จากนั้นมีกิจกรรม “ม็อบตำรวจล้มช้าง” เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2564 นายสมบัติได้ออกมาโพสต์ “เทอาหารหมาให้ตำรวจ เอาสีสาดตำรวจ เอาน้ำแดงสาดตำรวจ ด่าพ่อล่อแม่ตำรวจ คฝ.เสียๆ หายๆ ไม่ให้เกียรติตำรวจชั้นผู้ใหญ่ บุกไปโรงพักตำรวจ สาดสีใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คิดว่าสิ่งเหล่านี้ตำรวจเขาไม่มีสมองจะจำหรือว่าทำอะไรกับพวกเขาไว้บ้าง แล้ววันดีคืนดีมาชวนตำรวจเป็นพวก หุหุ เป็นยุทธศาสตร์ที่โครตดีเลย”

ถัดมาอีก 1 ชั่วโมง ภาณุพงศ์ จาดนอก โพสต์โต้ “เห้ย พี่เดย์...หมาเห่าอีกแล้วว่ะ เอาไงดี” แม้ครั้งนี้ไม่ระบุชื่อ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าหมายถึงใคร


บุ๊ง-หมออั้ม - โตโต้-กาณฑ์

แหล่งข่าวภายในม็อบกล่าวว่า คู่ฟัดภายในม็อบราษฎรและแนวร่วมมีหลายคู่ บางคนก็มีคู่กรณีมากกว่า 1 ราย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกียวโตจะมีปัญหากับหลายๆ คน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ จนลามไปถึงนายอิราวัต อารีกิจ หรือ “หมออั้ม”

นายปกรณ์ พรชีวางกูร เฮียบุ๊ง สายสนับสนุนการชุมนุมก็มีปัญหากับหมออั้ม อิราวัต และยังมีการตอบโต้กันไปมาในเรื่องเงินบริจาค ถึงขึ้นเป็นคดีความ

อีกคู่หนึ่งที่เพิ่งจะโต้กันอย่างหนัก คือ คู่ของนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้าการ์ด WEVO กับนายศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ หรือ “กาณฑ์” ถึงขั้นโตโต้ประกาศฟ้อง “ผมปล่อยผ่านมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ผมเตรียมทนายฟ้องแน่นอนครับ และจะแจ้งความที่กาฬสินธุ์ เพราะตอนนี้ผมอยู่กาฬสินธุ์พอดี”

หลังจากที่นายศศิพัฒน์ได้โพสต์ข้อความว่า ทุกครั้งที่ไปม็อบจะมีกลุ่มการ์ดที่สวมปลอกแขน We Volunteer ที่ชอบเข้ามาแสร้งเป็นป้องกันมวลชนที่มาชุมนุม แต่พอเอาเข้าจริงการ์ดเหล่านี้กลับเอาผู้ชุมนุมที่ใส่หมวกและชุดกันฝนมาปะทะหน้ากองกำลังตำรวจ โดยยุว่าอยากสู้ไหม “กล้าสู้กับพวกมันไหม” ด้วยเสียงปลุกเร้าสร้างอารมณ์ร่วมในที่ชุมนุม

เมื่อเสร็จภารกิจ โดยมีการตกลงรับเงินจากนายทุนท่านหนึ่งก็จะเปิดรับเงินบริจาคระดมทุนต่อไป โดยไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเงินที่ได้เอาไปใช้โปร่งใสแค่ไหน


ลามไปถึง “ทักษิณ”

คนที่เปิดศึกกัน ถือว่าเป็นบุคคลที่ในม็อบและคนที่ติดตามเรื่องนี้รู้จักเป็นอย่างดี แม้จะร่วมชุมนุมด้วยกันมา แต่บางเรื่องไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ม็อบทำอยู่แล้วออกมาวิจารณ์ ทุกคนโดนถล่มทั้งหมด มากน้อยแตกต่างกันไป

ระดับแกนนำบนๆ จะมีสาวกคอยตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาพาดพิงและทำการตอบโต้ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำที่ประสงค์ดี แม้บางครั้งแกนนำทำสิ่งที่ผิดพลาด หากเสียงวิจารณ์เหล่านั้นขัดต่อสิ่งที่แกนนำทำก็จะตามถล่มอย่างต่อเนื่อง

กรณีที่น่าจะเป็นปัญหามากที่สุด คือ เรื่องของสมบัติ ทองย้อย สาวกแกนนำได้ออกมาตอบโต้ รวมถึงการโพสต์ในลักษณะข่มขู่แล้ว แต่ยังโพสต์ข้อความเหยียดไปถึงคนเสื้อแดงทั้งหมด ทำให้เสื้อแดงที่เคยหนุนม็อบส้มถอยออกไป และไม่ได้หยุดแค่นั้น แต่ยังตามเข้าไปป่วนใน Clubhouse ของทีมเพื่อไทยที่ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นแขกร่วมรายการ พร้อมทั้งการทำกราฟิกล้อเลียนทักษิณสื่อความหมายสู้ไปกราบไปจากทีม WEVO ของโตโต้ กลายเป็นสิ่งที่คนเสื้อแดงยอมรับไม่ได้

