เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เสด็จฯ เยือนกรุงอังการาของตุรกีอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (22 มิ.ย.) และทรงร่วมหารือกับประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลังเกิดคดีฆาตกรรมโหด “จามาล คาช็อกกี” นักข่าวซึ่งเป็นศัตรูของริยาดที่นครอิสตันบูลเมื่อ 5 ปีก่อน
การเสด็จฯ เยือนตุรกีครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าชายโมฮัมเหม็ดในการที่จะทรงฟื้นฟูภาพลักษณ์ของพระองค์เองในสายตานานาชาติ ขณะที่ แอร์โดอัน ก็คาดหวังความช่วยเหลือด้านการเงินที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจที่อ่อนเปลี้ยของตุรกี ก่อนถึงศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
ทั้งนี้ แอร์โดอัน ได้เคยเข้าเฝ้าฯ หารือตัวต่อตัวกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ดที่ซาอุดีอาระเบียมาแล้วเมื่อเดือน เม.ย. รวมถึงยอมยุติการไต่สวนคดีฆาตกรรม คาช็อกกี ในฝั่งของตุรกี เพื่อกรุยทางฟื้นสัมพันธ์กลับสู่ภาวะปกติ
ผู้นำตุรกีแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตนและเจ้าชายโมฮัมเหม็ดจะหารือแนวทางเพิ่มความร่วมมือ “ในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก” ระหว่างที่เสด็จฯ เยือนกรุงอังการา ขณะที่แหล่งข่าวอาวุโสในตุรกีคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า การเสด็จฯ มาในครั้งนี้ “จะทำให้ความสัมพันธ์อังการา-ริยาดกลับสู่ระดับปกติอย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ขึ้น” และจะถือเป็นการ “เริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่”
แอร์โดอัน ได้จัดพิธีต้อนรับมกุฎราชกุมารซาอุฯ อย่างสมพระเกียรติที่ทำเนียบประธานาธิบดี โดยผู้นำทั้งสองได้มีการจับมือและสวมกอดกันอย่างชื่นมื่นอบอุ่น ก่อนจะมีการพบปะกับคณะรัฐมนตรีของตุรกี
เจ้าหน้าที่ตุรกีคนหนึ่งเผยว่า ทั้ง 2 ชาติได้ยกเลิกข้อจำกัดด้านการค้า การเดินทางโดยเครื่องบิน รวมไปถึงการเซ็นเซอร์รายการทีวีของกันและกัน ขณะที่สื่อมวลชนก็ได้รับคำสั่งให้ยุติการนำเสนอข้อมูลเชิงลบระหว่างกันด้วย
อย่างไรก็ตาม แผนการเจรจาข้อตกลงแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (currency swap) ซึ่งจะช่วยฟื้นระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ร่อยหรอของตุรกียังไม่คืบหน้า “เร็วเท่าที่คาดหวัง” และเป็นเรื่องที่ แอร์โดอัน กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ดจะได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวต่อไป
ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีคำแถลงร่วมภายหลังการหารือว่า รัฐบาลซาอุฯ และตุรกีมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือทวิภาคีทั้งในด้านการค้า การป้องกันประเทศ พลังงาน การท่องเที่ยว และอื่นๆ โดยอังการายังได้เชื้อเชิญนักลงทุนชาวซาอุฯ ให้เข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัปของตุรกีด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีและซาอุดีอาระเบียพลิกผันตกต่ำลงอย่างกะทันหัน หลังเกิดคดีนักข่าวชาวซาอุฯ จามาล คาช็อกกี ถูกทีมนักฆ่าจากริยาดลอบสังหาร และทำลายศพที่สถานกงสุลซาอุฯ ณ นครอิสตันบูล เมื่อปี 2018 ซึ่งในตอนนั้น แอร์โดอัน กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของผู้บงการ “ระดับสูงสุด” ในรัฐบาลซาอุฯ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาล แอร์โดอัน ได้กลับลำเลิกโจมตีเจ้าชายซาอุฯ ในประเด็นนี้ และยังประกาศโอนคดี คาช็อกกี ให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของศาลซาอุฯ เมื่อเดือน เม.ย. ท่ามกลางเสียงประณามจากนักสิทธิมนุษยชน
ที่มา : รอยเตอร์
