xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดคุณพ่อ! “สุชาติ” ผู้ยอมทิ้งรายได้เรือนแสน เพื่อฝึกพัฒนาการลูก พร้อมช่วยเด็กพิเศษมีงาน-รายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จักคุณพ่อคนหนึ่ง ซึ่งเลือกลาออกจากงานรายได้สูง เพื่อฝึกพัฒนาการลูกที่เป็นเด็กพิเศษ จนปัจจุบันลูกกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่เท่านั้นคุณพ่อคนนี้ยังเปิดบริษัท พร้อมรับเด็กพิเศษเข้าทำงาน โดยให้ค่าตอบแทนเท่ากับพนักงานปกติอีกด้วย



ชีวิตที่กำลังรุ่งเรืองของ “สุชาติ โอวาทวรรณสกุล” เมื่อ 22 ปีก่อน กับรายได้ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัททำความสะอาดแห่งหนึ่งซึ่งสูงนับแสนต่อเดือน และสิ่งที่คาดหวังว่า กำลังจะมาเติมเต็มชีวิตในช่วงนั้นให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก็คือลูกที่กำลังจะลืมตาดูโลก แต่แล้วทุกอย่าง กลับไม่เป็นดังคิด!


“แต่งงาน มีลูก แจ็คพ็อตที่เราเลย ถูกหวยเบอร์ใหญ่เลย แต่เป็นหวยที่ทำให้เราทุกข์ที่สุดในโลกเหมือนกัน คือมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม”

แม้ไม่ทันตั้งตัว แต่ในที่สุด คุณสุชาติก็ทำใจรับสภาพกับการมีลูกเป็นเด็กพิเศษได้ แต่การมีลูกเด็กพิเศษ ย่อมต้องใช้เวลาในการดูแลและฝึกพัฒนาการลูก แล้วเขาจะทำอย่างไร?


ถึงเวลาต้องเลือก “เงิน” หรือ “ลูก”!!

“ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เลือกเอาลูก ออกจากงานเลย ทิ้งเงินป็นแสนเลย ทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาพัฒนาการให้ลูกอย่างเดียว ...ยาที่ดีที่สุดสำหรับลูกคือ พ่อแม่ จะเป็นคนเลี้ยง คนใช้ อะไร ผมว่าพ่อแม่ดีที่สุด ผมเลยคิดว่า นี่แหละ จะสร้างเขาขึ้นมาให้ได้”


ไม่ใช่แค่คุณสุชาติเท่านั้นที่เลือกลาออกจากงานเพื่อลูก แต่ภรรยาก็ลาออกเช่นกัน ซึ่งหลังจากลาออกไม่นาน คุณสุชาติได้ตัดสินใจเปิดบริษัททำความสะอาดครบวงจร เพราะคิดแล้วว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจ เอื้อให้มีเวลาดูแลลูกมากกว่าเป็นลูกจ้างเขา


“แม่ก็ออกมาด้วยนะ สองคนนี้ทุบหม้อข้าวทั้งคู่เลย แม่ก็อุ้มลูกไปด้วย รับโทรศัพท์ไปด้วย ให้นมไปด้วย ผมก็ต้องไปทำงานดึกขึ้น เพราะลูกอยู่กับแม่ ผมก็ไปหาลูกค้า 2-3 ทุ่มก็ทำ ทุ่มเททั้งธุรกิจด้วย ลูกด้วย”


พัฒนาการลูกน่าพอใจ!!

ผลจากการทุ่มเทเพื่อลูก ปัจจุบัน "น้องนายน์" รินชาติ โอวาทวรรณสกุล ลูกชาย อายุ 22 ปี ไม่เพียงมีพัฒนาการที่น่าพอใจ ทั้งการพูด การร้องเพลง การเต้น การเขียน ฯลฯ แต่น้องนายน์กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาตรีด้านการแสดง ที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตอีกด้วย


ช่วยเด็กพิเศษมีงาน-รายได้ทัดเทียมคนปกติ!!

ไม่ใช่แค่ลูกที่มีพัฒนาการก้าวหน้า แต่บริษัททำความสะอาดครบวงจรของคุณสุชาติ (บริษัท โอวาท โปร แอนด์ ควิก จำกัด) ที่้เปิดมาเท่ากับอายุของน้องนายน์ ลูกชาย ก็เจริญก้าวหน้าจนปัจจุบันมี 2 สาขา และมีพนักงานกว่า 2,000 คน


การมีลูกเป็นเด็กพิเศษ ทำให้คุณสุชาติทราบดีว่า การจะฝึกพัฒนาการลูก ต้องใช้เวลา และเด็กพิเศษจะเป็นภาระของครอบครัว ถ้าเขาเหล่านั้นไม่ได้รับโอกาสจากสังคม ให้ได้ทำในสิ่งที่แบ่งเบาภาระครอบครัวได้ คุณสุชาติจึงเปิดโอกาสให้เด็กพิเศษได้เข้าทำงานที่บริษัทเขา ถึงปัจจุบันเกือบ 20 คนแล้ว โดยให้ค่าตอบแทนเท่ากับพนักงานปกติ


ช่วงแรก พนักงานปกติคัดค้าน ไม่ต้องการเด็กพิเศษ!!

