xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกายกฟ้อง “หมอนิ่ม” คดีจ้างวานฆ่า “เอ็กซ์-จักรกฤษณ์” คดีถึงที่สุด ให้ประหารชีวิต “ทนายอี๊ด” ส่วนแม่ยายลดโทษจำคุก 25 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 45 ปี อดีตภรรยาของเอ็กซ์-จักรกฤษณ์
ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง “หมอนิ่ม” คดีจ้างวานฆ่า “เอ็กซ์-จักรกฤษณ์” คดีถึงที่สุด ส่วนแม่ยาย ศาลเห็นใจกระทำผิดเพราะลูกสาวถูกทำร้าย ตกอยู่ในความทุกข์สาหัส ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 25 ปี มือปืน-คนขี่ จยย.โดนคุกตลอดชีวิต ส่วนทนายอี๊ดประหารชีวิต และร่วมชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2564 ศาลอาญามีนบุรี มีคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีจ้างวานฆ่า นายจักรกฤษณ์ หรือ เอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย หมายเลขดำที่ อ.383/2557 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายจิรศักดิ์ หรือ จี กลิ่นคล้าย อายุ 50 ปี มือปืน, นางสุรางค์ ดวงจินดา อายุ 79 ปี มารดาหมอนิ่ม, พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 45 ปี อดีตภรรยาของ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์, นายสันติ หรือ อี๊ด ทองเสม อายุ 35 ปี ทนายความ และ นายธวัชชัย หรือ อ้น เพชรโชติ อายุ 38 ปี คนขี่จักรยานยนต์ เป็นจำเลย 1-5 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จ้างวานใช้ ยุยงส่งเสริมให้ฆ่า, มีและพกพาอาวุธปืน ยิงอาวุธปืนในที่ทางสาธารณะ

โดยคดีนี้ นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดาผู้ตาย ได้ยื่นคำร้องขอให้จำเลย ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งเป็นเงิน 4.4 ล้านบาทด้วย

คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างเดือน ส.ค.- 19 ต.ค. 2556 จำเลยที่ 2-4 ร่วมกันจ้างวานให้ จำเลย 1 กับพวกที่หลบหนี ใชัอาวุธปืนยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตโกเรฟ ขนาด 7.62 มม. ฆ่า นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 41 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ตามร่างกายหลายนัด จนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณหน้าวัดบางเพ็งใต้ ถนนสุขาภิบาล 3 (รามคำแหง) แขวงและเขตมีนบุรี กทม.

ในระหว่างการพิจารณาคดี นางสุรางค์ มารดาของหมอนิ่ม กับ พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม และ นายสันติ หรือ ทนายอี๊ด จำเลยที่ 2-4 ได้ประกันตัวไปคนละ 5 แสนบาท คดีสืบพยานเสร็จสิ้น เมื่อเดือน ก.ย. 59 ที่ผ่านมา

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2559 ให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 ว่า ได้ร่วมกันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289(4) และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ ประกอบ ป.อ.มาตรา 83 ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 และที่ 5 และให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยยกฟ้องจำเลยที่ 2 กับให้จำเลยที่ 1, 3, 4, 5 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้อง


ต่อมาอัยการโจทก์ โจทก์ร่วม และจำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์

โดยศาลอุทธรณ์มีพิพากษา เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2561 ว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 มารดาของ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 เป็นผู้จ้างวานให้ นายสมจิตร หรือ ทนายอิ๊ด ติดต่อให้ นายจีรศักดิ์ จำเลยที่ 1 มือปืน และ นายธวัชชัย จำเลย 4 คนขี่ จยย.มาฆ่าผู้ตายจริง เนื่องจาก น.ส.สุรางค์ ยังโกรธแค้นที่ผู้ตาย ทำร้ายร่างกายหมอนิ่ม บุตรสาวคนเดียว และทำร้ายหลานสาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้งหลายหน และเชื่อว่า ผู้ตายไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมได้

