ชุมพร - ผวาโควิด-19 แก๊งค้าแรงงานเถื่อนขนต่างด้าวกว่า 10 คน หัวละ 25,000 บาท จากมาเลเซีย ส่งชายแดนแม่สอด ระหว่างทางเจอรถสายตรวจ คนขับตกใจพาไปทิ้งที่เมรุวัดถ้าเขาพลู ตามจับได้ 1 คน พร้อมรถกระบะขนสัมภาระ
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (22 เม.ย.) ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจาก นายดำเนิน วรพันธ์ ไวยาวัจกรวัดถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่า มีแก๊งค้าแรงงานเถื่อนขับรถยนต์กระบะนำชาวต่างด้าวกว่า 10 คน มาทิ้งลอยแพไว้ที่ศาลาเมรุของวัด ต่อมา พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก.ปะทิว พร้อมด้วยนายพิทักษ์ พรหมทอง ปลัดอำเภอปะทิว นายสุทธิพงศ์ เหล่าศิริวุฒิ์ สาธารณสุข อ.ปะทิว นายประเสริฐ ศรีภัคดี ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชุมโค และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรุดไปตรวจสอบ
ที่อาคารด้านหลังศาลาเมรุของวัดถ้ำเขาพลู มีต่างด้าวชาวพม่า เป็นชาย 10 คน หญิง 1 คน อายุระหว่าง 20-25 ปี ไม่มีเอกสารเข้าประเทศไทย พบมีเพียงเอกสารจากทางราชการตำรวจประเทศมาเลเซีย ระบุทั้งหมดเป็นแรงงานที่อยู่ระหว่างผลักดันออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจวัดอุณหภูมิ มีหลายรายมีอุณหภูมิสูงถึง 37.28 องศา เจ้าหน้าที่จึงกันพื้นที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้
จากการสอบสวนชาวต่างด้าวทั้งหมดผ่านล่าม ทราบว่า เป็นแรงงานผิดกฎหมายที่ถูกทางการมาเลเซียอยู่ระหว่างผลักดันออกนอกประเทศ ต่อมา ได้มีนายหน้าชาวมาเลเซียติดต่อเก็บค่าหัวรายละ 3,200 ริงกิต หรือเป็นเงินไทยประมาณ 25,000 บาท จากนั้นได้พาทั้งหมดนั่งเรือเล็กลักลอบข้ามคลองบริเวณแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เขตพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไม่ทราบจุดพิกัดเนื่องจากเป็นเวลากลางคืนของวันที่ 20 เมษายน 64
จากนั้นช่วงเที่ยงของวันที่ 21 เมษายน 64 ได้มีนายหน้าชาวไทยไปรอรับพานั่งรถยนต์กระบะโดยให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดนั่งมากับรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ส่วนสัมภาระเสื้อผ้ากระเป๋าทั้งหมดบรรทุกมากับรถยนต์กระบะอีซูซุ ตอนครึ่ง ติดหลังคาแครี่บอย โดยวิ่งสลับลัดเลาะไปตามถนนสายหลักและสายรอง จนกระทั่งมาถึงถนนเส้นทางสายรองหน้าวัดถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร รถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้เห็นรถยนต์สายตรวจ สภ.ปะทิว จึงเลี้ยวเข้าไปในวัดแล้วไล่ให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในศาลเมรุของวัด แต่มีพระสงฆ์ลูกวัดเห็น รถยนต์กระบะคันดังกล่าวจึงได้ขับหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบอำมฤต และ ทหารได้ตั้งด่านตรวจสกัดจนสามารถจับกุมรถอีซูซุ ตอนครึ่ง ติดหลังคาแครี่บอย ทะเบียน บท 5913 เลย ได้บริเวณถนนสายปะทิว-บ้านปากคลอง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว ใกล้กับเขตแดน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทราบชื่อคนขับคือ นายสุธะ ทองสี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 2 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบในกระบะหลังแครี่บอย มีกระเป๋าและสัมภาระอยู่จำนวนมาก
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปสอบสวนและให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดชี้ตัวยืนยัน ทำให้คนขับยอมรับสารภาพว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้ขนสัมภาระซึ่งเป็นแก๊งเดียวกันที่ลักลอบนำชาวต่างด้าว ส่วนรถกระบะคันที่นำชาวต่างด้าวไปทิ้งไว้ที่เมรุ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมได้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายสุธะ คนขับรถกระบะไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อน สอบสวนขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนชาวต่างด้าวทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปไว้ที่ค่าย ตชด.414 อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 และรอดูอาการ 14 วัน ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศต่อไป
ด้าน พระกฤษณะ กันตธัมโม พระลูกวัดถ้ำเขาพลู ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ขณะกำลังทำกิจสงฆ์อยู่หน้ากุฏิ ได้เห็นรถยนต์กระบะโตโยต้าสีขาว ไม่ทราบทะเบียน ขับเขาไปจอดหน้าเมรุ แล้วให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดเข้าไปอยู่ที่ศาลา ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ขับออกไปอย่างรวดเร็ว จึงบอกให้ไวยาวัจกรวัดทราบและโทรศัพท์แจ้งตำรวจดังกล่าว