"ค้านตั้งแต่วันแรกแล้ว เพราะผมเป็นคนขอเขา ขอคนเพิ่ม เพราะงานเราโหลดขึ้น ขอแผนกสโตร์เพิ่ม วันแรก เขาเอามาเลย พี่ศรราม แต่เขาเป็นคนพิการ ทุพพลภาพมั้ง แขนกล้ามเนื้ออ่อนแรง พี่นึกสภาพ เขาพูดไม่ค่อยชัด มือก็เกร็ง แล้วผมต้องการคน นี่คือแว่บแรก แล้วพี่ว่าผมต้องรู้สึกยังไง" ภัควรรธน์ สวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายคลังสินค้า สะท้อนความรู้สึกแรกที่มีต่อเด็กพิเศษ


หลังจากเห็นการทำงานของเด็กพิเศษ นึกไม่ถึงว่าทำงานดีกว่าคนปกติ

"พอเปิดใจ เห็นเขาทำงาน หรือได้อยู่กับเขา เฮ้ย! มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด คนละเรื่องกันเลย เราคิดว่า เขาจะทำอะไรได้ แต่พอเขาได้ทำ เราสั่งเขาหรือมอบหมายให้เขาทำ เขาทำทันที ...ถ้าเป็นคนปกติ เขาจะคิดว่าทำตอนไหนก็ได้ หัวหน้าไม่อยู่ เขาจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เด็กพิเศษ สั่งปุ๊บ ทำปั๊บ เราเดินไปไหน เขาก็ยังทำอยู่อย่างนั้น"


การที่คุณสุชาติให้โอกาสเด็กพิเศษได้ทำงาน ไม่เพียงช่วยให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพและมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น แต่รายได้ที่เด็กได้รับ นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้แล้ว บางรายยังสามารถปลดหนี้ให้แม่ได้ด้วย เช่น น้องสอง เป็นต้น


"คุณสุชาติถามน้องสองว่า ได้เงินแล้ว จะเอาเงินไปทำอะไร ทั้งๆ ที่น้องเป็นเด็กพิเศษ น้องบอกผมจะเอาเงินไปช่วยแม่ใช้หนี้ครับ ...ตอนนั้นฟังแล้วน้ำตาแทบไหล แม่ซึ้งมาก แล้วเขาทำได้จริงๆ คุณสุชาติเหมือนพ่อพระคนหนึ่งเลย ที่มาโปรด ถ้าไม่ได้เขา เราไม่มีวันนี้"เวทณี สีเขียว คุณแม่น้องสอง


ช่วยทั้งเด็กพิเศษ-ครอบครัว!!

“บางทีเรารับเด็กเข้ามา ไม่ใช่รับมาอย่างเดียว แต่เราผูกพันกับพ่อแม่ด้วย พ่อแม่ทำอะไร พ่อคนหนึ่งทำไฟฟ้า บางทีมีงานเดินไฟฟ้า ก็ให้มาทำ พ่อแม่บางคนตกงาน อยากมาทำความสะอาดกับเรา ก็รับ เราพยายามดูว่าจะช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้าง เพื่อให้เขาผ่านพ้นวิกฤตตรงนี้ไปได้” สุชาติ โอวาทวรรณสกุล คุณพ่อเจ้าของธุรกิจทำความสะอาดผู้มีลูกเป็นเด็กพิเศษ


ปัจจุบัน คุณสุชาติยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทยด้วย ซึ่งคอยช่วยเหลือและต่อสู้เพื่อให้เด็กพิเศษเข้าถึงสิทธิที่พึงมี โดยเฉพาะด้านการศึกษาและโอกาสในการทำงาน


"ผมเป็นคนแรกที่ทำให้คนพิการทางสติปัญญามีงานทำ โดยผมพาน้องนายน์ไปหาบริษัทต่างๆ ว่าคนพิการสติปัญญาเป็นแบบนี้นะ เห็นตัวจริง สัมผัสได้ ให้นายน์ร้องเพลงให้เขาฟัง เต้นให้ดู สื่อสาร ก็พูดรู้เรื่อง ใช้ได้ ก็เกิดการจ้างงานขึ้น ทำให้คนพิการเหล่านี้มีงานเกือบ 2,000 คน จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ตรงนี้ เราก็กระจายไปทั่วประเทศ"


จากความรู้สึกแรกที่เคยทุกข์กับการมีลูกเป็นเด็กพิเศษ วันนี้ ไม่เพียง “ทุกข์” ได้แปรเปลี่ยนเป็น “ความสุข” แต่คุณสุชาติยังส่งต่อความสุขให้ครอบครัวเด็กพิเศษอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเขายอมรับว่า"การมีลูกเป็นเด็กพิเศษ ทำให้ชีวิตเราแกร่งขึ้น เราไม่นึกว่าวันหนึ่งเราจะลุกขึ้นมาทำงานเพื่อสังคม ...การมีลูกแบบนี้ทำให้เราคิดถึงความลำบาก ความเดือดร้อนของคนอื่นว่า เราจะบรรเทาทุกข์เขาได้ยังไง เราจะแก้ปัญหาให้เขาได้ยังไง"


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ลูกเปลี่ยนชีวิต”
https://www.youtube.com/watch?v=xxN4G6u3018&t=235s


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos


กำลังโหลดความคิดเห็น