ฉาวสนั่นวงกาม สาวเบื้องหลังเข้าแจ้งความถูก “ดาราชายซุกลูกซุกเมีย” ทำร้ายร่างกาย บีบคอหลังเสร็จกิจ จนเกือบจะตายคาเตียง เผยหลอกมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลากว่า 2 ปี อ้างไม่มีลูกมีเมีย ทำทุกอย่างให้เชื่อใจเพื่อต้องการจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย สุดเจ้าชู้จีบผู้หญิงทีละ 5 คน เซ็กซ์จัดเจอทีไรจัดทุกครั้ง แถมไม่เคยใส่ถุง ประกาศเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ผู้หญิงไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ ถ้าอยากมากให้ไปซื้อกินอย่ามาหลอกคนอื่น
โดยสาวเบื้องหลังได้เปิดเผยเรื่องนี้อย่างหมดเปลือกว่า.....
“คนนี้เจอตามงานอีเวนต์ แล้วมีวันหนึ่งเขาแอดเฟซบุ๊กมา เราก็รับตามปกติ เขาก็พยายามทักเรามา ก็ผ่านไปช่วงหนึ่งได้คุยกันมากขึ้น เขาจะส่งมาว่าเขาทำอะไรบ้าง เหมือนให้ความสนใจเรามากขึ้น เราก็รู้สึกว่าเขาสนใจใส่ใจเรา ก็เลยได้คุยกัน เขาก็บอกว่าตัวเขาโสดไม่มีใคร มันเป็นจังหวะที่ญาติเราเสียแล้วเรานอยด์ดาวน์ทุกอย่าง เขาก็มาให้กำลังใจเรา ใส่ใจเรามากเป็นพิเศษ เราก็รู้สึกว่าโอเคเขาใส่ใจเรา มันทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น”
“เขาก็จะพยายามมาหาเราตลอด เขาจะคอยดูในไอจีว่าเราอยู่ที่ไหน ก็บอกว่าจะแวะมาหานะ มากินข้าวในรถก็ได้อยากเจอ ก็มาเจอกันครั้งแรกตอนที่เราทำงานอยู่แถวเลียบด่วนฯ เขาก็ขอแวะมาหา เขาก็จะมาเจอศิลปินหลายคนที่นี่ เขาก็ทำตัวตามปกตินะ ก็เจอแค่ช่วงเวลาแค่แป๊บเดียวก็กลับ ก็ไม่มีอะไร เราก็โพสต์ในไอจีแท็กเขาแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เราก็บอกประมาณว่า มีผู้ชายแวะมาหาด้วยดีใจจัง เขาก็ยังกดไลก์เหมือนแสดงว่าเปิดเผยได้”
“หลังจากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ ช่วงเวลาคุยก็ประมาณ 3-4 เดือน ช่วงแรกๆ จะมาหาบ่อยมาทุกวันๆ เหมือนเขาไม่มีใคร คือถ้าคนมันมีแฟนมีอะไรก็คงจะไม่ได้มาหาเราบ่อยแบบนี้ กลางวันก็ส่งข้อความมาตลอด ส่งรูปรายงานมาตลอดว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน เขาทำตัวปกติมาก”
โดนปล้ำบนรถ
“ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกัน เขาก็จะมารับที่หอพักหรือตอนเช้าๆ เราไปทำงาน เขาก็จะแบบไปส่งที่ทำงานไหม เขาพยายามขอเป็นแฟน เราก็ยังเฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไรเขาเลย จนวันหนึ่งก็ไปกินข้าวกันก็ไปเจอคนมีชื่อเสียงคนอื่นๆ เขาก็ทำตัวตามปกติ (ไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ) เขาทำตามปกติเลย เขาจูงมือเรา เขาก็หอมแก้มเราในร้านเราก็ตกใจ และเขาก็ถ่ายรูปเราลงสตอรีด้วย คือเขาทำตัวปกติเลย”
“พอตอนเขามาส่งเราจะลงรถ เขาก็ขอหอมแก้ม เราก็มีใจให้เขานะ ก็ให้เขาหอม พอหอมไปหอมมาเขาก็ปล้ำเราบนรถเลย ไม่ใส่ถุงยางด้วย พอเสร็จแล้วเขาก็บอกว่าเป็นแฟนกันนะ เขารับผิดชอบเขาจะดูแล มันก็เป็นไปโดยตกกะไดพลอยโจน”
“พอวันต่อมาเขาก็ไม่ได้หาย ก็จิกๆ เราตามปกติ เวลาเขาทำงานเขาก็โทร.มารายงานตัวตลอด เขาใส่ใจ จนคบกันมาเกือบปี ทีนี้เราก็เริ่มเข้าไปดูในไอจีเขา ก็เอ๊ะ...ทำไมมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งอยู่หลายปีแล้ว ก็ถามเขา เขาก็บอกว่าแฟนเก่า แล้วเขาก็ลงรูปกับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นขาวดำประมาณว่าสู้ไปด้วยกัน เราก็อะไรแฟนเก่า เราก็โทร.เลย เขาก็อธิบายว่าเป็นเพื่อนกันแล้วทำธุรกิจด้วยกัน เลยลงให้กำลังใจกัน”
“เขาจะเป็นคนที่พูดมีเหตุมีผลรองรับเสมอ เวลาเราสงสัยอะไร เขาจะเป็นคนที่พูดน่าเชื่อถือ เราก็พยายามเชื่อ เวลาก็ผ่านไปเขาก็ไม่เคยลงภาพแบบนี้อีก จนเราเข้าไปเห็นแฮชแท็กเด็กผู้ชายมา เราก็แคปรูปไว้ว่าทำไมเด็กผู้ชายคนนี้หน้าคล้ายๆ เขา เลยใจแป้วๆ อยู่นิดนึง ไม่ถึง 5 นาที เราเข้าไปดูใหม่ไม่มีแล้ว แปลว่าเขาลบแต่เราแคปทัน”
“คืนนั้นเราก็ถามเลย พี่มีอะไรจะบอกหนูเปล่า มีอะไรโกหกและอยากบอกหนูไหม จนเขาบอกว่าพี่มีลูกแล้วนะ เราก็ช็อก ทำไมตอนแรกมาจีบเราบอกโสดสนิท มันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ทำไมต้องโกหก เขาก็บอกว่ามันมีปัญหากับแม่ของลูก เลิกกันแล้วทำหน้าที่แค่พ่อกับแม่ ช่วยกันดูแลลูกและทำธุรกิจด้วยกัน เขาจะบอกว่าผู้หญิงจะเอาลูกขู่ทำเสียหน้าไม่ได้ และเขาก็ไม่ได้จัดงานแต่งให้ผู้หญิง เขาบอกว่าเขาไม่ถูกกับบ้านฝ่ายหญิงนะ พยายามพูดให้เราเชื่อ เราก็บอกว่าทำไมไม่เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น เขาก็บอกว่า ถ้าพี่บอกว่ามีลูกเราก็ไม่คบสิ มันก็จริงเพราะคบคนที่มีลูกมีปัญหาค้างอยู่มันจะมีแต่ปัญหาไม่มีความสุขหรอก เราเป็นคนที่ต่อต้านอยู่แล้วไม่คบกับคนที่มีปัญหามีครอบครัวอยู่แล้ว แต่เรายิ่งกลัวอะไรเหมือนยิ่งดึงดูดพวกนี้มา มันก็เฟล ถามว่าเชื่อไหม ตอนนั้นแบ่งรับแบ่งสู้มากกว่า”
