xs
xsm
sm
md
lg

“จอนนี่ แอนโฟเน่” โพสต์ขอโทษหลังมีภาพเป่านกหวีดแชร์ว่อนเน็ต เข้าใจการถูกเกลียดเป็นราคาที่ต้องจ่าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



หลังจากอดีตพระเอกชื่อดัง “จอนนี่ แอนโฟเน่” เปิดตัวเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โดยอาสาเป็นผู้รับใช้ประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาว คลองสามวา ก็ถูกขุดรูปเก่าครั้งสมัยเคยไปร่วมเป่านกหวีดมาแชร์ว่อนโซเชียลเป็นที่วิจารณ์ในวงกว้าง ล่าสุด จอนนี่ แอนโฟเน่ ได้โพสต์ชี้แจงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กเพจ จอนนี่ แอนโฟเน่ ที่เพิ่งเปิดเพจได้ไม่นาน มีคนติดตาม 100 กว่าคน โดยระบุว่า...

“#จอนนี่กลับใจ

ใช่ครับ “ผมขอโทษ”

ผมร่วมชุมนุมใน ปี 2556 ถึงปี 2557

ผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมจริง เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ และผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็นจากทุกท่าน

การชุมนุมในครั้งนั้น ผมก้าวขาออกจากบ้านเอง

ไม่มีใครบังคับ ก้าวขาออกไปด้วยความที่คิดของผมเองด้วยการเสพสื่อSocial ว่า....

" พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะเป็นการล้างบางคนผิดทุกกรณีซึ่งรวมไปถึงการทุจริต งบประมาณแผ่นดิน"

วันนั้นผมไม่เคยรู้เลยว่าจะมีการรัฐประหาร

ไม่เคยมีสัญญาณใดๆเกิดขึ้น เราเพียงออกไปเพื่อจะคัดค้าน พรบ.ดังกล่าว แล้วคิดแค่ว่าจะจบแค่นี้... แต่การชุมนุมไม่จบเพียงเท่านั้น จนในที่สุด "ลุงมาทำรัฐประหาร" และได้ลากจูงประเทศมาสู่จุดวิกฤตขนาดนี้ สร้างหนี้สินให้กับลูกหลานมากมายขนาดนี้

"ใช่ครับ การถูกเกลียด ถูกด่า ถูกขุดคุ้ย หรือไม่ถูกให้อภัย เป็นราคาที่ผมต้องจ่ายโดยที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้"

สิ่งแรกที่ผมทำได้ คือการ "#ขอโทษ" เพื่อลดความผิดพลาดของผมในอดีต แทนการเรียกร้องให้ทุกคนอภัย

#ผมขอโทษ ผมขอยอมรับความผิดพลาดที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง จนเป็นนำมาสู่ #การยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งผมก็มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาโดยตลอด

การออกมาในวันนี้ของผมก็เพื่อ "ปัจจุบัน" และ "อนาคต" ผมเองไม่สามารถลบอดีตได้ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่กลับไปทำความเข้าใจอดีตและความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อเป็นพลังในการเรียกร้องความยุติธรรม เป็นแรงให้กับผมในการกลับมาชดใช้สิ่งที่เคยทำไว้กับ #ประเทศที่ผมรัก

วันนี้ที่ผมออกมาพูดไม่ใช่เพราะว่าถูก #ทัวร์ลง
ผมร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทยมากกว่า 1 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ช่วงที่มีการระบาดของโควิดก็ได้ลงพื้นที่ส่งผู้ป่วย แจกของช่วยเหลือ ประสานเตียงผู้ป่วย

แต่ที่ผมต้องออกมาพูดวันนี้ ก็เพราะสิ่งที่ผมทำในอดีต กลายเป็นทำให้ผมต้องถูกผลักไปอยู่อีกข้างโดยปริยาย ผมเป็นคนที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา #ระบอบลุง ไม่เอา #นิรโทษกรรม "ผมก็ไม่รู้ว่าคนแบบผมจะถูกจัดไปอยู่ในพวกไหน"

แต่วันนี้ครับผมได้มีโอกาสพูด ผมก็อยากจะฝากไปถึงใครก็ตามที่วันนี้

เค้าได้เห็นความเลวร้ายของผลพวงจากการรัฐประหาร เค้าได้เห็นว่าลุงกู้เงินจนเราต้องชดใช้กันชั่วลูกชั่วหลาน เค้าได้เห็นว่าการรัฐประหารไม่ได้นำมาซึ่งความสุขสงบ เหมือนที่ลุงเอาไปเป็นข้ออ้าง เค้าได้เห็นว่าวันนี้ยังไม่มี #รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

แต่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่พิลึกกึกกือที่สุด เค้าได้เห็นเหมือนกันกับผมที่การบริหารจัดการโควิดผิดพลาดล้มเหลวจนทำให้ประชาชนต้องถึงแก่ชีวิต เค้าได้เห็นเหมือนกันกับผม ที่เศรษฐกิจแย่ จนคนตัวเล็กตัวน้อยต้องกู้หนี้ยืมสินต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยมหาโหด ฯ

ออกมาจากซอกหลืบเถอะครับ!

ออกมาจากข้างหลังตู้เย็นเถอะครับ!

ไม่ต้องลบโปรไฟล์ ไม่ต้องไล่ลบรูปอีกแล้วครับ!

เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถนำข้อผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ได้ เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถทำให้ประเทศมันดีได้ เพราะเรายังคงรักประเทศนี้เหมือนกัน

ออกมาช่วยกันทำให้ประเทศมันดี มาช่วยกันผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพื่อวางฐานรากของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สร้างประเทศที่ดีที่สุดเพื่อส่งมอบอนาคตประเทศให้กับลูกหลานของเราเถอะครับ

อย่ากลัวที่จะออกมาเผชิญหน้ากับความจริงครับ เพราะวันนึงเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต

การเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่การขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้พิสูจน์แล้วว่าทำให้บ้านเมืองมีปัญหา เป็นผลให้สภาพเศรษฐกิจของประเทศเกิดวิกฤติ กระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ผมเห็นว่าความขัดแย้งของคนในชาติควรยุติลง เพื่อมาร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติของชาติ จึงเข้าร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่าง และหันมาช่วยกันสร้างเศรษฐกิจไทย

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เข้าใจผมและส่งความห่วงใยมาทุกช่องทาง

ผมขอขอบคุณพี่น้อง พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan ที่ได้ให้โอกาสผมได้เข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เพื่อแก้ไขเรื่องผิดพลาดในอดีตของผม ซึ่งการกระทำในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคไทยสร้างไทยเลย

ผมขอให้เวลาและการทำงานเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจและอุดมการณ์ครั้งใหม่ของผม

ผมขอยืนยันว่า การพิสูจน์ตัวตน บนเส้นทางประชาธิปไตย เป็นเรื่องยากที่จะได้รับความเชื่อมั่น "ความเชื่อใจ" ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ที่ชัดเจนที่สุด และเป็นก้าวแรกที่จะเดินบนสนามประชาธิปไตยได้อย่างสง่างาม คือการพิสูจน์ตัวเองผ่าน การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินครับ และผมตั้งใจแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาดให้ดีที่สุดครับ

ขอบคุณครับ”




กำลังโหลดความคิดเห็น