ส่วน พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 ศาลเห็นว่า ยังมีความรักใคร่ผู้ตาย ทั้งระหว่างที่เกิดเรื่องก็ยังเคยมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งเคยพาบุตรสาวไปเยี่ยมที่เรือนจำทหาร และไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ตายของศาลทหาร ที่ทำร้ายร่างกายหมอนิ่ม คดีเสพยาเสพติดด้วย ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้ให้ประหารชีวิต น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ฐานใช้จ้างวานให้ฆ่าเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ผู้ตาย

คำให้การของ น.ส.สุรางค์ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาท ร่วมกับจำเลยที่ 1, 4 และ 5 ส่วน พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม จำเลยที่ 3 พิพากษากลับยกฟ้อง

ขณะที่จำเลยที่ 1, 4, 5 นั้น แม้ไม่มีประจักษ์เห็นการจ้างวาน แต่มีข้อมูลบันทึกการใช้โทรศัพท์ติดต่อเชื่อมโยงระหว่างกันทั้งช่วงก่อน-หลังเกิดเหตุ รวมทั้งข้อมูลการเคลื่อนที่สัญญาณโทรศัพท์ตามเส้นทางเกิดเหตุที่มีการเฝ้าติดตามผู้ตาย อีกทั้งวงจรปิดตามสถานที่ใกล้ที่เกิดเหตุ โดยจำเลยที่ 1, 5 ก็รับว่าบุคคลในภาพเป็นตน ซึ่งการแถลงข่าวหลังสอบสวนจำเลยทั้งสองไม่มีท่าทีว่าถูกบังคับ ดังนั้น ที่ภายหลังอ้างว่า จำเลยที่ 1, 4, 5 โอนเงินให้กัน เพราะติดหนี้ก็เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ เท่านั้น จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ระหว่างฎีกา ตีราคาประกัน 1 ล้านบาท

ต่อมา นายจิรศักดิ์ กลิ่นคล้าย มือปืน, นางสุรางค์ มารดา พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม จำเลยที่ 1 และ 2 ยื่นฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ต่อสู้ในประเด็นการร่วมจำเลยที่ 4 และที่ 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องนั้น ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมชดใช้ตามจำนวนดังกล่าวนั้น ชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย และฎีกาข้ออื่นที่ต่อสู้ประเด็นการรับฟังคำให้การพยานที่มาลงโทษจำเลย ก็ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย


อย่างไรก็ตาม สำหรับพฤติการณ์การกระทำผิดของนางสุรางค์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ยายผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นว่า เกิดจากการที่ผู้ตายกระทำต่อ พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของจำเลยที่ 2 ครั้งแล้วครั้งเล่า และบางครั้งยังกระทำต่อหน้าหลานเล็กๆ ของจำเลยที่ 2 อันเนื่องมาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุมีความไม่แน่นอนว่าผู้ตาย ซึ่งเป็นนักกีฬายิงปืน มีอาวุธปืนอาจใช้อาวุธปืนของตนกระทำต่อจำเลยที่ 3 และครอบครัวในขณะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เป็นได้ เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 2 เดือน ก็ยังใช้อาวุธปืนยิงไปทางคนรับใช้และบุตรคนเล็ก จนผู้ตายถูกจับและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ และเพิ่งได้รับการประกันตัวมาไม่นาน การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่ขณะเกิดเหตุเป็นหญิงมีอายุถึง 72 ปี และบัดนี้มีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเข้าลักษณะของผู้กระทำความผิดที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 78 ที่ศาลอาจลดโทษได้ให้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง และตาม ป.อ.มาตรา 52 ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยที่ 2 เพียงหนึ่งในสามและคงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตด้วยเหตุเพียงคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 อีก

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และจำเลยที่ 2 กระทำความผิดเพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตาม ป.อ มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงลงโทษจำคุก 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น