เข้าสู่ 15 ชั่วโมง ของการค้นหา “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 หลังจากเจ้าหน้าที่ปิดน่านน้ำตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม 5 ถึงสะพานซังฮี้ โดยจะทำในลักษณะการปูพรมค้นหา เริ่มจากจุดเกิดเหตุไหลไปตามน้ำในรัศมี 10 กิโลเมตร
ความคืบหน้าล่าสุด เวลา 15.00 น. “นายปิยะลักษณ์ ถิ่นแก้ว” หัวหน้าชุดปฏิบัติการ มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เผยขณะนี้ได้หยุดค้นหาใต้น้ำ และจะเริ่มแผนค้นหาทางผิวน้ำในเวลา 16.00 น. จากการประเมินสถานการณ์ได้ผ่านระยะเวลาที่แตงโมสูญหายนานเกิน 12 ชั่วโมง จึงมีความเป็นไปได้ที่ร่างจะอิ่มน้ำ และลอยขึ้นบนผิวน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนหากพบวัตถุหรือร่างกายมนุษย์ที่ลอยอยู่ในน้ำให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ซึ่งการปฏิบัติการในครั้งนี้ใช้นักประดาน้ำทั้งหมด 50 คน
“หลังจากช่วงบ่ายที่แจ้งให้ทราบ ว่าเราจะปฏิบัติการปูพรมแบบหน้ากระดานเต็มร่องน้ำ เราก็ได้ปล่อยชุดปฏิบัติการนักประดาน้ำลงปฏิบัติการไปแล้ว ตามพื้นที่ที่คาดหวัง ก็ยังไม่พบนะครับ ในขณะนี้ผมได้ประสานงานทุกหน่วยงาน ยุติการค้นหาเกี่ยวกับปฏิบัติการใต้น้ำไว้ก่อน เนื่องจากความตั้งใจสุดท้ายของเรา คือการปฏิบัติการแบบปูพรม เพื่อไขข้อสงสัยว่าในพื้นที่ที่เราหาไปเมื่อคืนนี้ ยังมีข้อตกลงหล่นหรือเปล่า แล้วเดี๋ยวจะเข้าสู่ชั่วโมงเร็วด่วน เกี่ยวกับเรื่องการสัญจรทางน้ำ ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน เราจึงรีบปฏิบัติงานเพื่อค้นหา แล้วก็ยุตินะครับ
แต่เดี๋ยวจะให้ชุดปฏิบัติการได้พักผ่อนกันสักครู่ ก็ยังไม่หยุดนะครับ ระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 12 ชั่วโมง เราคิดว่าเดี๋ยวเราจะปรับทีม เป็นการใช้การค้นหาบนผิวน้ำ เราจะล่องเรือลักษณะปูพรมเช่นกัน แต่เป็นการปูพรมหน้ากระดาน โดยการใช้เรือลาดตะเวนที่ผิวน้ำ เราจะล่องไปในทิศเหนือ คือด้านสะพานพระราม 5 หรือเหนือสะพานพระราม 5 ก่อน แล้วก็จะลงไปทิศใต้ น่าจะสุดที่ประมาณสะพานซังฮี้ ก็จะเป็นการประเมินในช่วง 16.30 น. ถึงช่วงค่ำครับ
ถ้าถามโอกาสที่จะเจอ เอาจากประสบการณ์แล้วกันนะครับ แต่ในครั้งนี้ก็ค่อนข้างที่จะยาก เพราะจากประสบการณ์ ถ้าเป็นสภาวะปกติของร่างกายมนุษย์ที่ตกน้ำไป แล้วเจอแดดร้อนๆ น้ำร้อนๆ เนี่ย เร็วที่สุดบางทีตกไปตอนเช้า ตอนเย็นขึ้นแล้วก็มีครับ ขึ้นอยู่ผิวน้ำ แต่อันนี้จะมีอุปสรรคอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องอุณหภูมิของน้ำที่เย็น อุณหภูมิที่เกิดขึ้น มันสามารถที่จะไปรักษาสภาพของร่างได้ แล้วก็ทำให้ร่างยังไม่บวม ยังไม่อิ่มน้ำ เลยยังต้องใช้เวลาในการที่จะขึ้นมาเหนือน้ำได้ครับ
