xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชายคาใจหลังแม่ฉีดวัคซีนเข็มแรก กลับมาพบมีอาการข้างเคียงจนทรุดหนักและเสียชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



พระนครศรีอยุธยา - ครอบครัวคาใจหลังพนักงานราชการ กระทรวงศึกษาธิการ กทม. วัย 36 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรก กลับมาพบมีอาการข้างเคียงจนทรุดหนัก และเสียชีวิต

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Peteeta Kik kik KanjanaIuck โพสต์ขอความว่า น้องสาวผม น.ส.ชนัญชิดา กาญจนลักษณ์ หรือเฟื่อง ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อวันที่ 26 พ.ค.64 ที่จัสตุรัสจามจุรี กทม. หลังการฉีดได้มีอาการปวดเมื่อย เพลีย แต่ยังสามารถขับรถกลับมาบ้านที่อยุธยาได้ และในวันที่ 7 มิ.ย.64 น้องได้มีอาการเพลีย ปวดเมื่อย มีไข้ ไม่มีแรง จึงไปโรงพยาบาล หมอได้ให้ยาแก้ปวดมากิน วันที่ 8 มิ.ย.64 น้องอาการไม่ดีขึ้น และแย่ลงกว่าเดิม

นอนซมทั้งวันเพลีย ไม่มีแรง ปวดเมื่อย เบลอ แน่นหน้าอก ช่วงเย็นญาติจึงพาไปหาหมออีกครั้งที่ รพ.เดิม หมอได้ฉีดยาให้ 1 เข็ม แต่ไม่รู้ว่าแก้อาการอะไร และให้กลับมาพักดูอาการที่บ้าน น้องกลับมาถึงบ้านประมาณ 20.30 น. ประมาณ 22.00 น. น้องมีอาการช็อก หายใจไม่ออก หัวใจหยุดเต้นและหมดสติไป ญาติเรียกรถฉุกเฉินมารับที่บ้านและได้ปั๊มหัวใจน้อง ไป รพ.ที่ใกล้ที่สุด ทาง รพ.ได้ส่งต่อน้องไปที่ รพ.ที่เคยรักษาครั้งแรก ขณะนี้น้องอยู่ห้อง CCU ยังไม่ฟื้น อาการโคม่า 50/50 รบกวนพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่ทำงานที่เดียวกันกับน้องแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดให้น้องผมด้วยนะครับ เพราะทางเราไม่รู้จะติดต่อและแจ้งให้หน่วยงานต้นสังกัดน้องได้ทราบได้ทางไหน ขอบคุณครับ

จากนั้นผ่านมาได้ 2 วัน มีการโพสต์การเสียชีวิต ว่า น.ส.ชนัญชิดา กาญจนลักษณ์ หรือเฟื่อง ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. กำหนดการจะแจ้งให้ทราบภายหลังนะคะ ซึ่งเป็นการแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในโซเชียล มีการแชร์ การแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่วัดโพธิ์เผือก ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น พบว่า ที่วัดบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีครอบครัว ญาติๆ มารอรับร่างผู้เสียชีวิตที่จะนำกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนา โดยมีพิธีรดน้ำศพช่วงเวลา 16.00 น.โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงานมาร่วมพิธีรดน้ำศพ โดยจะมีพิธีบำเพ็ญกุศลจำนวน 3 วัน และจะทำพิธีฌาปนกิจภายในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564

จากการสอบถาม นางอนันต์ กาญจนลักษณ์ อายุ 58 ปี แม่ผู้เสียชีวิตกล่าวว่า น.ส.ชนัญชิดา หรือเฟื่อง ทำงานเป็นพนักงานราชการกระทรวงศึกษาฯ  กทม. มีโรคประจำตัว คือ ภูมิแพ้ กับไทรอยด์ ถึงลูกสาวจะมีโรคประจำตัวแต่ก็แข็งแรง ไม่ได้ป่วยกระเสาะกระแสะ หรือต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยแต่อย่างใด