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (22 เม.ย.) ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจาก นายดำเนิน วรพันธ์ ไวยาวัจกรวัดถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่า มีแก๊งค้าแรงงานเถื่อนขับรถยนต์กระบะนำชาวต่างด้าวกว่า 10 คน มาทิ้งลอยแพไว้ที่ศาลาเมรุของวัด ต่อมา พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก.ปะทิว พร้อมด้วยนายพิทักษ์ พรหมทอง ปลัดอำเภอปะทิว นายสุทธิพงศ์ เหล่าศิริวุฒิ์ สาธารณสุข อ.ปะทิว นายประเสริฐ ศรีภัคดี ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชุมโค และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรุดไปตรวจสอบ
ที่อาคารด้านหลังศาลาเมรุของวัดถ้ำเขาพลู มีต่างด้าวชาวพม่า เป็นชาย 10 คน หญิง 1 คน อายุระหว่าง 20-25 ปี ไม่มีเอกสารเข้าประเทศไทย พบมีเพียงเอกสารจากทางราชการตำรวจประเทศมาเลเซีย ระบุทั้งหมดเป็นแรงงานที่อยู่ระหว่างผลักดันออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจวัดอุณหภูมิ มีหลายรายมีอุณหภูมิสูงถึง 37.28 องศา เจ้าหน้าที่จึงกันพื้นที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้
จากการสอบสวนชาวต่างด้าวทั้งหมดผ่านล่าม ทราบว่า เป็นแรงงานผิดกฎหมายที่ถูกทางการมาเลเซียอยู่ระหว่างผลักดันออกนอกประเทศ ต่อมา ได้มีนายหน้าชาวมาเลเซียติดต่อเก็บค่าหัวรายละ 3,200 ริงกิต หรือเป็นเงินไทยประมาณ 25,000 บาท จากนั้นได้พาทั้งหมดนั่งเรือเล็กลักลอบข้ามคลองบริเวณแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เขตพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไม่ทราบจุดพิกัดเนื่องจากเป็นเวลากลางคืนของวันที่ 20 เมษายน 64
จากนั้นช่วงเที่ยงของวันที่ 21 เมษายน 64 ได้มีนายหน้าชาวไทยไปรอรับพานั่งรถยนต์กระบะโดยให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดนั่งมากับรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ส่วนสัมภาระเสื้อผ้ากระเป๋าทั้งหมดบรรทุกมากับรถยนต์กระบะอีซูซุ ตอนครึ่ง ติดหลังคาแครี่บอย โดยวิ่งสลับลัดเลาะไปตามถนนสายหลักและสายรอง จนกระทั่งมาถึงถนนเส้นทางสายรองหน้าวัดถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร รถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้เห็นรถยนต์สายตรวจ สภ.ปะทิว จึงเลี้ยวเข้าไปในวัดแล้วไล่ให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในศาลเมรุของวัด แต่มีพระสงฆ์ลูกวัดเห็น รถยนต์กระบะคันดังกล่าวจึงได้ขับหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบอำมฤต และ ทหารได้ตั้งด่านตรวจสกัดจนสามารถจับกุมรถอีซูซุ ตอนครึ่ง ติดหลังคาแครี่บอย ทะเบียน บท 5913 เลย ได้บริเวณถนนสายปะทิว-บ้านปากคลอง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว ใกล้กับเขตแดน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทราบชื่อคนขับคือ นายสุธะ ทองสี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 2 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบในกระบะหลังแครี่บอย มีกระเป๋าและสัมภาระอยู่จำนวนมาก
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปสอบสวนและให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดชี้ตัวยืนยัน ทำให้คนขับยอมรับสารภาพว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้ขนสัมภาระซึ่งเป็นแก๊งเดียวกันที่ลักลอบนำชาวต่างด้าว ส่วนรถกระบะคันที่นำชาวต่างด้าวไปทิ้งไว้ที่เมรุ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมได้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายสุธะ คนขับรถกระบะไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อน สอบสวนขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนชาวต่างด้าวทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปไว้ที่ค่าย ตชด.414 อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 และรอดูอาการ 14 วัน ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศต่อไป
ด้าน พระกฤษณะ กันตธัมโม พระลูกวัดถ้ำเขาพลู ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ขณะกำลังทำกิจสงฆ์อยู่หน้ากุฏิ ได้เห็นรถยนต์กระบะโตโยต้าสีขาว ไม่ทราบทะเบียน ขับเขาไปจอดหน้าเมรุ แล้วให้ชาวต่างด้าวทั้งหมดเข้าไปอยู่ที่ศาลา ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ขับออกไปอย่างรวดเร็ว จึงบอกให้ไวยาวัจกรวัดทราบและโทรศัพท์แจ้งตำรวจดังกล่าว