ส่วนกระแสความเชี่ยวของน้ำ อาจจะพัดร่างไปไกลขนาดไหน เราตั้งเป้าหมายไว้นะครับ ตั้งแต่ออกปฏิบัติการใต้น้ำ เราก็ตีขอบเขตไว้ว่าจากจุดที่มีการแจ้งว่าเกิดเหตุ ไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ไม่น่าจะเกิน 2 กิโลเมตร แล้วก็คาดการณ์ว่า ถ้าเกิดร่างของน้องอิ่มน้ำแล้วลอยขึ้นมา ก็คาดการณ์ว่าทิศเหนือทิศใต้ไม่เกิน 10 กิโลเมตรครับ”
ชี้หากได้ข้อมูลครบ พิกัดแน่นอน ไม่เกิน 3 ชม. พบร่าง
“จริงๆ แล้วถ้าเราได้ข้อมูลครบถ้วน พิกัดแน่นอน ผมคิดว่าการปฏิบัติการของเราทุกครั้ง แม้กระทั่งเจออุปสรรคต่างๆ ถ้าน้ำไม่เชี่ยวเกินไป ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมงผมคิดว่าพบร่างครับ แต่ในวันนี้ข้อมูลส่วนหนึ่งที่เราได้ ต้องเรียกว่างมเข็มครับ ข้อมูลเป็นลักษณะข้อมูลสุ่ม ให้การอย่างเดียวว่ากลางแม่น้ำๆ เห็นๆ จริงๆ แล้วตอนที่เห็นน่ะ ถ้าไม่มาตามทีมไปช่วย แล้ววนเรือกลับไป คิดว่าโอกาสน่าจะมีอยู่นะครับ แต่มาให้การกับทางทีมช่วยเหลือว่า อยู่ตรงกลางๆ ตกอยู่ตรงกลาง ขอความช่วยเหลือแล้ว จริงๆ คุณอยู่บนเรือ มันอยู่ใกล้ว่าคนที่อยู่ริมฝั่ง ถ้าวนเรือเข้าไปช่วยเหลือเอง โอกาสก็น่าจะมีกว่า
ปัญหาคือพิกัดแน่นอนครับ ปกติแล้วถ้าเคสทั่วๆ ไป มีคนพบเห็นจุดจม จุดตก ลักษณะร่างกายของมนุษย์เปรียบเหมือนหินก่อนหนึ่ง ตอนแรกมันจะหนัก ถ้าจมตรงไหน ส่วนใหญ่น้ำไม่เชี่ยวมากๆ ก็จะอยู่ตรงนั้น หรือจะไหลตามน้ำไปได้ไม่ไกล แต่ถ้าหาไม่เจอแล้ว ร่างกายมนุษย์ก็จะดูดซับน้ำ แล้วจะมีความบวมเกิดขึ้น ที่เขาบอกว่าขึ้นอืด แบบนั้นแหละครับ จะบวมอย่างนั้น ก็จะมีความเบา แล้วก็พัดตามกระแสน้ำได้ง่าย”
ไม่สนว่าจมจริงหรือไม่จริง เพราะทีมตั้งใจมาช่วยเหลือ
“เราไม่ได้มองอย่างนั้นครับ เราตั้งใจมาช่วยเหลือ ผมเรียนตามตรงนะครับ ว่าในบางกรณีเนี่ย ถ้าข้อมูลไม่เพียงพอ และในสถานการณ์ที่คิดว่าน่าจะเกิดอันตรายต่อทีมปฏิบัติได้ บางกรณีเราไม่ปฏิบัติก็มีนะครับ แต่ในครั้งนี้เราคิดว่าทุกคนก็มีความหวัง เราคงไม่หยุดนิ่งกับความหวังของทุกคน เราก็เต็มที่ตั้งแต่แรก
วันนี้ทัศนวิสัยมีเรื่องกระแสน้ำขึ้นลงที่เชี่ยว และเปลี่ยนทิศทางที่เป็นอุปสรรค แล้วก็อุณหภูมิของน้ำ ส่วนเรื่องการสัญจรเนี่ย เราได้รับความร่วมมือกับผู้ประกอบการทุกอย่าง การประสานงานของกรมเจ้าท่าเอง ก็พยายามเปิดโอกาสให้เราทำงานได้มากที่สุด”
นักประดาน้ำร่วมค้นหากว่า 50 คน รอร่างอิ่มตัวลอยขึ้นเหนือน้ำ
“นักประดาน้ำในการปฏิบัติการวันนี้กว่า 50 นายนะครับ ทำงานอย่างไม่พักต่อเนื่อง จากแผนเมื่อคืนเราปรับแผน แล้วก็ปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ชุดใหม่ ปฏิบัติงานในช่วงเช้ายันถึงบ่ายแก่ๆ ก็ไม่หยุดพักกันเลย
อุปสรรคในตอนเย็น มีเพียงแค่ความมืดครับ ที่ทำให้เราสังเกตวัตถุต่างๆ ที่ลอยมากับผิวน้ำ หรือปริ่มๆ มากับผิวน้ำ แล้วก็เป็นลักษณะคลื่นด้วย ก็ค่อนข้างที่จะลำบากในเรื่องแสง เราก็พยายามจะรีบดำเนินการตั้งแต่ 16.30 ยันไปถึงพลบค่ำครับ แล้วในส่วนของเรือที่มีไฟ เราก็พยายามจะเดินหน้าเต็มที่ ในการค้นหาตอนกลางคืนครับ
