ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ไร้ประโยชน์อีกหนึ่ง! “ตู้กรองน้ำโซลาร์เซลล์” ของ ศอ.บต.กับชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ป.ป.ช.ภาค 9 เผยอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐาน และไต่สวนข้อเท็จจริงโครงการนี้ในหลายประเด็น คาดปลายปีนี้ได้คำตอบ
กรณี “โครงการติดตั้งตู้กรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์” หรือ “ตู้กรองน้ำโซลาร์เซลล์” ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ราคาสูงถึงตู้ละ 549,000 บาท ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีปัญหาตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน ผ่านมากว่า 4 ปี ยังมีปัญหาอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับ “ตู้กรองน้ำโซลาร์เซลล์” จำนวน 1 ตู้ สามารถซื้อรถยนต์กระบะตอนเดียวได้ 1 คัน ซื้อรถมอเตอร์ไซค์สำหรับใช้งานทั่วไปได้ถึง 10 คัน ซื้อบ้านมือสองในต่างจังหวัดได้ 1 หลัง หรือแม้แต่ซื้อสวนยางพาราในหลายพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หลายไร่
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรใน ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา พบว่าตู้ชำรุดเสียหาย น้ำไม่ไหล ชาวบ้านไม่ได้ไปกดน้ำมาใช้นานแล้ว หญ้าขึ้นรก ตู้กรองน้ำราคากว่าครึ่งล้านตั้งอยู่เดียวดาย ไร้ประโยชน์ และไม่ตอบโจทย์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว แต่ทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ทำหนังสือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะ อบต. เซ็นยืมใช้ตู้กรองน้ำ ทั้งๆ ที่ อบต.ไม่ได้มีความต้องการแต่อย่างใด
ชาวบ้านรอบๆ บริเวณดังกล่าวบางคนให้ข้อมูลว่า เครื่องกรองน้ำไม่ได้ใช้งานมาหลายปีแล้ว เพราะหลังการติดตั้ง กลับมีคนนอกชุมชนมารับน้ำจำนวนมากเพื่อเอาไปขายต่อ ทำให้ระบบประปาหมู่บ้านต้องจ่ายค่าไฟเพิ่ม เพราะต้องสูบน้ำขึ้นมากรองเดือนละ 3,000-4,000 บาท และเมื่อเครื่องกรองชำรุดก็ไม่ได้มีการเข้ามาซ่อมแซม โดยเครื่องกรองน้ำโซลาร์เซลล์ที่นำมาติดตั้งนี้ เป็นของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. แต่ราคาติดตั้งสูงถึง 549,000 บาท รวมงบประมาณในการติดตั้งไปแล้ว 91 จุด ราว 51 ล้านบาทในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้วิธีพิเศษในการจัดซื้อจัดจ้าง คือไม่มีการประกวดราคา จึงถูกตั้งคำถามจากชาวบ้านหลายคนที่ตั้งข้อสังเกตถึงราคาจัดซื้อว่าแพงเกินจริงหรือไม่ รวงถึงเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งาน
ขณะที่ นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการ คกก.ป.ป.ช.ภาค 9 ระบุว่า ทาง ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน และอยู่ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริงในโครงการนี้ ทั้งในประเด็นการตรวจสอบราคาจัดซื้อว่าแพงเกินจริงหรือไม่ มีการฮั้วประมูล และมีการล็อกสเปกหรือไม่ โดยได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน และไต่สวนข้อเท็จจริงไปแล้วกว่าร้อยละ 70-80 คาดว่าในปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปในกรณีนี้