ทำตัวเนียน รับสายคุยได้ตลอดแม้ตี 1 ตี 2
“อย่างเรื่องเมียเขาก็จะบอกว่า ทำธุรกิจร่วมกันต้องเจอกันนะ แต่เขาไม่เคยไปบอกใครนะว่า คนนี้เป็นเมีย เขาไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวไปบอกใครเขาพยายามบอกแบบนั้น เราก็คบกันไปเรื่อยๆ แต่ก็ตึงๆ เหมือนกัน ตอนนอนเขาคุยกับเราได้ คุยกับเราตลอดส่งรูปมาว่า ตอนนี้อาบน้ำอยู่นะ ตอนนี้ขึ้นนอนแล้วนะ ตื่นแล้วนะ มันไม่มีผู้หญิงอะไรอยู่ในนั้นเลย เคยโทร.ไปหาตอนตี 1 ตี 2 เหมือนกัน เขาก็งัวเงียรับสาย เขาก็บอกว่า ไม่ชอบให้โทร.มาแบบนี้เขาเพลีย เราก็จะเช็คว่า โทร.ไปรับได้ไหม เราก็จะเช็กตลอด”
จับได้ว่าจีบหว่านไปทั่ว ส่งข้อความให้สาวๆ เหมือนกันทีละ 5 คน
“พอเริ่มระแวงก็มีคนแวดล้อมเริ่มมาเตือนเราแล้วว่า คนคนนี้จีบไปทั่ว เขาก็ส่งข้อความแชตมาให้ดู มันเป็นข้อความเดียวกันที่ส่งมาให้เราเช่น Good morning baby สมมติ 7 โมงเขาก็จะส่งเหมือนฟอร์เวิร์ดข้อความ 5 คนแล้วแต่ใครจะตอบ เราก็เดือดก็ทะเลาะกับเขาใหญ่เลย เขาก็ขอโอกาสได้ไหม พวกนั้นแค่คุยเฉยๆ เลิกคุยแล้ว เราก็...(ถอนหายใจ) ลองดูซักครั้งก็ได้ เขาคงไม่เอาอาชีพตัวเองมาหลอกเราหรอก คิดว่าคงไม่ซวยขนาดโดนหลอก ใจเราก็แบ่งรับแบ่งสู้”
“พอมีคนมาเตือนเราว่าคนนี้เจ้าชู้ เมียมันจับได้ไม่รู้กี่คน สุดท้ายก็โยนความผิดให้คนอื่นนะ สุดท้ายก็กลับไปคืนดีกับเมียนะ เขาก็จะบอกว่า อย่าไปเชื่อคนนั้น ไม่รู้ทั้งหมดในชีวิตเขา รู้แค่ส่วนหนึ่งไม่ใช่ดีเทล คนที่มาเล่าให้ฟังบอกว่า เขาดูแลผู้หญิงคนนั้น(ภรรยา)ดี พาไปเที่ยวต่างประเทศ เขาก็จะบอกว่า ก็ต้องดูแลนะเขาเป็นแม่ของลูก ลูกไปแม่ก็ต้องไปดูแลมีเหตุผลอีก เขาไปต่างประเทศปีหนึ่ง 2-3 ครั้งลูกไปด้วย แล้วก็มีเพื่อนลูกไปด้วย แม่เขาก็ต้องไป เขาก็จะถ่ายภาพมาเลยว่า นอนกับเด็กๆ นะ เขาจะถ่ายมาให้ดู เราโกรธเรางอนเขาก็จะคุยนี่นั่น”
โอนเงินให้ทีละพันสองพัน