จนกระทั่งทางกระทรวงศึกษาธิการ ที่ลูกสาวทำงานอยู่นั้น มีการให้ลงทะเบียนร่วมกันฉีดวัคซีน ซึ่งลูกสาวมาบ่นให้ฟังว่าไม่อยากฉีด เพราะกลัวแต่ต้องฉีด กลัวว่าหากเป็นโควิด-19 จะนำกลับมาติดคนในครอบครัว จึงได้ตัดสินใจลงทะเบียนฉีดวัคซีน แต่ก่อนฉีดวัคซีน ลูกสาวบอกว่า ได้มีการแจ้งว่าตนเองมีโรคภูมิแพ้และไทรอยด์ กระทั่งลูกสาวได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน และได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อวันที่ 26 พ.ค. กระทั่งกลับมาที่บ้านก็เริ่มบ่นว่ามีอาการปวดเมื่อยและมีไข้ ตนเองจึงบอกว่าคงไม่เป็นไรพักผ่อน กินยาก็หาย

"ลูกสาวเป็นคนอดทนและไม่เคยบ่น จึงทนขับรถไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไปกลับ แต่ระหว่างนั้นบ่นว่ามีไข้ตลอดเวลา จนวันที่ 7 มิ.ย. ลูกสาวมีอาการอ่อนเพลียเดินไม่ไหว จึงได้ไปหาหมอ หมอให้ยามากิน จนวันที่ 8 มิ.ย. อาการไม่ดีขึ้น นอนซม ปวดเมื่อยเดินไม่ไหวแย่ลงกว่าเดิม จึงกลับไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิม หมอได้ทำการฉีดยา และให้ยากลับมากิน ซึ่งกลับมาได้ไม่เพียง 1 ชั่วโมงลูกสาวมีอาการชักเกร็งหัวใจหยุดเต้น จึงต้องช่วยกันปั๊มหัวใจและเรียกรถฉุกเฉินให้มารับตัวลูกสาวส่ง รพ.อีกครั้ง"

คราวนนี้ถูกนำตัวเข้ารักษาอยู่ที่ห้อง CCU อาการโคม่า 50/50 กระทั่งคืนวันที่ 10 มิ.ย.เวลา 23.30 น. ลูกสาวได้เสียชีวิตลง แพทย์โรงพยาบาล ระบุว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะ เส้นเลือดหัวใจตายเฉียบพลัน แต่ญาติ ยังคงติดใจในการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่าสาเหตุของการเสียชีวิตของ น.ส.ชนัญชิดา น่าจะเสียชีวิตเพราะผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน จึงได้นำร่างส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรังสิต เพื่อต้องการผ่าชันสูตรหาสาเหตุในการเสียชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งต้องรอผลชันสูตรการเสียชีวิต 2-3 สัปดาห์

ซึ่งตนเองไม่คิดว่าลูกสาวจะมาเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน เนื่องจากลูกสาวเป็นคนแข็งแรง และเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องดูแลพ่อแม่ ลูกและหลานรวม 5 ชีวิต ทำให้ครอบครัวตนเองเสียใจเป็นอย่างมาก และครอบครัวเชื่อว่าที่ลูกตัวเองเสียชีวิตอย่างกะทันหันนั้นต้องเป็นสาเหตุของการแพ้วัคซีนอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ ลูกสาวไม่เคยเป็นอะไร จนกระทั่งไปฉีดวัคซีนกลับมาแล้วมีอาการดังกล่าว อยากให้หน่วยงานใดก็ได้ช่วยเข้ามารับผิดชอบชีวิตของลูกสาวตนเองด้วย เนื่องจากลูกสาวตัวเองอายุยังน้อย และมีภาระหน้าที่การงานที่ดี และต้องรับผิดชอบดูแลทั้งครอบครัว

ด้าน นายนพเก้า กาญจนลักษณะ อายุ 19 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต ซึ่งยังอยู่ในการเศร้าและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อแม่จากไปอย่างกะทันหัน ตนเองยังรับไม่ได้ พร้อมเปิดเผยว่า หลังจากแม่ไปฉีดวัคซีนมา แม่บ่นให้ฟังว่ามีอาการปวดเมื่อย มีไข้ตลอดเวลา มีอาการเบลอๆ แม่บ่นว่าผลข้างเคียงที่เป็นน่าจะมาจากการฉีดวัคซีน จนกระทั่งแม่มีอาการโคม่าหนักมากถึงขนาดชักเกร็ง หยุดหาย ซึ่งตนเองและคนในบ้านพยายามช่วยกันปั๊มหัวใจแล้วแต่เมื่อนำไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอแจ้งว่าคุณแม่มีโอการโคม่า ให้ทำใจ ซึ่งตนเองและครอบครัวรับไม่ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ และให้ความเป็นธรรม รวมถึงหาสาเหตุที่แท้จริงให้ครอบครัวที่ต้องสูญเสียในครั้งนี้














กำลังโหลดความคิดเห็น