xs
xsm
sm
md
lg

เปิดรายละเอียด ล็อกดาวน์ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม เคอร์ฟิว 3 ทุ่ม ถึงตี 4 ยกระดับคุม กทม.ปริมณฑล WFH ให้มากที่สุด ขนส่งสาธารณะหยุด 21.00 น.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศบค.เคาะล็อกดาวน์ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม ห้ามออกนอกเคหสถาน 3 ทุ่ม ถึงตี 4 พร้อมออกมาตรการเข้มควบคุม กทม.และปริมณฑล เพิ่มเติม ให้ WFH มากที่สุด สะดวกซื้อปิด 3 ทุ่ม ห้างเปิดได้แต่ที่จำเป็น ร้านอาหารขายได้ถึง 2 ทุ่ม คงห้ามกินในร้าน ปิดนวด เสริมสวย ขนส่งสาธารณะมีแค่ 03.00-21.00 น.

วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. แพทย์หญิง อภิสมัย ศรีรังรรค์ รองโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงถึงมติที่ประชุม ศบค.เกี่ยวกับการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า ที่ประชุมมีหลักคิดในการกําหนดมาตรการครั้งนี้ คือการจํากัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุด รวมทั้งกําหนดเวลาการออกนอกเคหะสถาน ควบคู่ไปกับการเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งการเยียวยา

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอ ดังนี้
- พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด (คงเดิม)
- พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 19 จังหวัด)
- พื้นที่ควบคุม25 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 16 จังหวัด)
- พื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 จังหวัด (ลดลง 39 จังหวัด)

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.มีข้อสรุปออกมาตรการปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เฉพาะกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ได้แก่ สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร ดังนี้

- จํากัดการเคลื่อนย้ายและการดําเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด

- กําหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สําคัญ และการบริการประชาชน

- ระบบขนส่งสาธารณะ เปิดให้บริการได้ในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

- ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปีตเวลา 20.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.

- ร้านจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.

- ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม

- สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสําหรับการออกกําลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.

- ห้ามการรวมกลุ่มทํากิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมตามประเพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
โดยให้ฝ่ายความมั่นคงกวดขันจับกุมกลุ่มบุคคลที่จับกลุ่มมั่วสุมกระทำการอันผิดกฎหมาย

- ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในการกำหนดมาตรการควบคุมในรายละเอียดเพื่อจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด และให้ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนลดจำนวนยานพาหนะในระบบขนส่งสาธารณะให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและความจำเป็นในการใช้บริการของประชาชน


นอกจากนี้ ยังมีการออกมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (10 จังหวัด ได้แก่ กทม.ปริมณฑล 6 จังหวัด และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ : สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี) ดังนี้

- ห้ามการเดินทางที่ไม่จําเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจําเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี

- การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกําหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้

- กํากับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด

- ให้เริ่มดําเนินการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป และให้นํามาตรการควบคุมแบบบูรณาการสําหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่างๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกําหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดนี้

- ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกํากับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยให้พร้อมดําเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้กรณีตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558



สำหรับการจัดระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติที่ประชุม ศบค.วันที่ 9 ก.ค.64 มีดังนี้

พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา

พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตาก นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี

พื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ กําแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ ชุมพร ตรัง ตราด บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษสตูล สระแก้ว สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองบัวลําภู อุดรธานี อุบลราชธานี

พื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ลําปาง ลําพูน สกลนคร หนองคาย อํานาจเจริญ อุตรดิตถ์


นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ยังมีการกำหนดมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล ดังนี้

1. สธ., รง., กรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล เร่งรัดให้มีการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบการตรวจหาเชื้อ อย่างเพียงพอ

2. สธ. ร่วมกับ กรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดนําระบบการแยกกักแบบการแยกกักที่บ้าน (HI : Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (CI : Community Isolation) รวมทั้งการใช้ ยาสมุนไพรในบัญชียาหลัก ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร เป็นต้น มาเสริมเพิ่มมาตรการรักษาพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อทดแทนการขาดแคลนเตียงพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ

3. สธ. ร่วมกับ กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการจัดตั้ง ICU สนาม และ รพ.สนาม รวมถึง รพ.สนามชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว และมีจํานวนมาก

4. สธ.ปรับแผนการกระจายวัคซีน และเร่งการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจําตัวและโรคเรื้อรัง ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด

5. ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ในการป้องกันส่วนบุคคล การตรวจหาเชื้อ และการรักษาพยาบาล ให้มีประสิทธิภาพ

6. ให้ ศบศ. เร่งรัดกําหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกําหนดมาตรการในครั้งนี้ ตามความจําเป็นของแต่ละพื้นที่


สำหรับการปฏิบัติในจังหวัดอื่น มีดังนี้

1. มท. ร่วมกับ สธ. เน้นย้ำให้ ผวจ.และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันรับผิดชอบในการกําหนดมาตรการคัดกรองและมาตรการติดตามสําหรับบุคคลที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่ เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (10 จังหวัด : กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ มุทรสาคร สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส) ทั้งนี้ “ให้พร้อมดําเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป” โดยอาศัยอํานาจตามข้อกําหนด ฉบับที่ 25ง

2. ให้นํามาตรการควบคุมแบบบูรณาการสําหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่างๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกําหนด(ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดนี้














กำลังโหลดความคิดเห็น