เขาก็มีดูแลเราบ้างตอนช่วงนั้นงานเราไม่ค่อยดี เขาอยู่ต่างประเทศก็หาทางโอนมาให้เราทีละ 1,000-2,000 ก็ถือว่าน้อยนะสำหรับคนเป็นแฟนกัน เวลาคบใครเราก็รักทุกคน ซื่อสัตย์ทุกคน เราคบใครไม่เคยอะไรเรื่องเงิน ไม่เคยแบบต้องซื้อชาแนลให้ แต่บางทีก็จะมีช่วงติดขัดก็จะมีช่วยเหลือกัน ป่วยพาไปหาหมอ ก็เป็นธรรมดาของคนคบกัน แต่อันนี้ต้องร้องขอ อย่างช่วงกลางปีที่แล้วโควิดเราก็มีไปผ่าท้องส่องกล้องโรคกระเพาะ เขาก็ไม่ได้มาเยี่ยมมาอะไรทั้งนั้น มีแค่โทร.มา แต่เราเป็นแฟนก็ควรจะดูแลกันหน่อย เขาคงคิดว่าเราสตรอง เราไปผ่าเรากลับเอง ก็จะถามว่าเป็นไงบ้างอัปเดตหน่อยแต่ไม่ได้มา ก็ทำให้เราใจชื้นนิดนึง เขาก็จะส่งมาว่าติดงานโน่นนี่ สมมติพี่คุยงานกับเขา เขาก็จะแคปมาให้เราดูทำให้เราเชื่อว่า เขาทำงานอยู่จริงๆ”
ดาราชายทำให้เชื่อใจ โดยการไม่เคยใส่ถุงยาง ทำให้คิดว่า มีผู้เสียหายเป็นแฟนเพียงคนเดียว
“ตั้งแต่คบกันมีสัมพันธ์กันตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งสุดท้าย ไม่เคยป้องกันใส่ถุงยางอนามัยเลย เคยถามเขานะว่า ไม่กลัวโรคติดต่อเหรอ ไม่กลัวพลาดท้องเหรอ เขาก็พยายามทำให้เห็นว่าเราเป็นแฟนเขา เขามีอะไรกับเราคนเดียว เราก็จะถามเขาตลอดว่าไปมีอะไรกับคนอื่นหรือเปล่า กลับไปมีอะไรกับเมียเก่าหรือเปล่า เขาก็จะบอกว่า ไม่มี”
ดาราชื่อดังก็เคยโดนหลอกฟันมาแล้ว
“พอเราเริ่มระแวง เราก็จะคุยกับคนที่เราเคยทักไปคุยที่เคยโดนหลอกเหมือนเรา วิธีการหลอกก็คือ เขาจะบอกว่าตัวเองโสดไม่มีใคร ใส่ใจเหมือนกันเลย พอมีอะไรด้วยแล้วก็หายก็เลิกจบ มีคนดังคนหนึ่งก็เป็นเหยื่อเหมือนกันแต่เลิกกันไปเพราะไม่อยากเป็นข่าว”
ย้อนเล่าถึงวันที่เกิดเหตุทำร้ายร่างกายหลังจากมีเพศสัมพันธ์กันเสร็จ
“วันเกิดเหตุเขาก็ชวนไปกินข้าว สรุปมารับเราเสร็จพาเราไปซื้อไก่ย่าง 5 ดาว จะบอกว่าเขาเป็นคนค่อนข้างติดเซ็กซ์ เจอกันทุกครั้งจะมีอะไรทุกครั้ง แล้วมีเยอะมาก เขาก็ไปเปิดห้องพักรายวันที่อยู่ใกล้ๆ หอเรา เขาก็จัดการเราเลยจนเสร็จและหลับ เหมือนเขาคงเพลียคงเหนื่อย แล้วนิสัยเราจะเป็นคนที่แบบจะชอบแอบถ่ายรูปถ่ายวิดีโอ หาวเอย แคะขี้มูก หรือกรน เก็บไว้มันตลกดี เราก็ถ่ายทุกคน กับเพื่อนก็ถ่าย”
“แล้ววันนั้นเขาก็หลับไป มีผ้าขนหนูปิดแล้วเขาก็กรนอ้าปาก เราก็ถ่ายวิดีโอหัวเราะคิกคักๆ ตามประสา เขาตื่นมาตอนที่เราหัวเราะ แล้วเขาก็บอกเฮ้ย...มึงถ่ายอะไรวะ เราก็ตกใจว่า เอ้า....ทำไมพูดแบบนี้กับเรา เราก็บอกทำไมถ่ายไม่ได้ แฟนกันทำไมถ่ายไม่ได้ หนูก็ถ่ายรูปพี่ปกติเยอะแยะแล้วเคยลงโซเชียลฯ ที่ไหน ไม่เคยลงเลย ถ้าลงก็เป็นข่าวไปนานแล้วสิ เขาก็บอกถ่ายไม่ได้เดี๋ยวมีผลกระทบกับงาน เราก็ถามมีผลกระทบกับงานเรื่องอะไร หนูไม่เคยโพสต์ คบคนดังกว่าพี่ หนูก็ไม่เคยโพสต์ จะมีปัญหากับงานเรื่องอะไร เขาก็บอกไม่ได้ๆ เอาโทรศัพท์มา”
