xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.โชว์กำไร 9 เดือน 8.08 หมื่นล้าน โต 228%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:




ปตท.ปลื้มกำไรไตรมาส3/64 อยู่ที่ 23,652.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 67.5 % เนื่องจากรายได้ทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตสูงขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันและปิโตรเคมีดีขึ้น รวมทั้งมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน หนุนงวด 9 เดือนแรกปีนี้โกยกำไรสุทธิ 80,819.11 ล้านบาท เติบโตขึ้น 228% จากปีก่อน


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(PTT) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส3/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 23,652.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14,120.18 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.82 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.50 บาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2564 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 558,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 2 ปี 2564 จำนวน 25,632 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.8 ส่วนใหญ่จากรายได้ของกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มข้ึนตามราคาในตลาดโลก แม้ปริมาณขายลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19สายพันธ์ุเดลต้า อีกท้ังรายได้ของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มข้ึนโดยหลักจากราคาขายลูกค้าอุตสาหกรรมที่อ้างอิงราคา น้ำมันเตาที่เพิ่มข้ึนของธุรกิจจัดหาและจัดจาหน่ายก๊าซฯ และจากราคาขายเฉลี่ยที่อ้างอิงราคาปิโตรเคมีที่เพิ่มข้ึนของธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ

ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) 110,522 ล้านบาท ลดลง 2,644 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.3 จากไตรมาส2/2564 โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นตามปริมาณขายโดยรวมที่ลดลง จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นของกลุ่มปตท. รวมถึงต้นทุนที่เพิ่มข้ึนตาม Crude premium และราคาวัตถุดิบของปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงข้ึน และผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงที่สูงขึ้น ในส่วนของธุรกิจน้ำมันที่มีผลการดำเนินงานลดลง จากปริมาณขายที่ลดลง

นอกจากน้ีกำไรจากสต็อกน้ำมันของกลุ่ม ปตท. ปรับลดลงประมาณ 1,400 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มข้ึนในอัตราที่น้อยกว่าในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปรับตัวดีข้ึน มาจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งไตรมาส3 นี้มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำตามสัดส่วนของปตท.โดยหลักจากการตัดจำหน่ายอะไหล่เสื่อมสภาพประมาณ 900ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิของปตทและบริษัทย่อยในไตรมาส3/2564 มีจำนวน 23,653 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.8 จากไตรมาส2/2564 ที่ 24,578 ล้านบาท


นายอรรถพล กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 เปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 ปตท.และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 558,888ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 175,289 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.7 จากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้ของกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจน้ำมันเพิ่มข้ึนจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มข้ึนตามทิศทางราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีในตลาดโลก รวมถึงรายได้ของธุรกิจสำรวจและ ผลิตปิโตรเลียมที่ปรับข้ึนตามราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มข้ึน

ในไตรมาส3/2564 ปตท.และบริษัทย่อยมีEBITDA เพิ่มขึ้น 43,057ล้านบาท หรือร้อยละ 63.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 67,465ล้านบาทโดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นตามผลการดำเนินงานที่เพิ่มข้ึนของธุรกิจปิโตรเคมีจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี กับวัตถุดิบสายโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ ที่ปรับตัวสูงข้ึนและปริมาณขายโดยรวมที่เพิ่มข้ึนสุทธิกับผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจการกลั่นตามปริมาณขายที่ลดลง รวมทั้งขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้แม้ว่าสต๊อกน้ำมันของกลุ่มปตทจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าไตรมาส3/2563


ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 80,819.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น228% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24,619.12 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.82 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.86 บาท โดยมีรายได้จากการขาย 1,569,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เกือบทุกกลุ่มธุรกิจ

โดย 9 เดือนแรกปีนี้ ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA 326,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172,627 ล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ100.0 และมีกำไรสต๊อกน้ำมันของกลุ่มปตท.ประมาณ39,000ล้านบาทตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มข้ึนจากสิ้นปี 2563 ในขณะที่มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 27,000 ล้านบาทใน 9เดือนปี2563 ในส่วนของผลการดาเนินงานของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปรับเพิ่มข้ึนเช่นกัน โดยหลักจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มข้ึนนอกจากน้ีกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานเพิ่มข้ึน

โดยกำไรสุทธิของปตท.และบริษัทย่อยใน 9เดือนแรกของปี 2564มีสัดส่วนจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 33 %ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 23%ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 22% ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมและบริษัทย่อยอื่นๆ 13%สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก 9% ทั้งนี้กลุ่มปตท.สามารถนำส่งเงินเข้ารัฐสำหรับผลการดำเนินงาน 9เดือนแรกของปี 2564ทั้งในรูปแบบเงินปันผลและภาษีเงินได้รวม 55,924ล้านบาทหากนับตั้งแต่ปี 2544ถึง 9เดือนแรกของปี 2564กลุ่มปตท.นำเงินส่งรัฐรวม 1.05ล้านล้านบาท


นายอรรถพลกล่าวว่ากลุ่มปตท.ได้เตรียมแผนลงทุน 5ปีรวม 865,000ล้านบาทเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจตามกรอบวิสัยทัศน์ Powering Life with Future energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังงานแห่งอนาคตร่วมผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (New S-Curve)ประกอบด้วยการลงทุนในพลังงานอนาคต (Future Energy)อาทิ พลังงานทดแทนระบบการกักเก็บพลังงานธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าศึกษาการใช้พลังงานจากไฮโดรเจนและลงทุนนอกธุรกิจพลังงาน(Beyond)อาทิ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (ยาอาหารและโภชนาการวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์)ต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมีสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ปรับธุรกิจน้ำมันให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์และเทคโนโลยีดิจิทัล

พร้อมจัดตั้งคณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์กลุ่มปตท. (PTT Group Net Zero Task Force : GNTF)เพื่อวางกรอบเป้าหมายที่ชัดเจนในการยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral)ภายในปีค.ศ. 2050และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)ได้ในปีค.ศ. 2065ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น