แม้มีรายงานเกิดอาการระบบประสาทที่เกิดขึ้นยากมากๆ ในบุคคลบางรายที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่ประโยชน์ของมันมีมากกว่าความเสี่ยง จากความเห็นของคณะที่ปรึกษาชุดหนึ่งแห่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ในวันพฤหัสบดี (22 ก.ค.)
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) เพิ่มเติมคำเตือนบนเอกสารข้อเท็จจริงวัคซีนโควิด-19 เข็มเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ระบุข้อมูลบ่งชี้ว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอาการระบบประสาทที่เกิดขึ้นยากมากๆ ในช่วง 6 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีน
คณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ทำการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หลังได้รับรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain Barre syndrome) หรือโรคระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ทำให้กล้ามเนื้ออัมพาตอ่อนแรงอย่างเฉียบพลันจากคนที่ฉีดวัคซีน
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของซีดีซี อ้างอิงคณะที่ปรึกษาชี้ว่า ประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยง และบอกว่าในเรื่องความเป็นไปได้ของความเกี่ยวข้องกันระหว่างโรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรกับวัคซีน ทางซีดีซีจะอัปเดตในข้อควรพิจารณาสำหรับการใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์สัน โดยให้แจ้งกับผู้ฉีดวัคซีนที่ประวัติโรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ว่าควรมองวัคซีนทางเลือกเป็นลำดับแรก ซึ่งที่มีก็คือวัคซีน 2 เข็มเทคโนโลยี mRNA ของไฟเซอร์/ไบออนเท็ค และโมเดอร์นา
มีประชาชนฉีดวัคซีนโดสเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันแล้วราวๆ 12.8 ล้านคนในสหรัฐฯ และทางเอฟดีเอระบุว่า ได้รับรายงานในเบื้องต้นเกี่ยวกับกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ในบุคคลที่ฉีดวัคซีน 100 ราย ในนั้น 95 รายเป็นเคสอาการสาหัส ที่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิต 1 ราย
จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เน้นย้ำในวันพฤหัสบดี (22 ก.ค.) ว่าประโยชน์วัคซีนของพวกเขานั้นมีมากกว่าความเป็นไปได้ที่จะก่อความเสี่ยงต่างๆ นานา
"คณะทำงานของคณะกรรมการที่ปรึกษาที่กำหนดหลักปฏิบัติภูมิคุ้มกันโรค (Advisory Committee on Immunization Practices) ของซีดีซี แสดงจุดยืนสนับสนุนอย่างหนักแน่น สำหรับการเดินหน้าใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน" จากการเปิดเผยของซาราห์ เอ็มบายี เจ้าหน้าที่ของซีดีซีกล่าวระหว่างการประชุม
(ที่มา : รอยตอร์)