“เขาก็เอาโทรศัพท์เราไปเลย ตอนนั้นโทรศัพท์มันล็อกอยู่ เขาก็บ้าคลั่งกับการกดรหัสเรามาก เราก็งงทำไมเป็นขนาดนี้ แสดงว่าหลอกอะไรเราแน่ๆ เลย ต้องมีอะไรปิดบังเราแน่ๆ เลยตอนนั้นเราคิดแบบนี้ เขาก็เริ่มใช้กำลังบังคับนิ้วให้สแกนโทรศัทพ์ เราก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวเราลบให้ นั่งเฉยๆ นั่งตามปกติ แค่ลบรูปเอง แต่เขาก็ไม่ยอม ก็แย่งกันไปแย่งกันมา เราก็เริ่มเจ็บตัว มันคือโทรศัพท์ของเราก็ต้องการจะลบให้เอง พอเขาเอานิ้วเราไปสแกนเพื่อเปิดโทรศัพท์ เราก็งอนิ้วเขาก็ง้างนิ้วเราก็เจ็บ เราก็เลยโวยวายว่า ถ้าขนาดนี้ไปโรงพักเลยไหม ไปลบต่อหน้าตำรวจ เราไม่ชอบผู้ชายทำร้ายผู้หญิง มันคุยกันได้”
“จากนั้นมันก็มีการผลักกันขึ้น เราก็จะแย่งเอาโทรศัพท์เราคืน มันก็มีการผลักกันเราเริ่มเจ็บตัว เราก็เริ่มตะโกนช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย เราพยายามจะวิ่งออกจากห้อง เขาก็ไม่ให้ออก เราก็ตะโกนช่วยด้วยๆ จนข้างห้องโทร.ไปแจ้งรปภ. แล้วข้างล่างก็โทร.ขึ้นมา ผู้ชายก็บอกว่า เงียบๆ หุบปากเลย เราก็รู้สึกว่านาทีนั้นไม่ปลอดภัย ผู้ชายคนนี้ไม่โอเคแล้ว จังหวะนั้นเราคิดว่ามันไม่ปลอดภัยแล้ว มันเป็นทางรอดทางเดียวของเราแล้ว เราก็ตะโกนเข้าไปในโทรศัพท์เลยว่าช่วยหนูด้วยค่ะ หนูโดนทำร้ายร่างกาย”
“เท่านั้นแหละวางโทรศัพท์ปุ๊บ เขาขึ้นคร่อมบนเตียงเลยแล้วก็บีบคอเรา เราก็เจ็บรู้สึกว่ามันเกินไปแล้ว นี่แฟนกันมันต้องทำขนาดนี้เหรอ เราทำผิดอะไรกับเขา (เงียบร้องไห้) พอมันนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่มันโดน เล่าถึงตอนนี้ทุกครั้ง.....(ร้องไห้เสียงสั่น) มันหายใจไม่ออก เขากดเราไว้บนเตียง เข่าเขาอยู่บนซี่โครงเรา เราเจ็บ เขากดตรงที่ท้องดิ้นไม่ได้ ดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่ได้ นาทีนั้นก็คือ กูทำผิดอะไรกับมึง ทำไมทำกูขนาดนี้ แค่ลบรูปมันนั่งลบกันปกติก็ได้ แต่เขาไม่ปกติ แล้วเขาก็บีบคอ เราก็ตะโกนช่วยหนูด้วยๆ เท่านั้นแหละเขาก็เอามือมาปิดปากปิดจมูกพร้อมกัน เราหายใจไม่ออก จนเหมือนหายใจเฮือกสุดท้าย (ร้องไห้) หายใจไม่ออก เขาก็ปล่อย”
