แม่ฮ่องสอน - กองกำลังชนกลุ่มน้อย KNU ปะทะเดือดทหารเมียนมาต่อเนื่อง 2 วันติด ทำชาวพม่าหนีตายขอข้ามฝั่งหลบภัยเขตไทยเกือบ 2,000 คนแล้ว
หลังจากกองกำลังสหภาพชนชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) หรือเคเอ็นยู กองพลน้อยที่ 5 ได้เปิดปฏิบัติการเข้ายึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมา กองพันที่ 73 (ฐานเซหมื่อท่า) เลยบ้านแม่นือท่า ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ตรงข้ามชายแดนไทยด้าน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวานนี้ (27 มี.ค. 64) สามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์สื่อสารได้จำนวนมาก และยังจับตัวทหารของฝ่ายเมียนมาเป็นเชลยไว้ได้อีกหลายนาย
ล่าสุดเช้าวันนี้ (28 มี.ค. 64) กองทัพเมียนมาได้ส่งกำลังทั้งอากาศยานและภาคพื้นดินเข้าโจมตีหมู่บ้านที่ใกล้กับฐานปฏิบัติการสำคัญของ KNU ตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นมา เสียงปืนที่เกิดจากการปะทะได้ยินอย่างชัดเจนในฝั่งไทย
ผลของการปะทะทำให้บ้านเรือนราษฎรถูกเผาและมีผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านจากพื้นที่บ้านเอเค อ.บือโส๊ะ จ.มือตรอ รัฐกะเหรี่ยง ด้านตรงข้ามฐานปฏิบัติการบ้านออเลาะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หนีตายขอข้ามเข้าฝั่งไทยประมาณ 300 คน
นอกจากนี้ยังมีชาวเมียนมาจากพื้นที่ควบคุมผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเมียนมา ห้วยอูแวโกร ด้านตรงข้ามบ้านแม่ดึ หมู่ที่ 5 ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ทะลักเข้ามาฝั่งไทยเพิ่มเติมอีกราว 300 คน รวมทั้งผู้คนจากพื้นที่ควบคุมผู้พลัดถิ่นฯ ห้วยอีทูโกร ด้านตรงข้านฐานบ้านแม่สะเกิบ บ้านห้วยกองแป หมู่ที่ 3 ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง หนีข้ามฝั่งมาเข้าพักอาศัยที่ห้วยอุมปะจำนวนประมาณ 1,300 คน รวมจำนวนของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะขอเข้ามาลี้ภัยในเขตไทยแล้วกว่า 1,900 คน ส่วนมากเป็นผู้หญิง เด็ก และผู้ป่วย
ซึ่งทางอำเภอแม่สะเรียงร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 36 กองร้อยที่ 3604 และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 ได้จัดกำลังเข้าดูแลความปลอดภัยและคัดกรองตามมาตรการ พร้อมให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามหลักมนุษยธรรมและต้องติดตามสถานการณ์การปะทะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากไม่มีการสู้รบต่อไปหรืออยู่ในภาวะปลอดภัยก็จะดำเนินการผลักดันผู้ขอหลบภัยเหล่านี้กลับยังภูมิลำเนาต่อไป