จนทีมงาน WEVO ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไป พร้อมด้วยโพสต์ข้อความขอโทษ สืบเนื่องจากโพสต์ล่าสุดของทางเพจ WEVO ทางเราไม่ได้มีเป้าประสงค์จะให้ร้ายต่อคุณทักษิณ....จากความผิดพลาดของภาพที่สื่อออกไป เราต้องขอน้อมรับทุกคำติวันนี้ไปปรับพิจารณาแก้ไข... ทีมแอดมินเพจ WEVO ได้ทำการลบโพสต์ดังกล่าวที่แสดงถึงการพาดพิงตัวบุคคลและต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ในเรื่องนี้นายศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ หรือ “กาณฑ์” ได้โพสต์ข้อความถึงโตโต้ว่า ก่อนที่คุณจะมาตั้งใจทำภาพประจานนายกทักษิณ คุณรับผิดชอบกับทีมงานไว้เป็นอย่างดี แต่พอประจานคุณทักษิณไปสองชั่วโมง เห็นกระแสไม่ดี คุณกลับรับชอบแต่เพียงคนเดียว แล้วโยนขี้ให้ทีมงานรับผิดแต่เพียงผู้เดียว แบบนี้เรียกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ที่อาสาทำการเมืองสร้างสรรค์หรอคะ

วุฒิภาวะแกนนำ

ที่จริงความขัดแย้งภายในม็อบนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะกลุ่มที่มารวมตัวกันนั้นมาจากฐานที่ต่างกัน แนวทางอาจไม่เหมือนกัน แต่ทุกอย่างจะจบแล้วม็อบเดินหน้าต่อไปได้ด้วยการพูดคุยทำความเข้าใจกัน การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างถือเป็นเรื่องสำคัญ หากข้อเสนอแนะเหล่านั้นจะทำให้เกิดผลดีต่อการชุมนุม

คนที่เป็นแกนนำมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยและยุติความขัดแย้ง เพื่อให้การเคลื่อนไหวเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ควรลงมาเป็นผู้เพิ่มความขัดแย้งเสียเอง เว้นแต่ไม่ต้องการมวลชนกลุ่มที่มีปัญหา

การออกมาของไมค์ไม่ต่างไปจากการท้าชนกับสมบัติ ทองย้อย การ์ดเสื้อแดง แถมยังมีลูกคู่อย่างเฮียบุ้งปกรณ์อีก แม้การโพสต์ไม่มีข้อความให้ร้ายหรือหยาบคาย แต่เสมือนเป็นการเชิญให้สาวกของแกนนำเหล่านั้ินตามมาถล่มสมบัติอีกรอบ

นี่เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่แกนนำที่อายุยังน้อย การควบคุมอารมณ์และวุฒิภาวะจึงกลายเป็นข้อจำกัด อีกทั้งสายที่สนับสนุนที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน มองปัญหาไม่รอบด้าน เอาแต่ใจ ไม่ยอมรับความเห็นต่าง ทั้งหมดล้วนทำให้มวลชนลดลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดจากเหตุการณ์หลังวันที่ 13 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา


รอบใหม่ของเยาวชนปลดแอก

แม้จะมีท่าทีของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่กลุ่มคณะราษฎรเคยตัดออกจากทีม เริ่มออกมาหยั่งเสียงที่จะจัดการชุมนุม โดยตั้งเป้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จัดกิจกรรมในนามกลุ่ม REDEM เดินขบวนขับไล่เผด็จการ จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไปที่จะดึงมวลชนให้กลับเข้ามา อีกทั้งพรรคการเมืองที่พวกเขาเคยชื่นชอบ

ส.ส.ในพรรคนั้นก็มีปัญหาทั้งเรื่องแก้มาตรา 112 และยังขอรับเครื่องราชฯ อีก ไม่รวมถึงผู้นำนอกพรรคที่มีคดีความอีกหลายเรื่อง

กระแสคนรุ่นใหม่ที่เคยบูมเข้าร่วมชุมนุมจนเป็นแฟชั่นเมื่อปี 2563 ขณะนี้กระแสดังกล่าวได้ผ่านไปแล้วและอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของกลุ่มราษฎรนั้นเริ่มมีเสียงคนในที่เห็นว่าควรจะมุ่งแก้ที่ตัวรัฐธรรมนูญ


กำลังโหลดความคิดเห็น