“ทำกันขนาดนี้เลยเหรอ จะให้กูตายเหรอวะ ถ้ากูตายไปมึงดูแลแม่กูด้วยนะ เขาก็ต่อยลงที่ข้างๆ หูตรงเตียง กูจะเอามึงให้ตายเลย เขาก็บอกว่า มึงแคปไว้เต็มเลยหนิ เราก็บอกว่าแล้วกลัวอะไร ถ้าไม่เคยทำผิดกลัวอะไร ที่ผ่านมา 2 ปี มึงหลอกกูล่ะสิ แค่ถ่ายรูปไม่ทำผิดจะกลัวอะไร เป็นแฟนกันถ่ายปกติ”
“จนยามขึ้นมาเคาะประตู ตอนนั้นเขาก็อยู่บนตัวไม่ยอมไปเปิด ทางนั้นเขาก็เคาะประตูอีก เขาก็ปล่อยเรา เราก็พยายามจะวิ่งไปที่ประตู เขาก็กันเราไม่ให้ออกจากห้อง จนยามเปิดประตูมาเราก็บอก พี่ยามช่วยหนูด้วย หนูโดนทำร้ายร่างกาย หนูก็ร้องไห้ ยามก็อะไรกันครับ หนูก็บอกว่า หนูก็ถ่ายรูปแฟนตัวเองที่คบกันมา 2 ปี เขาต้องทำร้ายหนูขนาดนี้เลยเหรอ เขาก็พยายามบอกว่าตัวเองมีชื่อเสียงมากต้องลบมีผลกระทบกับงานเขา”
“พอลงไปข้างล่างเขาก็บ้าคลั่งกับการลบโทรศัพท์ เขาเอาไปลบจนพอใจ ลบจากอัลบั้ม ลบจากถังขยะ เขากลัวความผิดมาก ตัวเราก็แดงไปหมด จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถามว่าทะเลาะอะไรกันครับ เราก็บอกว่าหนูถ่ายรูปแฟนตัวเองตอนหลับค่ะ ตำรวจก็ถามว่าเห็นอะไรไหม เราก็บอกไม่เห็นค่ะ เห็นแค่หน้าซูมที่ปากตอนกรนด้วยซ้ำ ก็คือปกติแฟนกันถ่ายรูปผมยังถ่ายรูป ตำรวจก็ถามเคยลงสาธารณะไหม ก็บอกว่าไม่เคยลงเลย ทางเขาก็บอกไม่ได้ๆ มีผลกับงานผมครับ”
“พอเขาลบเสร็จคืนโทรศัพท์ให้หนูแล้วก็ขับรถออกไปเลย ไม่ถามว่าเราเป็นยังไงบ้าง เราก็เลยมาโรงพักเลย คิดว่ามันไม่ปกติแล้ว คือคนรักกันเขาไม่ทำแบบนี้ เราถ่ายรูปแต่ไม่เคยเอาไปโพทะนา ถึงเราจะแคปข้อความที่เขาวีดีโอคอลมา เขากลัวอะไรถามหน่อย คุณทำผิดอะไรกับเรา ถ้าคนไม่ได้ทำผิดมันไม่โกรธถึงขั้นทำร้ายกันหรอก”
“สิ่งที่เราแคปไว้ก็คือ คำมั่นสัญญาที่จะซื้อกระเป๋าให้ ซื้อของให้มันเกิด คำที่บอกว่าเกี่ยวกับเลิกกับแม่ของลูกแล้ว ไม่ได้จดทะเบียน เราก็แคปๆ เก็บไว้ แต่เราไม่ได้ลบไลน์ ข้อความที่อยู่ในไลน์ก็ยังอยู่มีข้อความทุกอย่างหมด ถึงตอนนี้เขาจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เปลี่ยนไลน์ไปแล้วก็ตาม แต่ข้อความทุกอย่างก็ยังอยู่ คำพูดทุกอย่างยังอยู่”
