มข.ไม่เห็นด้วยกับผู้ว่าฯ ขอนแก่นสั่งตรวจสอบอาจารย์/นศ.จาบจ้วงสถาบัน

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รองอธิการบดี ม.ขอนแก่น “เพียรศักดิ์ ภักดี” ให้สัมภาษณ์เดอะอีสานเรคคอร์ดไม่เห็นด้วยกับหนังสือคำสั่งผู้ว่าฯ ส่งถึงอธิการบดีให้ตรวจสอบป้องปรามอาจารย์และนักศึกษาที่จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ อ้าง ม.ขอนแก่นไม่เข้ากับฝ่ายใด ไม่สนับสนุน ไม่คัดค้านฝ่ายใด เพราะต้องเป็นกลางทางการเมือง


น่าสนใจไม่น้อยกับการออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนผ่านการให้สัมภาษณ์แก่เว็บไซต์ข่าวเดอะอีสานเรคคอร์ด เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 64 ที่ผ่านมาของ รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โดยระบุว่าไม่เห็นด้วยกับหนังสือคำสั่งของนายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ที่ส่งถึง รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มข. เนื่องจากมหาวิทยาลัยต้องเป็นกลางทางการเมือง

การให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์เดอะอีสานเรคคอร์ดของ รศ.เพียรศักดิ์ดังกล่าวเสมือนหนึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ในนามสถาบันการศึกษาต้นสังกัด โดยรองอธิการบดี ม.ขอนแก่นท่านนี้ระบุว่า กรณีกลุ่มขอนแก่นปกป้องสถาบันเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่นให้ตรวจสอบอาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีหนังสือมาถึงอธิการบดีให้ดำเนินการว่า ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้รับหนังสือจากจังหวัดจริง แต่เราไม่เข้ากับฝ่ายใด ไม่สนับสนุน ไม่คัดค้านฝ่ายใด มหาวิทยาลัยเป็นกลางทางการเมือง

“เรื่องหนังสือคงต้องถามทางจังหวัดขอนแก่น เพราะว่าหนังสือมาจากทางจังหวัด แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่ค่อยเห็นด้วยกับการสั่งการนี้ พูดตรงๆ นะครับ มหาวิทยาลัยเราสั่งการตามปกติ และเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับทางคณะ เรามีเสรีภาพทางวิชาการ” รองอธิการบดีฯ กล่าว


ทั้งนี้ หนังสือฉบับดังกล่าวลงวันที่ 19 เมษายน 2564 กลุ่มขอนแก่นปกป้องสถาบัน นำโดย นางสาววรพรรณ เบญจวรกุล เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ให้ตรวจสอบอาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากมีพฤติกรรมแสดงออกไม่เหมาะสม รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ และกล่าวปราศรัยล่วงเกินสถาบันอย่างไม่เหมาะสม

โดยท้ายหนังสือระบุ จังหวัดขอนแก่น ได้ขอให้ทำความเข้าใจกับทางคณะอาจารย์ และนักศึกษา และห้ามจาบจ้วงล่วงเกินต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทยทั้งชาติ

ในข่าวเดียวกันยังมี นายธีรพล สกุลดี อาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น แสดงความเห็นอีกว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการใช้ผู้มีอำนาจในจังหวัดเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับกลุ่มขอนแก่นปกป้องสถาบัน และบังคับให้สถานศึกษาปิดกั้นการแสดงความเห็นทางวิชาการ เราต้องยืนยันในเสรีภาพทางวิชาการ เสรีภาพในการแสดงออก

แม้แต่การวิจารณ์มาตรา 112 ซึ่งอยู่ในกรอบทางวิชาการ มหาวิทยาลัยควรปกป้องคณาจารย์ และนักศึกษา ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มนี้โจมตีบุคลากรและนักศึกษา