รอยเตอร์ - ผู้ชุมนุมประท้วงในพม่าปรบมือพร้อมกันวันนี้ (5) ในการแสดงความเห็นต่างต่อต้านรัฐบาลทหารครั้งล่าสุด ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเตรียมการเจรจาหารือเกี่ยวกับวิกฤต หลังประชาชนถูกสังหารไปแล้วเกือบ 600 คน
การปรบมือพร้อมกันเริ่มขึ้นในหลายพื้นที่ของนครย่างกุ้งเมื่อเวลา 17.00 น. ตามคำชักชวนของแกนนำการชุมนุมประท้วง ผู้อยู่อาศัยในย่างกุ้งรายหนึ่งกล่าว
การแสดงออกดังกล่าวเป็นการให้เกียรติ “องค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ และ Gen Z ปกป้องเยาวชนจากพม่ารวมถึงย่างกุ้งที่ต่อสู้ในการปฏิวัติในนามของพวกเรา” เอ ตินซาร์ หม่อง แกนนำการประท้วงโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก
แม้จะมีการสังหารประชาชนอย่างน้อย 564 คน โดยกองกำลังความมั่นคงตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้ชุมนุมประท้วงยังคงลงถนนทุกวัน ที่มักเป็นกลุ่มเล็กๆ ตามเมืองเล็กๆ เพื่อแสดงเสียงคัดค้านต่อต้านการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจี และการกลับมาของการปกครองของทหาร
ความเคลื่อนไหวที่ผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนเรียกว่า ‘การปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิ’ ยังรวมถึงการเดินขบวนบนท้องถนน การรณรงค์อารยะขัดขืนหยุดงานประท้วง และการก่อกบฏในรูปแบบแปลกๆ ที่จัดขึ้นผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์
นอกเหนือจากการปราบปรามบนท้องถนน รัฐบาลทหารยังพยายามยับยั้งการรณรงค์ด้วยการตัดสัญญาณบรอดแบนด์ไร้สายและบริการข้อมูลมือถือ
ในวันนี้ (5) สำนักข่าวเมียนมาร์ นาว รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 1 คนในเขตสะกาย เมื่อกองกำลังความมั่นคงเข้าสลายการประท้วง ก่อนหน้านี้ ผู้ชุมนุมประท้วงพร้อมป้ายซูจีและป้ายเรียกร้องให้มีการแทรกแซงจากนานาชาติรวมกลุ่มเดินขบวนผ่านเมืองมัณฑะเลย์ ตามรูปถ่ายที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์
บรูไน ประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ให้การสนับสนุนการจัดประชุมผู้นำระดับภูมิภาคเพื่อเจรจาหารือเกี่ยวกับพม่า
หลังจากการเจรจาหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซีย และสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ บรูไน ระบุว่า ทั้งสองประเทศได้ขอให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของพวกเขาเตรียมการสิ่งที่จำเป็นต่างๆ สำหรับการประชุมที่จะจัดขึ้นที่สำนักงานเลขาธิการอาเซียนในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย แต่ยังไม่มีการระบุวันที่
อาเซียนดำเนินการโดยฉันทมติ แต่ความเห็นที่แตกต่างของสมาชิกเกี่ยวกับวิธีการตอบสนองต่อการใช้กำลังอย่างรุนแรงของกองทัพพม่าต่อพลเรือนและนโยบายการไม่แทรกแซงของกลุ่มได้จำกัดความสามารถในการดำเนินการ
มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ต่างแสดงความตื่นตระหนกเกี่ยวกับการเข่นฆ่าผู้ชุมนุมประท้วงและสนับสนุนให้มีการประชุมระดับสูงเกี่ยวกับพม่าอย่างเร่งด่วน
สหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่นๆ ได้ประณามการรัฐประหารและเรียกร้องการปล่อยตัวอองซานซูจี ที่ถูกควบคุมตัว และเวลานี้ถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายความลับราชการที่มีโทษจำคุกสูงสุด 14 ปี
รัฐบาลทหารกล่าววันนี้ว่า ความเห็นเมื่อสัปดาห์ก่อนของคริสติน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติ ที่ว่ากำลังจะเกิดการนองเลือดในพม่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและทำให้เกิดความเข้าใจผิด
“คำกล่าวของบูร์เกเนอร์ขัดต่อหลักการพื้นฐานของอำนาจอธิปไตย และความจริงที่ว่าสหประชาชาติถูกกำหนดให้ทำงานเพื่อมุ่งสร้างสันติภาพและเสถียรภาพของชาติต่างๆ ในโลก” รัฐบาลทหารระบุในประกาศบนหนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์
ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ กล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า คณะมนตรีต้องพิจารณาการดำเนินการที่สำคัญเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายเนื่องจากการนองเลือดกำลังใกล้เข้ามา
รัฐบาลทหารกล่าวว่า คำกล่าวดังกล่าวห่างไกลจากความเป็นจริง และอาจทำให้ความพยายามของสภาบริหารแห่งรัฐที่จะสร้างประชาธิปไตยแบบหลายฝ่ายที่แท้จริงและมีวินัยเกิดความล่าช้าและไม่ประสบความสำเร็จ
การรัฐประหารและการปราบปรามการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาก่อให้เกิดการตำหนิประณามจากนานชาติ และนำมาซึ่งการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อทหารและธุรกิจของพวกเขา
Fitch Solutions บริษัทให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจระบุว่า เศรษฐกิจของพม่าน่าจะหดตัว 20% ในปีงบประมาณที่เริ่มในเดือน ต.ค. แทนที่จะเป็น 2% จากที่คาดการณ์ก่อนการรัฐประหาร
แรงกดดันจากภายนอกกำลังเพิ่มสูงขึ้นกับกองทัพเพื่อที่จะหยุดยั้งการเข่นฆ่า โดยบางประเทศเรียกร้องให้ทหารสละอำนาจและปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังทั้งหมดให้เป็นอิสระ และประเทศอื่นๆ ยังเรียกร้องให้มีการเจรจาและการเลือกตั้งใหม่ในเร็ววัน
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองระบุว่า มีประชาชนรวมทั้งหมด 2,667 คน ถูกรัฐบาลทหารควบคุมตัว และในช่วงสุดสัปดาห์ รัฐบาลทหารได้ออกหมายจับคนดัง อินฟูเอนเซอร์บนสื่อสังคมออนไลน์ นางแบบ และนักดนตรี ราว 60 คน ในข้อหายุยงปลุกปั่น
ทหารที่ปกครองประเทศด้วยกำปั้นเหล็กนานครึ่งศตวรรษจนกระทั่งปี 2554 ยังกำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์อย่างน้อยที่ปะทุขึ้นอย่างน้อย 2 แห่ง ที่ยิ่งเพิ่มความวิตกว่าความขัดแย้งและความวุ่นวายในประเทศจะขยายตัวมากขึ้น.