“ตอนแรกไปแจ้งความเขาก็พยายามพิมพ์มาคุย โทร.มา ตอนแรกเราก็คิดว่า เขาจะโทร.มาเป็นห่วงที่ทำกับเรา เราบอกว่า เรามาโรงพักนะ เขาบอกได้เดี๋ยวผมเอาทนายไปคุย ตอนแรกแค่อยากลงบันทึกประจำวันแค่เซฟตัวเราเขาจะได้ไม่กลับมาทำร้าย เรารู้สึกว่า ตอนที่เขาทำมันเหมือนธาตุแท้เขาออกมา”
“จริงๆ แล้วมันเป็นเหตุการณ์ที่ไร้สาระมากเลยนะกับการลบรูป คือถ้าคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่น่าจะทำขนาดนี้ แต่เขาทำขนาดนี้แปลว่า 2 ปีที่ผ่านมาเขาต้องหลอกเราเพื่อมีความสัมพันธ์ และแบบไม่ป้องกันด้วยทุกครั้ง คือหลังจากโดนเราก็ประมวลเหตุการณ์ 2 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ต่างๆ คำพูดเขา และที่เราเคยคุยกับคนที่เขาไปจีบหลายคน มันเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราในวันนี้ อันนี้คือสิ่งที่คนอื่นมาเตือน แต่ตอนนั้นเรารัก ความรักทำให้คนตาบอด เราไม่ฟัง เราเชื่อมั่นในแฟนเรา คือถ้าเราไม่โดนแบบนี้ตอนนี้เราก็อาจจะคบกันอยู่ด้วยซ้ำอาจจะโดนหลอกอยู่ เหตุการณ์วันนั้นทำให้เราประมวลทุกอย่างว่าสิ่งที่ผ่านมาเขาหลอก คือเขาเจ้าชู้”
“ตอนนี้เขาก็ไปญาติดีกับแฟนเขาแล้ว ก็ดีใจด้วยนะถ้าเขามีความซื่อสัตย์มีความรักครอบครัว ก็ดีใจด้วยนะ ไม่รู้สึกอิจฉาแค้นเคืองโกรธ คุณกลับไปทำหน้าที่ของพ่อที่ดีสามีที่ดีก็ดีแล้ว คุณอย่ามาหลอกลวงใคร ขอให้เราเป็นเคสสุดท้ายที่คุณทำ”
“วันนี้ไม่อยากออกมาเพื่อความแค้น เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็อยากมีความรักที่ดีอยากมีครอบครัว เราก็ไม่ได้คิดหรอกว่า เราจะคบผู้ชายคนนี้ได้นานแค่ไหน แต่เวลาเราคบใครทุกคนเราเต็มที่เราซื่อสัตย์ เราไม่รู้หรอกว่า จะคบกันได้ขนาดไหน สร้างครอบครัวหรืออะไร แต่เราก็ทำเต็มที่ของเรา ถ้าคบไม่ได้ก็เลิกไป แต่คุณไม่น่ามาหลอกเราไง เราออกมาเพื่อศักดิ์ศรีตัวเองด้วย เราไม่ได้อยากยุ่งกับคนมีครอบครัว ไม่ได้อยากเป็นกิ๊กใครมันไม่ได้มีความสุขมีแต่ปัญหา ใครจะอยากเอาปัญหามาใส่ตัว ถ้าคุณไม่มาหลอกเรา เราก็ไม่ได้คบกับคุณ แต่นี่คุณมาหลอกทำให้เราเชื่อ”
“หลังเกิดเหตุมาเขาไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ไม่มาเคลียร์ ไม่เป็นห่วง ไม่อะไรเลย ถ้าเขามาเคลียร์ก็กะว่าจะถอนแจ้งความ เขาควรมาแสดงความเป็นมนุษยธรรมการเป็นมนุษย์เห็นอกเห็นใจ คนเราคบกัน 2 -3 ปี มึงจะไม่รู้สึกเป็นห่วงกูเลยเหรอ แสดงว่าที่ผ่านมา 2-3 ปี มึงหรอกกูไง มึงหวังแค่เพศสัมพันธ์กับกูไง แค่นั้นแหละสิ่งที่เขาต้องการ”