ถามว่าจะหาถึงเมื่อไหร่ ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนอีกทีนะครับ ก็เคยเจอเหมือนกันครับ อุปสรรคที่เลย 24 ชั่วโมงไปแล้ว แล้วเพิ่งมาพบร่าง แต่ด้วยแรงกายแรงใจของเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมแรงร่วมใจวันนี้นะครับ ก็ค่อนข้างที่จะเหนื่อยล้า แต่ถ้าเกิดหลังจากนี้ มีข้อมูลพบเห็น ว่าพบวัตถุหรือร่างกายมนุษย์ที่ลอยอยู่ในน้ำ ก็แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่ได้นะครับ จะมีหน่วยงานที่เป็นเวรประจำพื้นที่อยู่แล้ว”
ส่วนเรื่องอุปกรณ์ ผมคิดว่ามันเกินแก่เวลาที่ต้องใช้อุปกรณ์แล้วครับ กรอบของการใช้อุปกรณ์ถ้ามันไม่ติดอุปสรรคอะไรใต้น้ำ เชื่อได้เลยว่าอุปกรณ์ที่เราใช้อยู่เนี่ย มันเต็มที่แล้ว แล้วก็รอเวลาที่ร่างของน้องอิ่มตัว แล้วก็ขึ้นสู่ผิวน้ำครับ
ส่วนพยานแวดล้อมอย่างที่เรียนนะครับ ก็มีเพียงแค่เพื่อนที่ร่วมประสบเหตุ กับชาวบ้านบางส่วน ที่เห็นเรือวนไปวนมา แล้วก็ในละแวกนี้เท่านั้นครับ จริงๆ บางเคสเนี่ย ถ้าทางเจ้าหน้าที่พิจารณา ว่าเกิดความเสี่ยงกับตัวเรา แล้วข้อมูลไม่เพียงพอ เราแทบจะไม่เริ่มปฏิบัติการนะครับ แต่วันนี้เราเห็นทุกคนมีความหวัง ทั้งๆ เป็นข้อมูลสุ่ม การชี้จุดไม่เพียงพอ แต่เราทุกคนเต็มที่ กับการค้นหาแตงโมในครั้งนี้ครับ
ถามว่าจะสิ้นสุดกี่กิโล ด้วยกระแสน้ำแล้ว ประสบการณ์ที่เคยผ่านมา พบร่างส่วนใหญ่อาจจะพบที่บริเวณท่าน้ำนนท์ หรือหน้าศาลากลาง แล้วทางทิศใต้ ส่วนใหญ่จะเป็นใต้สะพานพระปิ่นเกล้า หรือตรงสะพานซังฮี้ครับ หลายๆ เคสที่ผ่านมา ทำร้ายตัวเอง กระโดดสะพานพระราม 5 สะพานพระราม 7 แล้วสูญหายไปเลย หาไม่เจอเลย ส่วนใหญ่ก็จะพบร่างลอยที่ทิศเหนือ ก็คงจะไม่เกินส่วนนี้ครับผม ทิศใต้ก็ตามส่วนที่เรียนไปครับ
ตอนนี้เรามีทีมปฏิบัติการที่ล่องเรือตรวจสอบ แล้วก็ก่อนที่จะมาปรับทีมตอนช่วง 16.30 น. เรามีทีมเจ็ตสกี ที่ทำการสำรวจอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ 16.30 น. ที่เรานัดหมายทุกทีมหลังจากการพักแล้ว เราจะนำเรือเดินหน้ากระดานแบบปูพรม แล้วก็สำรวจสังเกตการด้วยสายตาโดยรอบในพื้นผิวน้ำ ขอบตลิ่ง ใต้บ้านเรือนประชาชนต่างๆ เราจะดูอย่างละเอียดอีกครั้ง”
เผยสาเหตุที่ทำให้ร่างลอยช้ากว่าปกติ
“เรื่องอุณหภูมิครับ แล้วที่ปฏิบัติการมา เคยเจอเรื่องคนดื่มสุราเยอะๆ ก็มีครับ เราเคยเจอถึง 3 วัน บวกกับน้ำเย็นด้วย อุณหภูมิที่อยู่ข้างล่าง คืออิ่มน้ำแล้ว มีกลิ่นแล้ว แต่ยังไม่ขึ้นมาเหนือน้ำ ก็เคยเจอครับ มีครับแต่น้อย ส่วนใหญ่เกิน 24 ชั่วโมง ผมคิดว่าเต็มที่ครับ ร่างกายมนุษย์
ส่วนจะไปได้ไกลจากจุดที่ตกเท่าไหร่ ก็เป็น 20 กิโลครับ มันขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ เพราะว่าหลังจากร่างบวมแล้ว มีลักษณะเบา จะไม่เหมือนกับตอนแรกๆ ที่ยังไม่อิ่มน้ำ พอบวมน้ำแล้วมันจะมีความหนาแน่นจากภายใน ปอดขยาย เนื้อขยาย มันมีการพองตัว บวกกับกระแสน้ำมี่เชี่ยว ก็ตามทิศทางเลยครับ ไปตามความเร็วของน้ำเลย”