“เราก็เคยบอกนะว่า ถ้าพี่มีความต้องการแบบนี้ไปซื้อกินเถอะ อย่ามาทำแบบนี้เลยกับคนธรรมดา เราไม่ได้ต้องการรักสนุก หนูไม่ได้รักสนุก ทุกคนมีเกียรติ ผู้หญิงทุกคนมีเกียรติ ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ ไม่ได้ต้องการทำให้ใครเสียชื่อ จริงๆ ไม่อยากให้เขาไปทำกับใครอีก คุณรักครอบครัวน่ะดีแล้ว นาทีนี้คุณกลับไปรักครอบครัวเราดีใจ คือสิ่งที่ควรทำตั้งแต่แรก”
“ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องครอบครัวหรือเปิดเผยน้อย พึ่งจะมาเปิดเผยหลังจากมีปัญหากับเรา ก็เห็นพึ่งจะมาลงรูปครอบครัว เมื่อก่อนอาจจะลงก็จะมาให้เหตุผลลงว่า โดนบังคับลงนะผู้หญิงเอาลูกมาขู่ เขาให้เหตุผลแบบนี้ หลักฐานตรงนี้เรามีหมด”
“สำหรับคดีตอนนี้ตำรวจดำเนินการอยู่ เขาก็มาเซ็นรับทราบแล้ว เราก็ครั้งแรกในชีวิตที่แจ้งความ คุณเป็นลูกผู้ชายจริงยอมรับว่าทำอะไรลงไปบ้าง คุณรู้อยู่แก่ใจ เราเอาความจริงมาพูดกัน ถ้าคุณไม่เข้ามาหลอกเราเหตุการณ์ทั้งหมดมันจะเกิดขึ้นไหม ตอนนี้ก็ดำเนินคดีทำร้ายร่างกายค่ะ ที่เล่ามาทั้งหมดคือ ความสัมพันธ์มันเป็นยังไง ทำไมถึงเป็นเหตุให้ทำแบบนั้นเพราะหลอกเราตลอดมา เขามีลูกมีเมียอยู่แล้วแต่มาหลอกเรา มาหลอกเพื่อมีเพศสัมพันธ์ไง”
“ถ้าเขามาเจรจามาขอโทษก็ให้ขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชนเลยค่ะ ให้ขอโทษคนในสังคมเลย ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของเราและเขาแล้ว ตอนนี้แม่เครียดล้มป่วยเลยเป็นลม เขาเครียดจนตกบันไดเดินไม่ได้ขาเจ็บ ตอนนี้ให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย เราเป็นผู้หญิงไม่ใช่เครื่องสนองทางเพศของผู้ชาย มาหลอกกูทำไม”
“2 ปีที่ผ่านมา เราอาจจะเจอคนที่รักเราจริงๆ ก็ได้ เราสูญเสียหลายๆ อย่าง นึกถึงตอนที่บีบคอมันหายใจไม่ออก นึกถึงแม่เลย (ร้องไห้) มันเป็นฝันร้าย พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็จะร้องไห้ตลอด กว่าจะฟื้นฟูจิตใจได้มันใช้เวลามากนะ กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน ทุกคนให้กำลังใจเราต้องสู้ คนไม่ดีจะไม่กลับมาอีกแล้ว เลิกน่ะดีแล้ว ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้นก็คงไม่ได้เลิกกัน”